ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 34-35 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 34-35

หลังจับตาดูอยู่หลายวันเฉินหลุนก็พบว่าขบวนพ่อค้าขบวนนั้นกำลังจะปิดฉากการเดินทางและเริ่มทยอยออกจากเมืองหลวงแล้ว เขาจึงตัดสินใจนำกำลังคนไปล้อมจับทันที ไม่ผิดจากที่คิด คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีฝีมือ พอเห็นคนของทางการปรากฏตัวก็ต่อสู้อย่างดุดันเหี้ยมหาญ ทว่าเฉินหลุนเตรียมการมาอย่างดี ไหนเลยจะยอมปล่อยให้หลุดมือ แม้ผู้ใต้บังคับบัญชาจะบาดเจ็บไปหลายคน แต่สุดท้ายก็จับคนเหล่านั้นได้ทั้งหมด หลังทรมานไปหนึ่งชุด หนึ่งในนั้นทนทัณฑ์ทรมานไม่ไหว ยอมคายออกมาว่าพวกตนเป็นคนของหนานอ๋องชื่อซู องค์ชายหกแห่งชนเผ่าตี๋ ติดตามเจ้านายลอบเข้าแคว้นต้าเว่ยตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนจนมาถึงฉางอัน พอมาถึงฉางอัน ชื่อซูไม่ได้พักอยู่กับพวกตน ส่วนเจ้าตัวอยู่แห่งหนใดพวกตนก็ไม่รู้เช่นกัน หน้าที่ของพวกตนคือรอเคลื่อนไหวตามคำสั่ง แต่ไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดทางนั้นถึงได้เงียบเฉยมาโดยตลอด จนเมื่อหลายวันก่อนถึงได้รับคำสั่งว่าให้พวกตนสิ้นสุดการเดินทางครานี้

เฉินหลุนตื่นตระหนกเสียไม่มีดี ด้วยไม่คิดว่าสุดท้ายจะเกี่ยวพันไปถึงบุคคลระดับชื่อซู เขาเร่งเดินทางตลอดทั้งคืนเพื่อรุดเข้าวังหลวง แล้วขอพบอ๋องผู้สำเร็จราชการโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเวลาย่ำรุ่ง

ซู่เซิ่นฮุยเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน พอรู้ว่าเป็นเฉินหลุนก็ออกมาพบ หลังฟังรายงานจบก็เอ่ยถาม “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดชื่อซูนั่นถึงได้ยอมเสี่ยงลอบเข้าฉางอัน”

“จากคำให้การของคนผู้นั้น ฮ่องเต้เป่ยตี๋ให้ความสำคัญแก่ชื่อซูอย่างมาก มีโอกาสได้สืบทอดบัลลังก์สูง แต่เขาอยู่ในลำดับหก ก่อนจะถึงเขายังมีองค์ชายหลายพระองค์ที่เก่งกาจมากความสามารถเช่นกัน หากเขาอยากโดดเด่นกว่าพี่น้องคนอื่นก็จำต้องสร้างผลงานให้ได้ นี่คือสาเหตุที่เขามาสร้างจวนหนานอ๋องขึ้นในเมืองเยียนมณฑลโยวโจวเพื่อรักษาการณ์พื้นที่แถบนั้นด้วยตนเอง”

ซู่เซิ่นฮุยผงกศีรษะ “ตำแหน่งฮ่องเต้เป่ยตี๋มักเป็นของคนมีความสามารถ ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้นี้มานานแล้ว เห็นว่าอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต เย่อเหยิ่งทะนงตน ในเมื่อมาสร้างจวนหนานอ๋องไว้ที่นั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีจุดประสงค์ใด ครานี้เขาชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียลอบแฝงตัวเข้าฉางอันด้วยตนเองเพื่อสร้างความดีความชอบในวันข้างหน้า นับว่ากล้าอยู่ไม่น้อย”

เฉินหลุนถาม “จะให้ปิดเมืองตรวจค้นและกำหนดเวลาห้ามออกจากที่พักในยามวิกาลเพื่อจับคนผู้นี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ซู่เซิ่ยฮุยใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “ในฉางอันน่ะช่างเถิด คนเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ออกจากเมืองแล้ว ตัวเขาเองคงไม่ได้อยู่ในเมืองหรอก เชื่อว่าจะต้องออกไปนานแล้ว ข้าจะให้หลันหรงมาประสานงานกับเจ้า ส่งคนไปตั้งด่านสกัดตามทางที่มุ่งหน้าสู่มณฑลทางเหนือ ดูซิว่าพอจะได้อะไรบ้างหรือไม่ แต่ข้าคิดว่าเขาน่าจะเดินทางไปตามเส้นทางธรรมชาติมากกว่าทางหลัก เช่นนั้นจะต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร…”

เฉินหลุนเห็นเขากล่าวไปได้สักพักเสียงพูดก็เริ่มชะลอลงจนเงียบไปในที่สุด

เฉินหลุนรออยู่ครู่หนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่พูดอะไรต่อ พอจะเอ่ยเรียกก็พลันได้ยินเจ้าตัวเอ่ยขึ้นมาว่า “ทางพระชายา…เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว ข้าจะจัดการเอง ตอนนี้เจ้าจงรีบไปตำหนักเซียนเฉวียนแล้วรับนางกลับมาก่อน”

ราชบุตรเขยชะงัก

“รีบไปเร็ว!”

แม้จะยังไม่รู้ว่าชื่อซูผู้นั้นอยู่ที่ใด แต่ในเมื่อรู้ว่าเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น การปล่อยพระชายาไว้ที่ตำหนักแปรพระราชฐานคนเดียวย่อมอันตรายเกินไป กระทั่งลักลอบเข้าเมืองฉางอันชื่อซูยังกล้า หากอีกฝ่ายสืบรู้ว่าพระชายาแม่ทัพหญิงอยู่ที่ตำหนักเซียนเฉวียนเพียงลำพัง…

เฉินหลุนสะท้านวาบ ใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที รีบรุดออกจากวังหลวงเดินทางไปตำหนักเซียนเฉวียนตลอดทั้งคืน

องค์หญิงหย่งไท่ภรรยาเขาอยู่เป็นเพื่อนพระชายาที่ตำหนักสองสามวัน เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน เชื่อว่าไม่น่าเกิดเหตุร้ายขึ้น

เขามาถึงตำหนักแปรพระราชฐานในยามอิ๋น หญิงสกุลจวงที่ยังหลับอยู่ถูกปลุกขึ้นมา นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบร้อนสวมเสื้อผ้าออกมาพบเขา

“รบกวนจวงหมัวมัวไปทูลเชิญพระชายาให้เสด็จออกมาทีได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องจะทูลรายงาน” เฉินหลุนใช้น้ำเสียงปกติเพราะกลัวจะทำให้ผู้อื่นแตกตื่น

หญิงสกุลจวงตอบ “คลาดกันเสียแล้วเจ้าค่ะ หลังองค์หญิงเสด็จกลับเมืองหลวงไปเมื่อวานซืน เช้าเมื่อวานนี้พระชายาก็เสด็จออกเดินทาง ตรัสว่าหากตกค่ำแล้วยังไม่กลับจะทรงค้างแรมข้างนอก อย่าได้เป็นห่วง เมื่อคืนพระชายาไม่ได้เสด็จกลับเจ้าค่ะ”

“ทรงพาคนไปด้วยกี่คน” เฉินหลุนใจหายวาบ รีบถามอย่างนั้น

“ทรงพาองครักษ์ไปด้วยสองคน มีอะไรหรือ เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ”

แม้ราชบุตรเขยจะไม่ได้ปริปากพูดแม้เพียงครึ่งคำ หญิงสกุลจวงก็ยังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แล้วเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา

เฉินหลุนปลอบโยนอีกฝ่ายสองสามประโยคว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ จากนั้นก็บอกว่าหากพระชายากลับมาแล้วให้รีบส่งข่าวไปแจ้งทันที กำชับเสร็จก็รีบรุดควบม้ากลับเมืองหลวงโดยไม่หยุดพัก

ซู่เซิ่นฮุยได้รู้ข่าวนี้หลังเลิกประชุมราชสำนักในช่วงเช้า ตอนที่เฉินหลุนกลับมาถึง เขากำลังหารือเรื่องงานกับขุนนางอาวุโสหลายคน เฉินหลุนรอจนคนอื่นไปหมดแล้วถึงค่อยเข้าไปรายงานข่าวที่ได้มา

อ๋องผู้สำเร็จราชการที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างทิศใต้ของหอเหวินหลินหันมาสั่งการ

“ให้หลิวเซี่ยงนำกำลังคนไปเดี๋ยวนี้ จะต้องหาพระชายาให้พบแล้วพากลับมาให้ได้ รีบจัดการให้เร็วที่สุด!” เขาสั่ง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com