ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37

หน้าที่แล้ว1 of 8

บทที่ 36

ก่อนหน้านี้ไม่นานเจียงหานหยวนยังเป็นนักล่าที่จะยอมหยุดต่อเมื่อบรรลุเป้าหมาย เพลิดเพลินกับการไล่ตามเหยื่อของตนอย่างไม่ลดละ ทว่าผ่านไปเพียงครู่เดียวนางกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกล่าแทน ต่างกันตรงที่นางยิงเหยื่อด้วยลูกธนูไร้หัว กวางตัวนั้นถูกยิงล้มยังลุกขึ้นวิ่งหนีไปได้ แต่หากนางถูกยิง ไม่มีหรอกที่จะโชคดีอย่างนั้น

นางถูกพวกชื่อซูไล่ตามอย่างกัดไม่ปล่อย แม้จะหนีมาสองวันกับอีกสามคืนแล้วก็ยังสลัดฝ่ายตรงข้ามโดยสมบูรณ์ไม่ได้เสียที ตลอดทางที่หนีมานี้ ยิ่งไกลเท่าไร ร่องรอยสิ่งที่สร้างโดยมนุษย์ตามป่าเขาและลำน้ำยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ทุกที มองไปทางใดก็เห็นแต่ความเปลี่ยวร้าง

แม่ทัพหญิงรู้ว่าตนเองได้ออกจากอาณาเขตสวนป่าต้องห้ามเข้าสู่ความรกชัฏที่แท้จริงแล้ว รอบตัวมีเพียงป่าไม้และหุบเขา ไร้ซึ่งสัญญาณมนุษย์

ถุงหนังข้างอานม้าของชื่อซูมีเสบียงกับเนื้อแห้งที่ช่วยถนอมเรี่ยวแรงขั้นพื้นฐานให้ร่างกาย นางไม่กล้ากินหมด ได้แต่แบ่งออกเป็นส่วนๆ กินเพียงวันละนิด ที่เหลืออาศัยเก็บผลไม้ป่ากินประทังหิว รอยเกือกม้า มูลที่มันขับถ่าย อีกทั้งร่องรอยเล็มหญ้าและยอดไม้ของมันเพิ่มความเสี่ยงที่นางจะถูกตามรอยจนเจอ เมื่อวานพอมาถึงตีนเขาที่มีต้นไม้รกทึบอีกแห่งนางจึงปล่อยม้าให้เป็นอิสระแล้วเดินขึ้นเขาไปเพียงลำพัง

ชื่อซูกับผู้ใต้บังคับบัญชาขึ้นมาหาบนเขาแล้วทั้งช่วงกลางวัน หนึ่งในลูกน้องของเขาคือนายพรานมือฉมังด้านการแกะรอย ทว่าสุดท้ายก็ยังเจอแค่ม้าที่แต่เดิมเป็นของชื่อซู ส่วนเจียงหานหยวนอันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิงนับจากขึ้นเขา ไม่ทิ้งร่อยรอยใดๆ ไว้อีกเลย

ใกล้พลบค่ำเต็มที นางเหมือนเหยื่อที่ว่องไวและตื่นตัวตลอดเวลา มักให้ความหวังนายพรานที่ตามมาข้างหลัง แต่ทุกคราวที่ตามมาจนใกล้กลับพบว่าเข้าใจผิดไป

ผ่านมาสองวันสามคืนเต็มแล้ว

หนูกานเหลียวกลับไปมองทางที่พวกตนเดินผ่านมา ทุ่งร้างและหุบเขานอนสงบภายใต้แสงแดงฉานราวกับโลหิตของตะวันรอน ยอดหญ้าส่ายไหวตามแรงลม ไม่มีร่างมนุษย์ปรากฏให้เห็น ความกระสับกระส่ายในหัวใจเขาทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากตักเตือนเบาๆ อย่างระมัดระวังอีกครั้ง “หนานอ๋อง ฟ้าจวนมืดแล้ว หญิงชาวต้าเว่ยผู้นี้อำพรางร่องรอยเก่งนัก หาจนวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะเจอตัว อีกทั้งนางยังมีฐานะสูงส่ง ไม่กลับไปหลายวัน ชาวต้าเว่ยไม่มีทางอยู่เฉยแน่ กระหม่อมกลัวว่าป่านนี้คงมีคนไล่ตามมาแล้ว หากพวกเรายังเสียเวลากับนางต่อแล้วถูกเจอเข้าจะได้ไม่คุ้มเสียนะพ่ะย่ะค่ะ ล้มเลิกเพียงเท่านี้แล้วเร่งเดินทางเสียตอนกลางคืนเพื่อกลับไปโดยเร็วจะปลอดภัยกว่า”

ในอดีตราชวงศ์ต้าตี๋ช่วงชิงพื้นที่ขนาดใหญ่แถบเยียนโจว โยวโจว พร้อมทั้งประชากรในพื้นที่จากแคว้นจิ้น ทว่าในสายตาขององค์ชายหกผู้ทะเยอทะยานนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายของเขาคือรุกลงใต้เพื่อผนวกรวมต้าเว่ย ให้ชาวฮั่นก้มกรานในฐานะขุนนาง เขาอยากเข้าต้าเว่ยด้วยตนเองสักครั้งมานานแล้ว จะได้มาสำรวจพื้นที่และดูหน้าอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้กุมอำนาจที่แท้จริงในราชสำนักต้าเว่ย ปลายปีกลายเมื่อได้ข่าวว่าแม่ทัพเจียงจู่วั่งผู้พิทักษ์ด่านเยี่ยนเหมินยกแม่ทัพหญิงผู้เป็นบุตรสาวให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับอ๋องผู้สำเร็จราชการ เขาก็ออกเดินทาง โดยให้ผู้ติดตามทั้งหมดปลอมตัวลอบข้ามชายแดนเข้าต้าเว่ย จนบัดนี้ก็ยังไม่ยอมกลับ หนึ่งอึดใจที่ยังรั้งรออยู่ที่นี่คืออันตรายหนึ่งส่วนที่เพิ่มพูนขึ้น

ชื่อซูยืนข้างพุ่มโคกกระสุนป่า สองตาจ้องเขม็งไปยังภูเขาอาบแสงอาทิตย์อัสดงตรงหน้า ก่อนจะทะลุกลางปล้องขึ้นว่า “เผาภูเขา! ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่ออกมา!”

หนูกานท้วงด้วยความตกใจ “ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! อันตรายเกินไป! เปลวไฟอาจเรียกพวกต้าเว่ยมาได้!”

องค์ชายหกตอบอย่างเย็นชา “ขอแค่บีบให้นางโผล่ออกมาเท่านั้น พวกเจ้ามีกันตั้งมากเพียงนี้จะจับนางไม่ได้อีกหรือไร ยังไม่ต้องพูดว่าข้าก็อยู่ด้วย! นางมีค่ามากพอให้ยอมเสี่ยงหมดทุกอย่าง!” เขาหันไปมองข้างหลังแล้วแค่นเสียงขึ้นจมูก “กลางป่ากลางเขาเช่นนี้ อย่าว่าแต่พวกต้าเว่ยไม่อาจไล่ตามมาได้เลย ถึงพวกมันตามติดมาข้างหลังจริง พอเราได้ตัวนางก็จะไปทันที ใช้เส้นทางลัดกลับขึ้นเหนือ ต่อให้พวกมันมีสามเศียรหกกรก็อย่าได้คิดจะตามทัน มิหนำซ้ำพวกเรายังมีนางอยู่ในมือ!”

น้ำเสียงของเขาเฉียบขาดชนิดไม่ยอมรับฟังคำท้วงติงใดๆ

หนูกานกับพวกที่เหลือรู้ว่าองค์ชายหกผู้นี้สั่งอย่างไรต้องทำตามนั้น ในเมื่อเจ้าตัวพูดถึงเพียงนี้เขาจึงไม่กล้าแย้งต่อ พอลองใคร่ครวญตามก็พบว่าอีกฝ่ายมีเหตุผล ทุกคนจึงหันไปมองตากัน สุดท้ายก็ทำตามคำบัญชา เลือกปากทางลงเขาที่ง่ายต่อการล้อมปิด มีแต่ทางตรงเส้นเดียว ถัดไปข้างหน้าไม่ไกลคือหน้าผาที่ด้านล่างเป็นหุบเขาลึก

พวกเขามีเครื่องมือสำหรับจุดไฟติดตัวกันทุกคน หลังเลือกปากทางได้แล้วก็กระจายตัวออกไปตามแนวหน้าผา จุดไฟเผากอหญ้าและพุ่มไม้ที่ติดไฟง่าย เปลวเพลิงลุกพึ่บพั่บตามแรงลม ไหม้กิ่งไม้ใบหญ้าขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ขยายลามเป็นวงกว้างอย่างน่ากลัว

เจียงหานหยวนกำลังซ่อนตัวอยู่บนไหล่เขาในซอกหลืบมิดชิดปลอดภัยที่หาพบ เหลือแค่รอให้พระอาทิตย์ตกดินโดยสมบูรณ์ คืนนี้ก็จะได้พักผ่อนบ้างเสียที

หน้าที่แล้ว1 of 8

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

community.jamsai.com