ร่างกายนางต้องการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน พวกชื่อซูเหมือนจิ้งจอกเลี่ยไฉลองว่าได้กลิ่นเลือดแล้วมีแต่จะตามอย่างกัดไม่ปล่อย สามคืนที่ผ่านมาระหว่างนอนพักผ่อนนางจะคงความตื่นตัวของประสาทสัมผัสไว้ในระดับสูงสุด แค่ยอดหญ้ารอบตัวไหวตามลมนิดเดียวก็ทำให้นางลืมตาตื่นขึ้นมาได้แล้ว ช่วงกลางวันของวันนี้ฝ่ายตรงข้ามไล่ตามกระชั้นขึ้น หลายครั้งหลายครานางได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาลอยแว่วมาตามลมด้วยซ้ำ จึงไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้พอเริ่มผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย ทั้งความอ่อนเพลียและความหิวกระหายก็ถาโถมเข้าจู่โจมพร้อมกัน
เสบียงกรังหมดไปแล้วเมื่อเย็นวาน ตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้วันทั้งวันนางกินแค่ผลไม้ป่าไม่กี่ลูกที่พบเห็นริมทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเนื้อม้าแห้งแค่แผ่นเดียว
ท้องร้องด้วยความหิว นางนั่งอยู่ในซอกหลืบที่เว้าลึกเข้าไปของหน้าผา ล้วงเนื้อม้าแห้งออกมากัดกินเพียงไม่กี่คำด้วยความเสียดาย ทั้งยังไม่กล้ากินหมด เพราะไม่รู้ว่าชื่อซูจะตามล่าตนเองอีกนานเท่าไรกว่าจะยอมถอดใจ นี่เป็นเสบียงอย่างสุดท้ายสำหรับช่วงที่เหลือแล้ว หากไม่จำเป็นจริงๆ นางไม่อยากจับสิ่งมีชีวิตอย่างหนูภูเขามากินดิบๆ
หญิงสาวพิงหน้าผาด้านหลังพลางหลับตา ค่อยๆ เคี้ยวเนื้อม้าที่ทั้งแข็งทั้งหยาบช้าๆ ระหว่างรอให้ฟ้ามืด ทันใดนั้นเสียงนกร้องก็ดังขึ้นเหนือศีรษะเป็นห้วงๆ อย่างผิดวิสัย คล้ายเกิดเหตุใหญ่ร้ายแรงขึ้นด้านล่าง นางกลืนอาหารในปากลงคอ เก็บส่วนที่เหลือไว้กับตัว แล้วลืมตาลุกขึ้นมาสำรวจสถานการณ์อย่างว่องไว
ที่ข้างล่างนั่นมีควันทึบกำลังคลุ้งโขมงขึ้นมาจากรอบทิศ ด้วยแรงลมที่ช่วยหนุน ปลายลิ้นของพระเพลิงแลบเลียวัชพืชและกิ่งไม้แห้งดังพึ่บพั่บ ไล่ลามขึ้นบนภูเขาอย่างรวดเร็วราวกับน้ำหลาก
เจียงหานหยวนตกตะลึงพรึงเพริด นึกไม่ถึงว่าชื่อซูจะกล้าทำถึงขั้นนี้เพื่อบีบให้นางปรากฏตัว
ท่ามกลางควันโขมงและเปลวเพลิงที่ลุกท่วมภูเขา เจียงหานหยวนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จากนั้นก็ล้วงเนื้อม้าแห้งชิ้นเมื่อครู่ออกมากัดกินช้าๆ อีกคำ
เหล่านกกาและส่ำสัตว์ที่แต่เดิมทำรังอยู่บนภูเขาแตกตื่นเพราะเปลวไฟ กำลังหนีอุตลุดอยู่เหนือศีรษะและรอบตัวนาง
แม่ทัพหญิงกลืนอาหารลงคอ แล้วลัดเลาะไปตามทางที่ไม่มีไฟจนลงมาถึงตีนเขา จากนั้นก็เดินลงไปข้างล่าง ทันทีที่มาถึงปากทางตรงตีนเขาก็มีร่างคนโผล่ออกมาจากซ้ายขวาเข้าสกัดด้านหน้านางไว้
นางหยุดเท้า เหลือบตาขึ้นมองตรงไปข้างหน้า แล้วสบประสานเข้ากับดวงตาขององค์ชายหกแห่งเป่ยตี๋
เปลวไฟบนเขาค่อยๆ ลามเลียมาบรรจบกันบนทางที่นางเดินลงมาเมื่อครู่ เพียงไม่นานก็ลุกท่วมทาง แสงไฟทาทาบใบหน้าชายหนุ่ม สะท้อนดวงตาคู่นั้นให้ส่องประกายแดงฉาน ฉายแววตื่นเต้นสุดขีดจนแทบทนรอไม่ได้ เหมือนสัตว์ป่าเหือดหิวได้เจอเหยื่อโอชะที่ต้องใจ
“ข้าต้องการตัวเป็นๆ!”
เขาออกคำสั่ง เป็นคำสั่งหนักแน่นที่ต้องบรรลุเป้าหมายเท่านั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาสิบกว่าคนกรูเข้ามาล้อมเจียงหานหยวนไว้ทันที เว้นแต่หนูกานที่ยังยืนข้างกายผู้เป็นนาย
เจียงหานหยวนก้าวเท้าเดินต่อ ชื่อซูยืนอยู่นอกวงล้อม มองนางด้วยรอยยิ้มสนุกสนานเหมือนกำลังมองสัตว์ที่อยู่ในกรง
คนสองคนเข้ามาขวางหน้าปิดทางไม่ให้นางเดินต่อ จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่
ชื่อซูเห็นนางหยุดเท้าแล้วโรมรันกับสองคนนั้น ด้านหลังยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาจู่โจมพร้อมกัน นางโดนถองหนักๆ เข้าที่หลังจนร่างปลิวถลาตามแรงไปฟุบหมอบอยู่บนพื้น
รอยยิ้มบนเรียวปากชื่อซูกว้างขึ้น
ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนที่อยู่ใกล้หญิงสาวกว่าใครเห็นดังนั้นก็ลิงโลด ก้าวเข้าไปหมายจะควบคุมการเคลื่อนไหวของนางให้ได้ แต่แล้วทันใดนั้นเจียงหานหยวนที่อยู่บนพื้นก็พลิกตัว สะบัดแขนใส่สองคนนั้น มือทั้งสองข้างที่กำแน่นพลันกางออก
ดินทรายที่เมื่อครู่ขยุ้มไว้เต็มกำมือถูกสาดออกไปทั้งหมด ฝุ่นดินละเอียดและเม็ดทรายกระเด็นเข้าตาฝ่ายตรงข้าม ทั้งสองคนร้องลั่น ฝีเท้าหยุดชะงัก ยกมือปิดตาอย่างเจ็บปวด ทำอย่างไรก็ลืมตาไม่ขึ้น
โดยไม่รอให้คนที่เหลือได้สติกลับมา เจียงหานหยวนดีดตัวขึ้นจากพื้นทันที ไม่ยอมหยุดยั้งแม้เพียงพริบตาเดียว อาศัยช่องว่างระหว่างนั้นฝ่าออกจากวงล้อม ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง ชักมีดสั้นออกมาพลางพุ่งเข้าใส่ชื่อซู
หนูกานที่ยืนข้างเจ้านายใจหายวาบ นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ เหตุการณ์จะพลิกผันไปถึงขั้นนี้
ตอนได้เห็นท่าทางของนางยามใช้มีดสั้นฆ่าพรรคพวกเมื่อสามวันก่อนเขาก็รู้แล้วว่านางใช้มีดได้เชี่ยวชาญเพียงใด หนูกานรีบปราดเข้ามาเอาตัวบังชื่อซูไว้ พร้อมชักดาบออกมา หวดสันดาบเข้าใส่หญิงสาว