ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37

เขาเป็นคนสนิทของชื่อซูที่ได้ชื่อว่าจอมพลัง ประกอบกับสันดาบทั้งหนาทั้งหนัก หากหวดโดนเป้าหมาย พละกำลังที่ถาโถมลงมาย่อมไม่ต่างจากถูกทับด้วยเขาไท่ซาน

เจียงหานหยวนใช้มีดสั้นรับดาบ แรงสะเทือนมหาศาลที่ส่งมาทำให้เลือดไหลจากง่ามนิ้วทันที สุดจะจับมีดต่อไปได้ มีดสั้นหลุดมือลอยหวือออกไปตกลงบนพื้น

หนูกานจู่โจมนางสำเร็จในครั้งเดียว พอเห็นนางถลาเข้าไปหามีดสั้นเหมือนอยากเก็บขึ้นมา มีหรือเขาจะยอมให้โอกาสนางได้จับมีดเป็นครั้งที่สอง รีบชิงเข้าไปเตะมีดกระเด็นไปอีกทางเสียก่อน แต่กลับไม่คิดว่านางจะทิ้งมีดแล้วเปลี่ยนทิศทางกลางคัน

ความจริงแล้วเมื่อครู่เจียงหานหยวนจงใจยกมีดสั้นขึ้นรับสันดาบที่หวดลงมาด้วยกำลังมหาศาล แม้แรงสะเทือนจะทำให้ง่ามนิ้วเลือดไหลก็ยังไม่หลบ จุดประสงค์ของนางคือใช้มีดสั้นเบี่ยงเบนความสนใจคนผู้นี้

พอโอกาสมาถึงนางก็ไม่ยอมรั้งรอแม้ชั่วขณะจิตเดียว รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า กระโจนเข้าใส่ชื่อซูอีกครั้งอย่างห้าวหาญ หนูกานเพิ่งตระหนักตอนนี้เองว่าหลงกลนางเข้าเสียแล้ว เขาทั้งเดือดดาลทั้งตกใจ แต่จะเข้าไปปกป้องเจ้านายก็สายเกินยับยั้ง เพราะพอมองไป แม่ทัพหญิงต้าเว่ยผู้นั้นก็เข้าถึงตัวชื่อซูแล้ว

กว่าหนูกานจะหันกลับมามอง พวกที่อยู่ข้างหลังก็กรูเข้ามาเช่นกัน แต่เจียงหานหยวนได้เข้าต่อสู้โรมรันกับชื่อซูเรียบร้อยแล้ว

นางรู้ดีว่าตนเองมีเวลาน้อยนิด หากไม่สามารถสยบชื่อซูภายในการยื้อยุดไม่กี่ที เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของฝ่ายตรงข้ามมาถึง สิ่งที่รอนางอยู่จะมีแค่การถูกจับอย่างขัดขืนไม่ได้เท่านั้น

ทางเลือกเดียวคือต้องจู่โจมสุดแรง เอาชีวิตเข้าแลกกับโอกาส!

เห็นชัดว่าชื่อซูยังไม่ได้สติกลับมาเต็มที่จากความมั่นอกมั่นใจในตอนแรก พอนางโถมเข้ามาจู่โจมเต็มกำลังเหมือนยอมตายไปพร้อมกัน ตัวเขาจึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วพลาดพลั้งถูกนางจับบิดแขนกดหน้าลงกับพื้นจนขยับตัวไม่ได้

ชายหนุ่มกัดฟันพยายามดิ้นอยู่หลายครั้ง กระนั้นแขนซ้ายก็ยังถูกบิดกดไว้บนหลังอย่างแน่นหนา ออกแรงอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

เป้าหมายของเจียงหานหยวนคือฟาดคนผู้นี้ให้สลบเพื่อจับเป็นตัวประกัน

ผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายเข้ามาตรงหน้าแล้ว

โอกาสเหลืออยู่ไม่มาก ปรากฏว่าพอจะยกมือขึ้นทุบศีรษะชื่อซู คนที่อยู่ใต้ร่างพลันคำรามดังลั่นในจังหวะนั้น พร้อมแหงนหน้ายกอกออกแรงงัด กัดฟันทนความเจ็บร้าวที่แขนถูกบิดไพล่ ใช้ข้อได้เปรียบจากร่างกายที่หนาและสูงใหญ่กว่าดันร่างของเจียงหานหยวนที่นั่งคร่อมตนเองอยู่ให้ล้มลงบนพื้น

จากนั้นในพริบตาที่แม่ทัพหญิงตวัดตัวอย่างว่องไวเพื่อลุกขึ้นมา ชื่อซูก็โถมตัวเข้าใส่ ใช้หัวเข่ากดทับลำคอนางไว้

กล้ามเนื้อใบหน้ายังกระตุกริกๆ จากความเจ็บปวดสาหัสที่แขนถูกบิดในทิศทางผิดธรรมชาติ หัวเข่ายังคงกดสกัดลมหายใจของแม่ทัพหญิงต้าเว่ยไว้แน่น จนนางขยับตัวขัดขืนไม่ได้ ขณะหันไปตะโกนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา “เข้ามาจับนางไว้!”

จังหวะที่เขาหันไปพูดกับคนของตนเอง เจียงหานหยวนพลันเงื้อแขนขึ้นดึงปิ่นออกจากมวยผมอีกฝ่าย แล้วแทงใส่คอเขาอย่างว่องไว

ปิ่นอันนั้นเป็นปิ่นสำริดธรรมดาทั่วไป ปลายไม่แหลมเหมือนมีด แต่หากแทงแรงพอก็ทะลุเข้าเนื้อได้เหมือนกัน

ลำคอที่เจ็บเสียดและเลือดที่ไหลออกมาทำให้ร่างของชื่อซูชะงักไปเล็กน้อย เจียงหานหยวนรีบสะบัดตัวลุกจากพื้น เปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุกใส่ ใช้ท่อนแขนงัดคอฝ่ายตรงข้ามไว้ มืออีกข้างกำปิ่นที่ส่วนปลายยังปักคาอยู่ในลำคออีกฝ่าย

“จูงม้ามา!” นางคำราม

สถานการณ์พลิกผันอย่างปุบปับ หนูกานกับพวกที่เหลือยืนอึ้งงันอยู่รอบๆ ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครไปจูงม้า ได้แต่มองไปทางเจ้านายตนเอง

ชื่อซูกัดฟันเอ่ย “เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”

“เช่นนั้นก็ลองดู! อย่างมากวันนี้ได้ตายพร้อมหนานอ๋อง ข้าก็ไม่ขาดทุนแล้ว!”

ความผิดหวังและความเดือดดาลอย่างรุนแรงทำให้ชื่อซูหน้ากระตุก เขาพยายามออกแรงสลัดตัวให้หลุดจากพันธนาการของนาง เจียงหานหยวนเพิ่มน้ำหนักมือข้างที่จับปิ่นอย่างไม่ลังเล เลือดทะลักพรูออกจากปลายปิ่นเป็นสาย

“หนานอ๋องระวังด้วย!” พวกหนูกานเห็นดังนั้นก็พากันร้องเสียงดังด้วยความตระหนก

“หากปิ่นในมือข้ากดลึกลงไปอีกครึ่งชุ่นก็จะโดนหลอดลมเจ้า องค์ชายหก ชีวิตเจ้าสูงค่ายิ่ง ข้าขอเตือนให้เจ้าถนอมมันไว้ดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น หากเจ้าตายไป จวนหนานอ๋องจะต้องเปลี่ยนเจ้าของอย่างแน่นอน” นางพูดเรียบๆ ด้วยท่าทางเยือกเย็น

ไฟบนภูเขาโหมแรงขึ้นทุกที ลุกโชนแสงส่องท้องฟ้าบริเวณนั้นให้แดงฉาน แผ่ไอร้อนลวกผิวจนเส้นขนหงิกงอ

ชื่อซูตัวแข็งทื่อพลางกำมือแน่น แววตาไหวระริก พวกหนูกานเหงื่อไหลโกรก แม้แต่จะหายใจแรงยังไม่กล้า ด้วยกลัวจะทำให้แม่ทัพหญิงตรงหน้าตื่นตกใจ หากนางแทงปิ่นลึกขึ้นอีกเพียงนิดเดียว น่ากลัวว่าหนานอ๋องคงได้มอดม้วยอาสัญลงตรงนี้จริงๆ พวกเขาอยากหาจังหวะช่วยเจ้านาย แต่จนใจที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีประสบการณ์ในสมรภูมิมานาน สองมือเปื้อนเลือดมาไม่รู้ตั้งเท่าไร ไหนเลยจะเปิดโอกาสให้พวกเขาพลิกสถานการณ์โดยง่าย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com