เขาเป็นคนสนิทของชื่อซูที่ได้ชื่อว่าจอมพลัง ประกอบกับสันดาบทั้งหนาทั้งหนัก หากหวดโดนเป้าหมาย พละกำลังที่ถาโถมลงมาย่อมไม่ต่างจากถูกทับด้วยเขาไท่ซาน
เจียงหานหยวนใช้มีดสั้นรับดาบ แรงสะเทือนมหาศาลที่ส่งมาทำให้เลือดไหลจากง่ามนิ้วทันที สุดจะจับมีดต่อไปได้ มีดสั้นหลุดมือลอยหวือออกไปตกลงบนพื้น
หนูกานจู่โจมนางสำเร็จในครั้งเดียว พอเห็นนางถลาเข้าไปหามีดสั้นเหมือนอยากเก็บขึ้นมา มีหรือเขาจะยอมให้โอกาสนางได้จับมีดเป็นครั้งที่สอง รีบชิงเข้าไปเตะมีดกระเด็นไปอีกทางเสียก่อน แต่กลับไม่คิดว่านางจะทิ้งมีดแล้วเปลี่ยนทิศทางกลางคัน
ความจริงแล้วเมื่อครู่เจียงหานหยวนจงใจยกมีดสั้นขึ้นรับสันดาบที่หวดลงมาด้วยกำลังมหาศาล แม้แรงสะเทือนจะทำให้ง่ามนิ้วเลือดไหลก็ยังไม่หลบ จุดประสงค์ของนางคือใช้มีดสั้นเบี่ยงเบนความสนใจคนผู้นี้
พอโอกาสมาถึงนางก็ไม่ยอมรั้งรอแม้ชั่วขณะจิตเดียว รีบพุ่งตัวไปข้างหน้า กระโจนเข้าใส่ชื่อซูอีกครั้งอย่างห้าวหาญ หนูกานเพิ่งตระหนักตอนนี้เองว่าหลงกลนางเข้าเสียแล้ว เขาทั้งเดือดดาลทั้งตกใจ แต่จะเข้าไปปกป้องเจ้านายก็สายเกินยับยั้ง เพราะพอมองไป แม่ทัพหญิงต้าเว่ยผู้นั้นก็เข้าถึงตัวชื่อซูแล้ว
กว่าหนูกานจะหันกลับมามอง พวกที่อยู่ข้างหลังก็กรูเข้ามาเช่นกัน แต่เจียงหานหยวนได้เข้าต่อสู้โรมรันกับชื่อซูเรียบร้อยแล้ว
นางรู้ดีว่าตนเองมีเวลาน้อยนิด หากไม่สามารถสยบชื่อซูภายในการยื้อยุดไม่กี่ที เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาของฝ่ายตรงข้ามมาถึง สิ่งที่รอนางอยู่จะมีแค่การถูกจับอย่างขัดขืนไม่ได้เท่านั้น
ทางเลือกเดียวคือต้องจู่โจมสุดแรง เอาชีวิตเข้าแลกกับโอกาส!
เห็นชัดว่าชื่อซูยังไม่ได้สติกลับมาเต็มที่จากความมั่นอกมั่นใจในตอนแรก พอนางโถมเข้ามาจู่โจมเต็มกำลังเหมือนยอมตายไปพร้อมกัน ตัวเขาจึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วพลาดพลั้งถูกนางจับบิดแขนกดหน้าลงกับพื้นจนขยับตัวไม่ได้
ชายหนุ่มกัดฟันพยายามดิ้นอยู่หลายครั้ง กระนั้นแขนซ้ายก็ยังถูกบิดกดไว้บนหลังอย่างแน่นหนา ออกแรงอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
เป้าหมายของเจียงหานหยวนคือฟาดคนผู้นี้ให้สลบเพื่อจับเป็นตัวประกัน
ผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายเข้ามาตรงหน้าแล้ว
โอกาสเหลืออยู่ไม่มาก ปรากฏว่าพอจะยกมือขึ้นทุบศีรษะชื่อซู คนที่อยู่ใต้ร่างพลันคำรามดังลั่นในจังหวะนั้น พร้อมแหงนหน้ายกอกออกแรงงัด กัดฟันทนความเจ็บร้าวที่แขนถูกบิดไพล่ ใช้ข้อได้เปรียบจากร่างกายที่หนาและสูงใหญ่กว่าดันร่างของเจียงหานหยวนที่นั่งคร่อมตนเองอยู่ให้ล้มลงบนพื้น
จากนั้นในพริบตาที่แม่ทัพหญิงตวัดตัวอย่างว่องไวเพื่อลุกขึ้นมา ชื่อซูก็โถมตัวเข้าใส่ ใช้หัวเข่ากดทับลำคอนางไว้
กล้ามเนื้อใบหน้ายังกระตุกริกๆ จากความเจ็บปวดสาหัสที่แขนถูกบิดในทิศทางผิดธรรมชาติ หัวเข่ายังคงกดสกัดลมหายใจของแม่ทัพหญิงต้าเว่ยไว้แน่น จนนางขยับตัวขัดขืนไม่ได้ ขณะหันไปตะโกนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา “เข้ามาจับนางไว้!”
จังหวะที่เขาหันไปพูดกับคนของตนเอง เจียงหานหยวนพลันเงื้อแขนขึ้นดึงปิ่นออกจากมวยผมอีกฝ่าย แล้วแทงใส่คอเขาอย่างว่องไว
ปิ่นอันนั้นเป็นปิ่นสำริดธรรมดาทั่วไป ปลายไม่แหลมเหมือนมีด แต่หากแทงแรงพอก็ทะลุเข้าเนื้อได้เหมือนกัน
ลำคอที่เจ็บเสียดและเลือดที่ไหลออกมาทำให้ร่างของชื่อซูชะงักไปเล็กน้อย เจียงหานหยวนรีบสะบัดตัวลุกจากพื้น เปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุกใส่ ใช้ท่อนแขนงัดคอฝ่ายตรงข้ามไว้ มืออีกข้างกำปิ่นที่ส่วนปลายยังปักคาอยู่ในลำคออีกฝ่าย
“จูงม้ามา!” นางคำราม
สถานการณ์พลิกผันอย่างปุบปับ หนูกานกับพวกที่เหลือยืนอึ้งงันอยู่รอบๆ ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครไปจูงม้า ได้แต่มองไปทางเจ้านายตนเอง
ชื่อซูกัดฟันเอ่ย “เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
“เช่นนั้นก็ลองดู! อย่างมากวันนี้ได้ตายพร้อมหนานอ๋อง ข้าก็ไม่ขาดทุนแล้ว!”
ความผิดหวังและความเดือดดาลอย่างรุนแรงทำให้ชื่อซูหน้ากระตุก เขาพยายามออกแรงสลัดตัวให้หลุดจากพันธนาการของนาง เจียงหานหยวนเพิ่มน้ำหนักมือข้างที่จับปิ่นอย่างไม่ลังเล เลือดทะลักพรูออกจากปลายปิ่นเป็นสาย
“หนานอ๋องระวังด้วย!” พวกหนูกานเห็นดังนั้นก็พากันร้องเสียงดังด้วยความตระหนก
“หากปิ่นในมือข้ากดลึกลงไปอีกครึ่งชุ่นก็จะโดนหลอดลมเจ้า องค์ชายหก ชีวิตเจ้าสูงค่ายิ่ง ข้าขอเตือนให้เจ้าถนอมมันไว้ดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น หากเจ้าตายไป จวนหนานอ๋องจะต้องเปลี่ยนเจ้าของอย่างแน่นอน” นางพูดเรียบๆ ด้วยท่าทางเยือกเย็น
ไฟบนภูเขาโหมแรงขึ้นทุกที ลุกโชนแสงส่องท้องฟ้าบริเวณนั้นให้แดงฉาน แผ่ไอร้อนลวกผิวจนเส้นขนหงิกงอ
ชื่อซูตัวแข็งทื่อพลางกำมือแน่น แววตาไหวระริก พวกหนูกานเหงื่อไหลโกรก แม้แต่จะหายใจแรงยังไม่กล้า ด้วยกลัวจะทำให้แม่ทัพหญิงตรงหน้าตื่นตกใจ หากนางแทงปิ่นลึกขึ้นอีกเพียงนิดเดียว น่ากลัวว่าหนานอ๋องคงได้มอดม้วยอาสัญลงตรงนี้จริงๆ พวกเขาอยากหาจังหวะช่วยเจ้านาย แต่จนใจที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีประสบการณ์ในสมรภูมิมานาน สองมือเปื้อนเลือดมาไม่รู้ตั้งเท่าไร ไหนเลยจะเปิดโอกาสให้พวกเขาพลิกสถานการณ์โดยง่าย