ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37

ระหว่างที่คุมเชิงกันอยู่อย่างนั้น เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดก็ดังเข้าหู กึกก้องจนหุบเขาสะเทือน

ทุกคนหันไปมอง แลเห็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวหนึ่งโผนทะยานออกมาจากสุดปลายตีนเขา สัตว์น้อยใหญ่ในบริเวณนี้กำลังหนีตายจ้าละหวั่น เสือโคร่งก็คงถูกพระเพลิงไล่ต้อนให้แตกตื่นและหนีลงจากเขาเช่นกัน พอมาปะกับกลุ่มคนตรงหน้า ดวงตาแดงฉานของมันก็ส่องประกายวาววับขณะกระโจนมาทางนี้

พวกหนูกานตื่นตระหนก เสือโคร่งตัวนั้นวิ่งห้อเร็วรี่ เพียงพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้า คนที่อยู่ใกล้ที่สุดเงื้อดาบขึ้นฟัน แต่ถูกมันยกเท้าตะปบพร้อมกระซวกด้วยกรงเล็บแหลมคม ภายใต้เสียงร้องโหยหวน ท้องของคนผู้นั้นเป็นแผลเหวอะหวะ ไส้ไหลออกมากองข้างนอก

“เอาธนูมายิงมันเร็ว!”

หนูกานตะโกนบอกพวกพ้องดังลั่น ส่วนตนเองวิ่งเข้าใส่พยัคฆ์ร้าย พยายามหยุดมันอย่างสุดความสามารถพลางหลบอุ้งเท้ามันไปด้วย รุกรับอยู่แค่ไม่กี่ทีก็ถูกเดรัจฉานขย้ำเข้าที่แขนแล้วฉีกเนื้อออกมาริ้วหนึ่งสดๆ หนูกานจึงต้องกลิ้งตัวหลบ เสือโคร่งคำรามลั่น ก่อนวิ่งเข้าใส่เจียงหานหยวนกับชื่อซูต่อ

เหตุกะทันหันนี้อยู่เหนือความคาดหมายของแม่ทัพหญิง นางจำใจต้องปล่อยมือจากตัวประกัน จากนั้นก็หลบไปอีกทาง

ตอนนี้หนูกานได้ลุกจากพื้นแล้ววิ่งเข้ามาบังหน้าชื่อซูไว้ด้วยกันกับพรรคพวกที่กลับมาพร้อมคันศรกับลูกธนู จากนั้นก็จัดกระบวนพลอย่างว่องไว ยิงธนูเข้าใส่เสือร้ายไม่หยุด ลูกธนูแหลมคมที่ใส่พลังเต็มแน่นพุ่งไปทางร่างโอฬารของมันแล้วเข้าเป้าอยู่หลายดอก เดรัจฉานเลยต้องยอมล่าถอยกลับไป

“ข้าไม่เป็นไร! ตามไปจับนางกลับมาให้ได้!”

จนป่านนี้ชื่อซูก็ยังจ้องจะจับตัวเจียงหานหยวน เขาดีดตัวขึ้นจากพื้นพลางคำรามลั่น

ไม่ว่าจะทางซ้ายหรือทางขวาก็มีแต่คนของชื่อซูที่ถือธนูอยู่ในมือ ขณะที่นางมีเพียงกำปั้น ซ้ำยังไม่มีตัวประกันไว้ต่อรอง ไม่อาจพุ่งเข้าปะทะด้วยตรงๆ ได้อีก

เจียงหานหยวนรัวเท้าวิ่งไปจนถึงหน้าผา จากนั้นก็หยุดยืน แล้วหันไปมอง

ชื่อซูนำผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือไล่ตามมาติดๆ ล้อมนางไว้ตรงกลางอีกครั้ง

องค์ชายหกหอบหายใจ ยกมือขึ้นปาดคอที่ยังเจ็บระบมลวกๆ มองเลือดที่เปื้อนติดมือ จากนั้นก็ค่อยๆ เหลือบตาขึ้นจ้องไปยังหญิงสาวตรงริมผา

เปลวเพลิงลุกโชนวูบวาบทาบสะท้อนลงบนใบหน้านาง

“เจียงหานหยวน! วันนี้แม้แต่สวรรค์เบื้องบนยังช่วยข้า เจ้าไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว!” รอยยิ้มอำมหิตแฝงความรื่นรมย์ผุดขึ้นบนใบหน้าคนพูด

แม่ทัพหญิงหันไปมองโตรกผาสูงชันเบื้องล่างทีหนึ่ง แล้วทิ้งตัวลงไปอย่างไม่ลังเล

“จับนางไว้!”

ชื่อซูแผดเสียงคำรามพร้อมถลาเข้าไปเอื้อมมือคว้า แต่คว้าได้เพียงอากาศ

เขาหยุดเท้าตรงริมผาแล้วมองลงไป เห็นร่างนั้นม้วนตัวร่วงดิ่งลงไปตามหน้าผาสูงชันเหมือนว่าวสายป่านขาด พริบตาเดียวก็ถูกยอดผาที่ยื่นออกมาเป็นชะง่อนบดบังจนมองไม่เห็น

คำสบถพรั่งพรูออกจากปาก องค์ชายหกแห่งเป่ยตี๋ชักดาบมาฟันผาหินซ้ำๆ หลายครั้งด้วยความเดือดดาล คมดาบสะบัดพลิก สะเก็ดไฟกระเด็นประปราย

ผมเผ้าของเขาสยายยุ่ง สองตาแดงฉาน หลังเดินกลับไปกลับมาตรงริมผาอยู่หลายรอบก็สั่ง “ลงไปหาเดี๋ยวนี้! หานางให้เจอให้ได้! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ!”

ถูกล่ะว่าหน้าผานี้ไม่ใช่ผาตัดหน้าเรียบ แต่ด้วยความชันระดับนี้ หากไม่มีเชือกเป็นหลักยึดไม่มีทางไต่ลงไปได้อย่างแน่นอน นอกจากจะม้วนตัวลงไปอย่างที่แม่ทัพหญิงทำเมื่อครู่ ทว่าต่อให้ม้วนตัวลงไปตามผาได้อย่างราบรื่น ใครเล่าจะรู้ว่าพื้นที่ใต้หุบเหวเป็นอย่างไร นับว่ามีความเสี่ยงสูง เป็นไปได้ยากที่จะไม่ได้รับอันตราย

หนูกานมองนัยน์ตาแดงฉานของเจ้านายแล้วให้ร้อนใจดังไฟลน ทิ้งตัวลงคุกเข่าดังตุ้บโดยไม่สนใจว่าตนเองบาดเจ็บอยู่ “หนานอ๋องโปรดไตร่ตรองด้วยเถิด! อย่าได้ไล่ตามนางต่อเลย! หากยังไม่ไปอีก พวกเราจะหนีไม่รอดนะขอรับ!” พูดจบก็โขกศีรษะโดยแรง พวกผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังพากันคุกเข่าวิงวอนตาม

ชื่อซูยืนสูดหายใจฟืดฟาดอยู่ตรงนั้นสักพัก แล้วมองลงไปในหุบเขาเบื้องล่างอีกครั้ง เปลือกตากระตุกสองสามที สุดท้ายก็กัดฟันกรอด “ไป!”

หนูกานพรูลมหายใจอย่างโล่งอก รีบลุกขึ้นมาเรียกรวมพล จากนั้นก็ปลิดชีพผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดนเสือตะปบจนเห็นชัดว่าไปต่อไม่ไหวให้ตายในดาบเดียว จะได้ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ระหว่างทาง หลังจัดการทุกอย่างเสร็จก็ได้เวลาเคลื่อนพล ทว่าทันใดนั้นเสียงสุนัขเห่ากระโชกก็พลันดังมาให้ได้ยิน พอลองเงี่ยหูฟังก็พบว่าเหมือนมีคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าเข้ามาใกล้ เพียงแต่เมื่อครู่ถูกเสียงลมและเสียงไฟกลบจนไม่ทันได้ยิน

อยู่ๆ พรรคพวกที่ขี่ม้าอยู่หน้าสุดก็เหมือนถูกอะไรตรึงไว้กับที่ นั่งตัวแข็งทื่อไม่กระดิกกระเดี้ยอยู่บนหลังม้า ไม่กี่อึดใจถัดมาก็หงายหลังร่วงตกลงมาล้มตึงลงบนพื้น

ธนูดอกหนึ่งที่ถูกยิงมาจากทิศทางตรงข้ามปักลึกอยู่กลางอก

หนูกานเงยหน้ามองตรงไป

สุนัขรูปร่างแข็งแรงประเปรียวหลายสิบตัวเห่าเสียงขรมตรงเชิงเขาด้านหน้า แล้วถูกม้าที่ตามมาต้อนให้หลบไปข้างๆ เปิดทางให้คนกลุ่มใหญ่ที่ควบม้าด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ แสงไฟป่าทาทาบดวงหน้าของบุรุษที่อยู่ตรงกลาง ส่องให้เห็นดวงตาเคร่งเครียดเยียบเย็นคู่นั้น หนูกานจำได้ในทันที แม้จะแค่เคยแอบมองเจ้าตัวจากไกลๆ ในกลุ่มคน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางจำใบหน้าดวงนี้ผิดอย่างแน่นอน

นั่นคืออ๋องผู้สำเร็จราชการคนปัจจุบันของต้าเว่ย ฉีอ๋องซู่เซิ่นฮุย!

เขาหน้าถอดสี รีบหันไปแผดเสียง “คุ้มกันหนานอ๋อง หนีเร็ว!”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com