บทที่ 37
หนูกานตะโกนอย่างนั้นแล้วหมุนตัววิ่งไปหาชื่อซูเช่นกัน แต่เพิ่งจะวิ่งได้สองก้าว ชายลักษณะเหมือนทหารที่อยู่ข้างๆ อ๋องผู้สำเร็จราชการก็ประทับลูกธนูเข้ากับคันศรเป็นคำรบสองแล้วยิงใส่เขา
ธนูอีกดอกพุ่งฉิวราวกับสายฟ้า ทั้งที่อยู่ห่างกันหลายสิบจั้ง แต่ก็มาถึงเป้าหมายในชั่วพริบตา
หัวธนูแหลมคมปักเข้าข้อพับเข่าซ้ายของเขาดังฉึกแล้วทะลุออกไปอีกด้าน หนูกานล้มคะมำลงกับพื้น ทว่าตะกายตัวอยู่สองสามครั้งก็ลุกกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เขาใช้ดาบฟันก้านธนูทิ้ง แล้วลากขาข้างที่ถูกยิงวิ่งกลับไปอยู่ข้างกายชื่อซู
ทหารที่ยิงธนูล้มฝ่ายตรงข้ามได้สองคนติดกันคือหลิวเซี่ยง แม่ทัพกองทหารรักษาพระองค์นั่นเอง
วันนั้นเขาได้รับคำสั่งให้มารับพระชายาออกจากสวนป่าต้องห้าม จึงนำคนมากระจายกำลังค้นหาตามที่ต่างๆ ที่คิดว่านางน่าจะไป แต่หาจนทั่วก็ยังไม่พบ ระหว่างกำลังร้อนใจอยู่นั้นก็ได้รับข่าวจากองครักษ์สองคนที่ติดตามพระชายาเข้าป่ามาหลายวัน
องครักษ์ทั้งสองกำลังเร่งเฆี่ยนม้าย้อนกลับมาทางเดิม แล้วพบกับคนของหลิวเซี่ยงเข้ากลางทาง ทั้งคู่บอกว่าหลายวันมานี้พระชายาเข้าป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ เพราะอยากล่ากวางตัวหนึ่ง ม้าที่นางขี่เป็นอาชาพันธุ์ดีรูปร่างพ่วงพีแข็งแรง พวกตนจึงถูกทิ้งไว้ข้างหลังระหว่างตามรอยกวางเมื่อวาน เมื่อไล่ตามขึ้นไปกลับหาพระชายาไม่พบ ครั้นลองเป่าสัญญาณเขากวางที่ส่งเสียงได้ไกลตามที่นัดแนะกัน นางก็ยังไม่กลับมา พวกตนจึงออกตามหาในบริเวณนั้น พอไปถึงเนินเตี้ยแห่งหนึ่งแล้วเห็นพื้นที่มีร่องรอยการต่อสู้ก็รู้ว่าจะต้องเกิดเหตุขึ้นเป็นแน่ พวกตนไม่กล้าปล่อยเวลานานเนิ่น รีบย้อนกลับมาทันที จนปะเข้ากับคนของหลิวเซี่ยงกลางทางและได้แจ้งเรื่องนี้ให้รู้
หลิวเซี่ยงฟังแล้วตื่นตระหนก เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพระชายา ไม่รู้ว่าเวลานี้นางอยู่ที่ใดกันแน่ สวนป่าต้องห้ามกว้างใหญ่ไพศาล หากเป็นจริงดังที่เขาคาดการณ์ไว้ การตามหาอย่างไร้จุดหมายจะต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำเวลายังไม่คอยท่า เขาตั้งใจจะส่งคนกลับเมืองหลวงไปรายงานข่าวนี้แก่อ๋องผู้สำเร็จราชการ และขอให้กองทหารประตูส่งคนที่เชี่ยวชาญการแกะรอยมาช่วยเสริมกำลัง นึกไม่ถึงว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการจะรุดมาถึงที่ด้วยตนเองในเวลานั้น โดยมีเฉินหลุนนำคนตามมาพร้อมกับสุนัขล่าเนื้อพันธุ์ซี่เฉวี่ยน จากคอกสุนัขล่าเนื้อ สุนัขพันธุ์ซี่เฉวี่ยนเป็นสุนัขล่าเนื้อที่วังหลวงเลี้ยงไว้ จมูกไวเป็นเลิศ ทั้งหมดเร่งควบม้าไปยังเนินแห่งนั้นด้วยกัน นอกจากจะพบร่องรอยการต่อสู้และรอยเท้าของคนจำนวนมากหน้าเนินดินตามที่องครักษ์บอกแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีศพที่ถูกพรางไว้ใต้กอหญ้า ท้องน้อยและกลางอกศพมีรอยแผลที่ถูกแทงด้วยมีดสั้น คิดว่าอาจเป็นฝีมือพระชายา
ศพนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ แม้จะตายมาหลายวันก็ยังมองเห็นเค้ารอยของมัดกล้ามกำยำบนตัว เชื่อว่าตอนที่มีชีวิตอยู่จะต้องเป็นนักรบที่แข็งแรงบึกบึนผู้หนึ่ง ประเมินจากรอยเท้าบนพื้น ฝ่ายตรงข้ามมีกันไม่ต่ำกว่าสิบคน แม้แต่ศพที่ตายยังเป็นเช่นนี้ พวกที่เหลือรอดน่าจะเป็นนักรบที่ฝีมือไม่ห่างกันเท่าไร
แต่พระชายามีอยู่แค่คนเดียว
ถึงนางเป็นแม่ทัพ ทว่าต่อให้เก่งกล้าห้าวหาญสักเพียงใด หากถูกรุมด้วยศัตรูฝีมือฉกาจจำนวนมากเช่นนี้ มีหรือจะเอาตัวรอดได้โดยง่าย
ไม่ว่าใครก็ตามตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แม้จะแข็งแกร่งองอาจเพียงไรก็ต้องตกอยู่ในเงื้อมมืออีกฝ่ายถึงเก้าในสิบส่วน
ตอนนั้นหลิวเซี่ยงได้รับเบาะแสเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามว่าน่าจะเป็นหนานอ๋องชื่อซูแห่งเป่ยตี๋
เจียงหานหยวนเป็นบุตรสาวของเจียงจู่วั่งผู้รักษาชายแดนเยี่ยนเหมิน ต้องประจันหน้ากับเป่ยตี๋โดยตรง เป็นแม่ทัพหญิงฉางหนิงผู้เกรียงไกรของต้าเว่ย อีกทั้งตอนนี้นางยังครองฐานะสำคัญเพิ่มอีกอย่าง นั่นคือเป็นชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการคนปัจจุบัน
หากนางตกอยู่ในเงื้อมมือชื่อซูจริง แล้วถูกพวกเป่ยตี๋ใช้เป็นตัวประกัน นอกจากความปลอดภัยของตัวนางเองจะน่าเป็นห่วงแล้ว ยังถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของต้าเว่ย ซ้ำร้ายยังจะทำลายขวัญกำลังใจทหารชายแดนอย่างร้ายกาจ
เพียงคิดถึงความเป็นไปได้เหล่านี้ก็ให้พรั่นพรึงนัก เหงื่อเย็นๆ ผุดซึมออกมาตามแผ่นหลัง พอมองอ๋องผู้สำเร็จราชการก็เห็นฝ่ายนั้นหน้าบึ้งตึง สั่งให้คนฝึกสุนัขฝูงใหญ่ให้ดมกลิ่นที่หลงเหลืออยู่บนพื้น แล้วนำพวกเขาไล่ตามกลิ่นไปโดยไม่รอช้า
เส้นทางที่แกะรอยได้คดเคี้ยววกวนผิดคาด พ้นเขตสวนป่าต้องห้ามไปคือพงไพรตามธรรมชาติ พื้นที่ข้างในเป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ ไม้ใหญ่ยืนต้นตระหง่าน ลมพัดแรงเป็นระยะ แม้แต่สุนัขยังหลงทิศหลายครั้ง ต้องเปลี่ยนมาใช้กำลังคนมองหารอยเท้ากับรอยมูลม้าที่ยังหลงเหลือตามพื้นหญ้ารกเรื้อถึงไปต่อได้ เรียกว่าทุลักทุเลอย่างยิ่ง