ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 36-37
เขาได้สติ สลัดสุนัขออกจากตัวอีกครั้ง ในเมื่อรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร ผู้ติดตามสี่คนที่ยังอยู่บนหลังม้าก็ควบเข้ามาไล่ตะเพิดสุนัขออกไปแล้วล้อมเขาไว้ตรงกลางพลางมุ่งหน้าไปยังหน้าผาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ลูกธนูพุ่งฟิ้วๆ มาทางนี้ราวกับห่าฝน เพียงไม่นานทุกคนก็โดนยิงจนครบ คนหนึ่งร่วงตกจากหลังม้า อีกสามคนที่เหลืออารักขาชื่อซูลงจากหลังม้าเช่นกัน ใช้อาชาเป็นเครื่องกำบังธนูชั่วคราวขณะรุดหน้าต่อ พอวิ่งรี่มาถึงหน้าผาด้วยความเร็วราวกับพายุหมุน ทั้งสามก็คล้องแขนกัน โอบร่างชื่อซูเอาไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนา
พวกเขาตัดสินใจใช้ตนเองเป็นโล่มนุษย์คุ้มกันหนานอ๋องให้กระโดดหน้าผา
แม้ร่างจะแหลกเหลวก็ไม่หวั่น ขอเพียงหนานอ๋องมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นแม้เสี้ยวเล็กๆ ก็ยังดี
การอยู่ในฐานะแขนขาและคนสนิทขององค์ชายหกไม่เพียงถือเป็นเกียรติยศ เพราะวงศ์วานว่านเครือทั้งหมดก็ผูกชีวิตไว้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน หากหนานอ๋องตายลงตรงนี้หรือตกอยู่ในมือต้าเว่ย ครอบครัวญาติพี่น้องทุกคนของพวกเขาก็ต้องดับดิ้นตามไปด้วย
นี่เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่มี ไม่เหลือทางอื่นอีกแล้ว
หลิวเซี่ยงกำราบพวกเป่ยตี๋ที่เมื่อครู่พยายามขวางตนไว้ได้ พออ่านเจตนาทางนี้ออกก็รีบบ่ายหน้านำผู้ใต้บังคับบัญชาไล่ตามมา ยกธนูขึ้นยิงอีกครั้ง
หนึ่งในสามที่หันหลังมาทางนี้ถูกธนูยิงมากเกินกว่าจะทนไหว เพิ่งจะคล้องแขนสร้างโล่มนุษย์กับพวกพ้องได้ไม่ทันไรก็ขาดใจตาย ร่างไถลลงไปกองกับพื้น
อีกสองคนที่เหลือก็มีลูกธนูปักร่างคนละสิบกว่าดอกจนกลายเป็นเม่น ทว่ายังไม่ล้ม สหายตายไปคนหนึ่งก็เหมือนไม่รู้เรื่อง ยังเกี่ยวแขนกันสองคนอย่างมุ่งมั่น ประกบชื่อซูไว้ทั้งหน้าและหลังพลางวิ่งไปทางริมผาต่อ
หลิวเซี่ยงนำกำลังคนไล่ตามมาจนอยู่ห่างจากทั้งสามเพียงเจ็ดแปดก้าว
ด้วยระยะเพียงเท่านี้ ลูกธนูยิงออกไปกระทบร่างคนก็หมดแรงเสียก่อน ปักเข้าเนื้อได้ไม่กี่ชุ่นเท่านั้น พวกเขาจึงเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ สุนัขล่าเนื้อพันธุ์ซี่เฉวี่ยนหลายตัววิ่งตามไปกัดทึ้งอย่างบ้าคลั่ง แต่สองคนที่อยู่ข้างนอกทำราวกับไม่รู้สึกรู้สา หลิวเซี่ยงจึงได้แต่ยืนมองโล่มนุษย์ทั้งสองคุ้มกันชื่อซูที่อยู่ตรงกลางวิ่งไปข้างหน้าต่อ ระหว่างที่กำลังมองด้วยความคับแค้นจนลูกตาเบิกกว้าง อ๋องผู้สำเร็จราชการที่เมื่อครู่เอาแต่นั่งดูสถานการณ์บนหลังม้ามาตลอดก็ยื่นมือออกไปทางองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ องครักษ์รีบส่งธนูให้ทันที
เขารับมาน้าวสายจนสุด จนคันธนูโค้งกลมราวกับจันทร์เพ็ญ หรี่ตาเล็งเป้า แล้วปล่อยลูกธนูออกไป
ลูกธนูดีดฟุ่บออกจากสาย พุ่งฉิวไปหาโล่มนุษย์ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ทรงพลังแรงกล้า แหวกลมส่งเสียงหวีดหวิวราวกับมีจิตวิญญาณ พริบตาเดียวก็ถึงตัวโล่มนุษย์ที่อยู่นอกสุด หัวธนูสามแฉกเสียบฉึกเข้าที่กลางหลัง ตัดผ่านหัวใจทะลุอก จากนั้นก็พุ่งทะลุอกชื่อซูที่ถูกปกป้องไว้ตรงกลาง จนถึงตอนนี้แรงก็ยังไม่ตก พุ่งต่อเข้าไปในร่างโล่มนุษย์อีกคน ก่อนจะทะลุออกกลางหลัง หลังได้เสียบร่างของคนสามคนเข้าด้วยกันลูกธนูถึงค่อยหมดแรง
ทั้งสามชะงักค้างอยู่กับที่ในสภาพถูกลูกธนูดอกเดียวเสียบร้อยไว้ด้วยกัน
โล่มนุษย์ที่อยู่นอกสุดถูกหัวธนูพุ่งตัดเป็นเส้นตรงจนเกิดรูกลวงกว้างถึงสองเฟินหลังสูดหายใจได้สองสามครั้งก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น โล่มนุษย์อีกคนตัวอ่อนล้มลงตาม พาชื่อซูซึ่งหนีไปที่ใดไม่พ้นเพราะอยู่ตรงกลางล้มลงกับพื้นด้วยกัน
หลิวเซี่ยงวิ่งไปดูพร้อมไล่สุนัขล่าเนื้อพันธุ์ซี่เฉวี่ยนออกไป โล่มนุษย์ที่ประกบหัวท้ายร่อแร่ใกล้ตายเต็มที ส่วนชื่อซูที่อยู่ตรงกลางตาปิดสนิท แน่นิ่งไม่ขยับเหมือนหมดสติ เลือดไหลทะลักออกมาทางปากอย่างต่อเนื่อง
ชื่อซูหันหน้าเข้าหาโล่มนุษย์ที่อยู่ด้านนอก ลูกธนูดอกนี้ของอ๋องผู้สำเร็จราชการจึงทะลุเข้าอกขวา ไม่ถึงแก่ความตาย ชะรอยท่านอ๋องจะมีเจตนาเก็บชีวิตเจ้าตัวไว้
หลิวเซี่ยงโน้มตัวลงใช้นิ้วอังจมูกองค์ชายเป่ยตี๋ ก่อนจะหันไปเรียกคนของตน จังหวะนั้นเองชื่อซูพลันลืมตาพึ่บ กู่เสียงร้องคำรามอย่างเดือดดาลพร้อมออกแรงกลิ้งตัวลงจากหน้าผาทั้งที่มีคนปักตรึงประกบหน้าหลังอีกสองคน
หลังความตกตะลึงช่วงสั้นๆ ผ่านพ้น หลิวเซี่ยงได้สติอย่างรวดเร็ว เขารีบเอื้อมมือไปคว้าแขนซ้ายของชื่อซูไว้
ร่างสามร่างที่ห้อยต่องแต่งตรงริมผาหนักอึ้งราวกับหินยักษ์ ดึงหลิวเซี่ยงให้ลื่นไถลไปข้างหน้า กระนั้นมือเขาก็ยังจับแน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาสองสามคนวิ่งจากข้างหลังมาฉุดเขากลับไปถึงค่อยพอขืนตัวไว้ได้
มือของชื่อซูชุ่มเลือด ซ้ำเจ้าตัวยังพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ไม่มีทางที่จะจับไว้ได้นานอยู่แล้ว เพิ่งจะยืนเต็มสองเท้า หลิวเซี่ยงก็ใช้โซ่สำหรับมัดคนที่ผู้ใต้บังคับบัญชายื่นให้พันแขนชื่อซูไว้อย่างว่องไว แน่นหนาชนิดไม่มีทางสลัดหลุด
ใต้ขอบผา ลูกธนูที่เสียบทะลุอกคนสามคนรับน้ำหนักโล่มนุษย์ที่ตายไปแล้วไม่อยู่ ร่างของทั้งคู่แกว่งไปมากลางอากาศกับชื่อซูได้ไม่กี่ที ก้านธนูก็หักจนกลิ้งหลุนๆ ลงไปตามหน้าผาทีละร่าง สุดท้ายเหลือแค่ชื่อซูที่ถูกหลิวเซี่ยงยึดแขนไว้ด้วยโซ่
หลิวเซี่ยงกัดฟันออกแรงสาว พยายามดึงฝ่ายนั้นขึ้นมา
องค์ชายหกแห่งเป่ยตี๋ผมสยายรุ่ยร่าย หน้าอกมีเลือดไหลทะลัก ลูกตาแดงฉาน กัดฟันกรอด ทันใดนั้นก็หัวเราะหึๆ “ข้าจะทำให้อ๋องผู้สำเร็จราชการของพวกเจ้าต้าเว่ยได้รู้ว่าแม้ตัวตาย องค์ชายแห่งราชวงศ์ต้าตี๋เช่นข้าก็ไม่ยอมตายให้พวกเจ้าเห็นหรอก” พูดจบก็ยกแขนอีกข้างขึ้น ปรากฏว่ามือข้างนั้นกำมีดสั้นที่เมื่อครู่แอบดึงออกจากตัวโล่มนุษย์ ชื่อซูตวัดมีดฟันฉับ เลือดพุ่งกระฉูดเป็นสาย ปลายแขนที่ถูกโซ่พันยึดไว้ขาดทันตา ร่างสูงใหญ่กลิ้งหล่นลงไปข้างล่างราวกับก้อนศิลา เศษหินบนหน้าผาร่วงกราว เพียงพริบตาเดียวก็พ้นไปจากคลองจักษุ