ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 5-6 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 5-6

“ไม่ผิด ข้ายอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำพระประสงค์ของเสด็จพ่อให้เป็นจริง แต่ก็ไม่ใช่เพื่อพระประสงค์ของเสด็จพ่อเพียงอย่างเดียวหรอก ยังเพื่อคืนความมั่นคงให้ดินแดนทางเหนือของต้าเว่ยอีกด้วย ให้พื้นที่แถบนั้นได้สุขสงบอย่างแท้จริง ให้ราษฎรมากมายที่ต้องระทมทุกข์รุ่นแล้วรุ่นเล่าและลูกหลานของพวกเขาสามารถมีชีวิตอย่างผาสุก ได้ทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างที่ควร ไม่ต้องทรมานจากภัยสงคราม ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกคืนวันว่าเมื่อไรจะถึงคราวตนเองบ้านแตกสาแหรกขาดหรือไม่มีแผ่นดินให้หวนกลับ!”

ชายหนุ่มเว้นช่วงไปเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้มีเสียงบ่นว่าไม่พอใจมากมายจากกองทัพว่าเหตุใดถึงให้เอาแต่รักษาชายแดนเฉยๆ มานานปีโดยไม่ทำอะไรเลย เหตุใดราชสำนักถึงไม่สั่งเปิดศึกให้รู้แล้วรู้รอด นั่นเป็นเพราะราชสำนักยังไม่พร้อมในหลายด้าน เวลาอันสุกงอมยังมาไม่ถึง หากจะเปลี่ยนแปลงในวันนี้ย่อมเจ็บปวดเหมือนเราะกระดูก จำต้องกำจัดพิษร้ายทิ้งไปเสียก่อน ต้าเว่ยเราถึงจะเข้มแข็งขึ้นทั้งแคว้นและราษฎร แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นจำต้องสะสมกำลังพล ขุนม้าให้พ่วงพี รอวันที่จะได้ยกทัพออกโจมตี!”

ดวงตาคู่สวยของเวินวันเบิกกว้าง มองเขานิ่งงัน

“หม่อมฉันเข้าใจแล้ว วันข้างหน้าท่านอ๋องจำเป็นต้องใช้แม่ทัพใหญ่เจียงในภารกิจสำคัญ” นางพึมพำเบาๆ

เขาไม่ตอบรับ แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย ก่อนจะพูดต่อไปว่า “วันเหนียง เจ้ากับข้ารู้จักกันมาตั้งแต่เยาว์วัย คนมิใช่ท่อนไม้ ใจเจ้ารู้สึกอย่างไรกับข้า มีหรือข้าจะไม่รับรู้เลย อีกประการหนึ่งข้าก็ติดตามเสด็จพี่เล่าเรียนกับท่านราชครูมาตั้งแต่เด็ก ได้รับความรู้ที่ท่านทุ่มเทถ่ายทอดให้ ซาบซึ้งในบุญคุณที่สอนสั่งเป็นกำลัง ซ้ำเจ้ายังเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมความสามารถ เฉลียวฉลาด มีความคิดละเอียดอ่อน หากได้กุลสตรีเช่นเจ้ามาเคียงข้าง ชีวิตนี้ยังต้องขออะไรอีก เพียงแต่…”

เขาเว้นช่วงเอ่ยไปครู่หนึ่ง

“นับแต่ไปเยี่ยมเยียนชายแดนตอนอายุสิบเจ็ด ข้าก็ได้ตั้งปณิธานไว้กับตนเอง แผ่นดินอันไพศาลผืนนี้อุดมสมบูรณ์และงดงาม จะยอมให้คนนอกกรีธาทัพเข้ามาเหยียบย่ำได้อย่างไร เรื่องจะยอมรับการรุกรานโดยไม่ต่อสู้ยิ่งไม่ต้องพูดกัน! แม้แต่ทรายเม็ดเดียวก็ต้องช่วงชิงกลับมาให้จงได้! ในเมื่อต้าเว่ยรับคำบัญชาจากสวรรค์ให้ผนึกแผ่นดินเก้าเมืองเป็นปึกแผ่น ก็ต้องชิงดินแดนที่เสียไปคืนมาพร้อมขับไล่ศัตรูให้สิ้นซาก นี่ก็คือภารกิจที่ข้าต้องทำให้สำเร็จในชีวิตนี้!

วันเหนียง หากแม้นเสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพและแข็งแรงพอจะทำสิ่งที่ทรงปรารถนาจะทำได้ หากแม้นข้ายังเป็นเพียงอันเล่ออ๋อง สนใจแค่ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบไปวันๆ ข้าจะต้องแต่งเจ้าเป็นชายาแน่นอน บุตรหลานชาติตระกูลดีนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงชื่นชมเจ้า ในจำนวนนั้นย่อมมีคนที่หล่อเหลามากสามารถ แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมออกเรือนจนทุกวันนี้ ข้ารู้ว่าข้าทำให้เจ้าเสียเวลา ก่อนหน้านี้ข้าคิดอยากขออภัยเจ้ามาหลายครั้งแล้ว ทว่าไม่มีโอกาสเสียที…”

เวินวันหยาดน้ำตาทะลักพรั่งพรูอย่างสุดกลั้น ไหลกลิ้งลงมาตามแก้มของนาง

นางส่ายหน้าโดยแรง “ไม่เลย…ไม่เลย ท่านอ๋อง! ไม่ต้องตรัสเช่นนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันเข้าใจจริงๆ เข้าใจหมดแล้วทุกอย่าง! อย่าได้ทรงตำหนิพระองค์เองเลย! ท่านอ๋องไม่ได้ทำให้หม่อมฉันเสียเวลา ไม่เกี่ยวอะไรกับพระองค์เลยเพคะ ท่านอ๋องทรงรักษามารยาทกับหม่อมฉันมาโดยตลอด หม่อมฉันเองต่างหากที่แต่ก่อนมีความคิดไม่บังควรจนสร้างความกังวลใจให้พระองค์ หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ! มีเพียงแม่ทัพหญิงผู้นั้นจริงๆ ที่สามารถแบกรับตำแหน่งชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการได้” นางเบือนหน้าไปปาดน้ำตาบนแก้ม “ขอบพระทัยท่านอ๋องมากเพคะที่วันนี้ตรัสกับหม่อมฉันตามตรง”

ซู่เซิ่นฮุยมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“วันเหนียง วันข้างหน้าหากเจ้าเจอปัญหาที่ไม่สามารถจัดการด้วยตนเอง ให้ส่งคนมาบอกได้เต็มที่เลยนะ” คำพูดของเขามีแต่ความจริงใจ

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”

เวินวันรวบชายแขนเสื้ออย่างสำรวมพลางคำนับเขาอีกคำรบ มองบุรุษหนุ่มตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

คราวนี้นางไปอย่างแท้จริง

ซู่เซิ่นฮุยเองก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก

เขาเพียงแค่ลุกขึ้นจากเบาะมายืนอยู่ที่เดิม ใช้สายตามองส่งร่างในอาภรณ์สีแดงเข้มร่างนั้น

นอกหน้าต่างทางทิศใต้กิ่งไม้ฤดูสารทเสียดสีกันดังสวบสาบ นอกเหนือจากนั้นคือความเงียบ

หญิงงามเดินจากไปไกลจนลับตา แต่เขายังคงยืนนิ่งงันเดียวดายอยู่อย่างนั้น ผ่านไปพักใหญ่ถึงค่อยๆ นั่งลง สีหน้าเคร่งขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เอาแต่นั่งเฉยไม่ไหวติง

แมงมุมตัวหนึ่งกำลังชักใยอยู่ตรงมุมมืดฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของหอคัมภีร์ สาละวนพ่นใยสลับกับไต่ไปมา ทันใดนั้นมันก็พลาดท่าพลัดตกลงมาจากรังที่กำลังสร้าง ใยเส้นนั้นยึดมันให้ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอยู่สามสี่ที สุดท้ายก็ขาดกลางจนมันร่วงตกลงบนแท่นวางพระคัมภีร์ด้านล่าง

“ออกมา!”

ดวงตาของซู่เซิ่นฮุยพลันเหลือบขึ้น แววตาทอประกายคมกริบขณะตวาดเบาๆ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com