เมื่อความพลุ่งพล่านในอารมณ์ผ่านพ้น เขาก็พลันคิดได้
ต่อให้ตอนนี้นางยังไม่ออกเดินทาง ใครก็ห้ามนางไม่ได้ทั้งนั้น หากนางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดอย่างที่ว่าไว้จริง เจียงจู่วั่งย่อมทัดทานไม่อยู่
ส่วนเขา…
ในทางส่วนรวม เขาคืออ๋องผู้สำเร็จราชการ
ในทางส่วนตัว…เขามีสิทธิ์อะไรเล่า ชายที่เพิ่งทะเลาะกับนางอย่างดุเดือดถึงขั้นนั้นเมื่อไม่นานมานี้ น่ากลัวว่าเมื่อได้กลับไปถึงเยี่ยนเหมินที่นางคิดถึงอยู่ทุกชั่วขณะจิต นางคงจะลิงโลดร่าเริงเป็นปลาได้น้ำ และปัดเขาทิ้งไปจากความคิดแต่แรกแล้ว
ชายหนุ่มสะกดความรวดร้าวอันเข้มข้นที่ถาโถมขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ยืนแหงนหน้าเหม่อมองท้องฟ้ารัตติกาลอยู่นาน
คืนนี้เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง ด้านนอกตำหนักแปรพระราชฐาน ดวงจันทร์แหว่งเว้าเป็นเสี้ยวคล้ายโค้งคิ้วหญิงงาม หมู่มวลบุปผชาติพราวสะพรั่ง เพลงขลุ่ยเสนาะหูลอยแว่วตามลมมาจากบนทะเลสาบ
นางเล่า…
ยามนี้นางกำลังจูงม้ากินน้ำอยู่ที่ใด หรือกำลังตวัดดาบอยู่ที่ใดกัน
ในแดนเหนือที่อยู่ไกลออกไปหลายพันหลี่ บนเนินทรายแผ่ไพศาล ใต้ฟ้าเร้นจันทร์และสายลมแรง เจียงหานหยวนกับกองทหารม้าลาดตระเวนสองพันนายเข้ามาถึงพื้นที่ตอนกลางของมณฑลโยวโจวแล้ว กำลังอาศัยความมืดพรางตัว เคลื่อนพลเลียบกำแพงหมื่นหลี่ มุ่งไปข้างหน้าเร็วรี่ปานติดปีกบินท่ามกลางทิวเขาและทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง
หลังออกจากแนวชายแดนเกาหลิ่ว ข้ามพื้นที่แนวชายแดนอันคลุมเครือไร้เส้นแบ่งเขตชัดเจน เจียงหานหยวนกับผู้ใต้บังคับบัญชาก็เข้าสู่ถิ่นศัตรูโดยสมบูรณ์ในวันรุ่งขึ้น
กลางเทือกเขาที่ลดหลั่นสูงต่ำสลับกันไปและทุ่งร้างกว้างใหญ่แผ่ตัวสุดลูกหูลูกตามีทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์และเมืองกระจายตัวไปทั่วเหมือนธารดวงดาว เดิมทีบริเวณนี้เคยเป็นอาณาเขตของแคว้นจิ้นในอดีต ทว่าตั้งแต่หลายสิบปีก่อนได้ถูกพวกเป่ยตี๋กลืนดินแดนไปเรื่อยๆ จนแนวชายแดนค่อยๆ ร่นลงใต้จนมาถึงเยี่ยนเหมินในปัจจุบัน
หลังเข้ายึดครองพื้นที่ทางเหนือของจงหยวน กำแพงหมื่นหลี่ที่สร้างมาตั้งแต่แคว้นจ้าวและแคว้นเยียนในยุคโบราณ ผ่านไฟสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนก็หมดความหมายลงโดยสิ้นเชิงสำหรับพวกเป่ยตี๋ หลายสิบปีที่ผ่านมาจนทุกวันนี้นอกจากป้อมชายแดนไม่กี่แห่งที่ยังถูกรักษาไว้เป็นจุดส่งผ่านข่าวสารและสิ่งของ แนวกำแพงนอกเหนือจากนั้นก็ถูกลมทรายกร่อนเซาะจนชำรุดทรุดโทรมไปเสียมาก
กำแพงยาวเหยียดที่เคยเป็นปราการป้องกันชายแดนบัดนี้เหลือเพียงซากถูกทิ้งร้างกลางทุ่ง แต่ก็ช่วยเป็นเครื่องนำทางและเครื่องอำพรางในการเดินทัพให้เจียงหานหยวนได้พอดี
นับแต่เริ่มเคลื่อนพล คืนนี้เป็นคืนที่แปดแล้ว
ช่วงแรกเส้นทางมีแต่ทุ่งร้างและป่าเขา ควบม้าทั้งวันก็ยังไม่เห็นร่องรอยมนุษย์ เป็นโอกาสทองให้พวกนางเดินทัพได้อย่างว่องไวถึงวันละสามร้อยหลี่ ทว่าตั้งแต่สองวันก่อนตามหมุดหมายในแผนที่พวกนางเข้าใกล้หัวเมืองเยียนอันเป็นที่ตั้งของจวนหนานอ๋องในมณฑลโยวโจวขึ้นทุกที ระหว่างทางจึงเริ่มมีเหตุเหนือความคาดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามคาด
เย็นวันนี้เอง ระหว่างที่เจียงหานหยวนนำทัพเคลื่อนพลเลียบแนวกำแพงร้างไปเรื่อยๆ เหมือนที่ผ่านมา จางจวิ้นที่สำรวจเส้นทางอยู่ข้างหน้าก็ส่งสัญญาณเตือนภัย ทหารเป่ยตี๋กองเล็กไม่กี่สิบนายปรากฏตัวขึ้นห่างจากพวกนางไปไม่กี่หลี่ กำลังมุ่งหน้าสวนมาทางนี้
สำหรับทหารม้าฝีมือดีสองพันนาย ข้าศึกแค่ไม่กี่สิบคนย่อมกำจัดทิ้งได้ง่ายดายเหมือนเป่าฝุ่น แต่เวลานี้พวกนางกำลังเคลื่อนพลไม่ไกลจากจวนหนานอ๋อง และการกำจัดทหารเป่ยตี๋ทิ้งก็ไม่ใช่เป้าหมายในการเดินทัพครั้งนี้ หากเลี่ยงการปะทะกันซึ่งหน้าได้ก็ต้องพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด
เจียงหานหยวนตัดสินใจสั่งหยุดทัพทันที นางเรียกรวมพลทั้งกองทัพ ปลอบม้าไม่ให้ตื่นตกใจ ขณะแอบซุ่มตรงเชิงกำแพงรออย่างเงียบเชียบให้คนกลุ่มนั้นผ่านไป จังหวะที่กำลังพลทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมากที่สุดมีระยะห่างเพียงยี่สิบสามสิบจั้ง แม่ทัพหญิงได้ยินเสียงบทสนทนาของฝ่ายตรงข้ามลอยตามลมข้ามกำแพงมาด้วยซ้ำ
น่าจะเป็นทหารหน่วยย่อยที่ออกลาดตระเวนตามปกติ ไม่ได้ระแคะระคายแม้แต่น้อยว่าอีกด้านของกำแพงร้างที่อยู่ห่างจากพวกตนไม่ไกลมีกองทัพสองพันนายซ่อนตัวอยู่
หลังผ่านประสบการณ์ครั้งนั้นเจียงหานหยวนปรับแผนการเดินทัพใหม่ทันที เปลี่ยนมากบดานตอนกลางวัน เคลื่อนพลตอนกลางคืนแทน
แผนที่ระบุว่าถัดจากเมืองเยียนขึ้นไปทางเหนืออีกสองสามร้อยหลี่ยังมีเมืองอีกแห่ง พวกนางต้องทะลุผ่านพื้นที่ระหว่างกลางของเมืองทั้งสอง เดินทางตอนกลางวันจะอันตรายเกินไป