ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

ราวเที่ยงคืน อยู่ๆ เสียงผิวปากทุ้มต่ำทว่าคมชัดก็ดังเข้าหู

นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยจากคนที่เฝ้ายามข้างนอก แจ้งว่ามีสถานการณ์เร่งด่วน

เจียงหานหยวนรู้สึกตัวตื่นและลืมตาขึ้นมาในทันที หยางหู่ที่นอนตรงปลายเท้าก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วตวัดตัวลุกจากพื้นพลางตะโกนบอกคนอื่นๆ “มีเหตุด่วน! ตื่นเร็ว!”

ทหารที่ยืนเฝ้ายามนายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอก “ท่านแม่ทัพ มีคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาจากข้างหลังพวกเราขอรับ ท่าทางจะเป็นพวกชาวตี๋ ข้างนอกฝนตก พวกมันไม่ได้จุดคบไฟ เราเลยรู้ตัวช้า ตอนนี้อยู่ห่างกันไม่ถึงสองหลี่แล้วขอรับ! ดูท่าจะเป็นขบวนเกวียนส่งยุทธภัณฑ์ พวกมันคงตั้งใจมาค้างแรมที่นี่เช่นกัน!”

ตอนนี้ไพร่พลที่นอนบนพื้นโรงทหารรู้สึกตัวตื่นกันหมดแล้ว ต่างหยิบดาบขึ้นมาเตรียมพร้อม เจียงหานหยวนออกไปเกาะกำแพงที่พังลงมาครึ่งหนึ่งมองย้อนกลับไปทางทิศที่พวกตนเพิ่งจากมาเมื่อตอนกลางวัน

หลังม่านฝนกลางรัตติกาลอันมืดมิด กลุ่มคนที่มีลักษณะเหมือนขบวนเกวียนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้จริงๆ

“รีบไปตอนนี้เลยหรือไม่” ฝานจิ้งถาม

คะเนจากสายตา ทหารกลุ่มนั้นน่าจะมีร่วมสามร้อยนาย กระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว

เจียงหานหยวนขึ้นไปยืนบนยอดกำแพงแล้วกวาดตามองรอบตัว

บริเวณนี้เป็นทุ่งโล่งกว้าง นอกจากป่าใกล้ๆ ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นักก็สามารถมองเห็นได้ทั่วอย่างไร้สิ่งกีดขวางสายตา ทหารสองพันนายจะขี่ม้าไปจากที่นี่โดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว โอกาสสำเร็จมีไม่มากเลย

“ไม่” นางกระโดดลงจากกำแพง

“ทุกคนจงรีบกลบร่องรอยของตนเอง แล้วถอยเข้าไปซ่อนตัวในป่า รอให้พวกมันหลับกันก่อนค่อยหาโอกาสไปต่อ”

ฝานจิ้งถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไพร่พลเร่งรุดออกจากโรงทหารภายในเวลาอันสั้น แล้วอาศัยสายฝนยามราตรีเป็นเครื่องอำพราง กระจายตัวเข้าป่าที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้งอย่างเงียบเชียบ เพียงครู่เดียวก็ไม่เหลือแม้แต่เงา

ระยะนี้พวกเป่ยตี๋กับทัพกบฏจากแปดดินแดนผนึกกำลังกันเป็นกองทัพพันธมิตรตีเมืองเฟิงเยี่ย การศึกที่ยืดเยื้อทำให้สิ้นเปลืองกว่าที่คาดไว้มากนัก คนเหล่านี้เป็นกองรถม้าขนส่งยุทธภัณฑ์ไปที่เมืองเฟิงเยี่ย โดยหลักเป็นเกาทัณฑ์และลูกธนู ทั้งคนทั้งม้าเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนติดกันมาหลายวันแล้วเพราะข้อจำกัดทางเวลา คืนนี้ยังมาเจอฝน จึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเต็มที ด้วยรู้ว่าแถวนี้มีโรงทหารร้างอยู่ใกล้ๆ จึงอ้อมมาแวะพักชั่วคราว

เจียงหานหยวนซ่อนตัวอยู่ในป่า มีไพร่พลหมอบซุ่มอยู่ข้างหลัง ดวงตาเขม้นมองเบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอย่างจดจ่อ

คนเหล่านั้นเคลื่อนตัวมาจนใกล้โรงทหารร้าง ผู้บังคับกองพันสั่งให้จอดขบวนเกวียนยาวเหยียดที่บรรจุยุทธภัณฑ์ไว้ด้านหน้า จากนั้นทหารหลายร้อยนายก็กรูเข้าไปในโรงทหารร้าง เพียงไม่นานแสงไฟก็ส่องสว่างออกมาจากข้างใน พร้อมกับที่เสียงฝีเท้าสับสนเดินไปเดินมาลอยเข้าหูอย่างแจ่มชัด

นางเฝ้ารออย่างใจเย็น ฝนซาลงแล้ว ผ่านไปราวสองเค่อความเคลื่อนไหวในโรงทหารก็ค่อยเบาลงจนสุดท้ายเงียบไปโดยสิ้นเชิง คนข้างในคงหลับกันหมดแล้ว

มาถึงตอนนี้ฝนก็หยุดตกแล้วเช่นกัน

แม่ทัพหญิงรอต่ออีกสองเค่อ แล้วหันไปมองจางจวิ้นที่หมอบซุ่มอยู่ด้านหลัง

ฝ่ายนั้นเข้าใจ ค่อยๆ ออกไปอย่างเงียบเชียบ สักพักก็คลำฝ่าความมืดกลับมารายงานเบาๆ “แน่ใจได้ว่าข้างนอกมีทหารเฝ้ายามเพียงสองนายขอรับ ยืนอยู่หน้าโรงทหารซ้ายคนขวาคน พวกที่เหลืออยู่ข้างในกันหมด”

เจียงหานหยวนเรียกหยางหู่กับชุยจิ่ว “ไปจัดการพวกมัน”

ทั้งคู่พยักหน้า แล้วแยกกันอ้อมกำแพงที่พังลงมา คนหนึ่งไปทางทิศตะวันออก อีกคนไปทางทิศตะวันตก ย่องไปยังสองฝั่งของประตูใหญ่ที่พังหายไปนานแล้วอย่างเงียบเชียบ

หน้าประตูจุดคบไฟไว้ ทหารตี๋ร่างสูงใหญ่บึกบึนสองนายกอดดาบเดินกลับไปกลับมาจนสุดขอบสองฝั่งของหน้าชานดิน

เมื่อเข้ามาซ่อนตัวหลังซากกำแพงสองข้างเรียบร้อยแล้ว หยางหู่กับชุยจิ่วก็สบตากันไกลๆ ก่อนทำมือส่งสัญญาณให้เริ่มจัดการ ราวสามชั่วลมหายใจหลังจากนั้นทั้งคู่ก็พุ่งตัวราวกับพยัคฆ์ร้ายเข้าจู่โจมทหารเฝ้ายามสองนายพร้อมกัน

หยางหู่ถือมีดสั้นรอท่าอยู่ในมือ อย่าว่าแต่ทหารตี๋จะขัดขืนเลย กระทั่งรู้สึกตัวยังแทบไม่ทันได้รู้สึก ลำคอก็ถูกมีดคมกริบที่โผล่มาจากข้างหลังปาดฉับเสียแล้ว เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ผู้ถูกจู่โจมตื่นตระหนก ทำท่าจะอ้าปากร้องตะโกนตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกมือแข็งแรงทรงพลังข้างหนึ่งอุดปากไว้จนส่งเสียงไม่ออกแม้แต่แอะเดียว

ทหารตี๋นายนี้ทรหดไม่ใช่เล่น ถูกปาดคอแล้วแท้ๆ ยังดิ้นสุดแรงเกิดพร้อมพยายามชักดาบ แต่จะชักออกมาอย่างไรเล่า ระหว่างดิ้นอุตลุดดาบก็ร่วงหล่น หยางหู่กระดกเท้าช้อนฝักดาบไว้ไม่ให้ตกพื้นแล้วเกิดเสียง จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างยึดศีรษะคนตรงหน้าที่ไม่ยอมตายเสียทีไว้แน่น จับบิดไปข้างหนึ่งโดยแรง

เสียงกระดูกหักกร๊อบฟังดูแน่นทึบเพราะดังออกมาจากในเนื้อ ลำคอทหารตี๋นายนั้นถูกบิดจนหัก สิ้นใจคาที่ ร่างอ่อนปวกเปียกทรุดลงไปกองกับพื้นโดยสิ้นเชิง

หลังจัดการเสร็จหยางหู่รีบลากทั้งคนทั้งดาบไปหลังซากกำแพงที่ตนซ่อนตัวเมื่อครู่ แล้วดันศพเข้าไปในมุมมืด จากนั้นก็หันไปมองสหาย เห็นว่าทางชุยจิ่วก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทั้งคู่ทำมือส่งสัญญาณถอย ก่อนจะออกจากที่นั่นอย่างว่องไว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com