บทที่ 66
ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านของวังหลวง ขันทีตามตำหนักต่างๆ ใช้ไม้ไผ่ลำยาวไล่จุดตะเกียงทีละดวงเมื่อได้ยินเสียงนั้น
หลันไทเฮามาเยือนตำหนักตุนอี้เพื่อกินอาหารเป็นเพื่อนหลี่ไท่เฟยอีกแล้ว หลังมื้ออาหารยังยกชาปรนนิบัติหญิงสูงวัยด้วยตนเอง อันเป็นกิจวัตรที่นางทำอยู่เสมอในช่วงที่ผ่านมา ไท่เฟยรับชามาจิบอึกหนึ่งแล้วว่า “พักนี้ไทเฮาแวะมาบ่อย มีเรื่องอันใด”
หลันไทเฮาไล่ข้ารับใช้ออกไป แล้วจึงตอบยิ้มๆ “วันนี้หม่อมฉันมาด้วยธุระเรื่องหนึ่งจริงๆ เกี่ยวกับการแต่งตั้งฮองเฮาที่หม่อมฉันเคยพูดถึงอย่างไรเล่า”
ไท่เฟยไม่ว่ากระไร หลันไทเฮาจึงกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม “หลังหารือกับไท่เฟยคราก่อน ช่วงที่ผ่านมาหม่อมฉันเฝ้ามองหาตัวเลือกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามคำแนะนำของไท่เฟยตลอด นี่คือรายชื่อเพคะ ไท่เฟยโปรดทอดพระเนตรและช่วยหม่อมฉันเลือกทีเถิด” พูดพลางหยิบรายชื่อชุดหนึ่งส่งไปให้ ปรากฏว่าฝ่ายตรงข้ามไม่รับ กลับนั่งเอนกายพิงหมอนอิงข้างหลังแล้วเอ่ยว่า “ให้ข้าดูไปไยกัน เจ้าถูกใจตระกูลใดก็ว่ามา”
หลันไทเฮาเก็บรายชื่อแล้วยิ้มเอาใจ “เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูล หม่อมฉันเปรียบเทียบโดยละเอียดแล้ว สุดท้ายถูกใจอยู่คนหนึ่ง อุปนิสัยสุขุมเยือกเย็น รูปโฉมอ่อนหวาน นิสัยเรียบร้อย มีชาติตระกูล เพียบพร้อมทุกด้าน เรียกได้ว่าทั้งนิสัยใจคอ กิริยาท่าทาง ความเป็นกุลสตรี ตลอดจนรูปโฉมไม่มีที่ติแม้แต่อย่างเดียว เสียก็แต่…” เจ้าตัวเว้นช่วงไปครู่สั้นๆ “แก่วัยกว่าฮ่องเต้อยู่สักหน่อย ปีนี้อายุสิบแปด แต่ฮ่องเต้นิสัยเป็นอย่างไรไท่เฟยก็ทรงทราบ หากฮองเฮาสุขุม รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จะเป็นผลดีต่อฮ่องเต้ด้วยซ้ำ”
ตุนอี้ไท่หวงไท่เฟยที่นั่งเอกเขนกบนตั่งถามว่า “บุตรสาวตระกูลใดกัน”
หลันไทเฮาเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ช่วยทุบต้นขาให้พลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย “ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ใด เป็นบุตรสาวของหลันหรง พี่ชายหม่อมฉันเอง ที่สุดท้ายหม่อมฉันเลือกนางเพราะพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ฮ่องเต้รู้จักกับญาติผู้พี่คนนี้มาแต่เด็ก สนิทสนมกันดี ต่อไปหากฮ่องเต้และฮองเฮารักใคร่ปรองดองกันย่อมเป็นผลดีต่อทั้งฝ่ายในและต้าเว่ยอย่างมหาศาล แน่นอนว่านี่เป็นเพียงดุลยพินิจของทางหม่อมฉันเท่านั้น การแต่งตั้งฮองเฮาเป็นเรื่องใหญ่ จำต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบ คืนนี้หม่อมฉันจึงมาทูลถามความเห็นจากไท่เฟยเพคะ”
ไท่เฟยนั่งปรือตาอยู่สักพักก็ตอบว่า “เรื่องครอบครัวของโอรสสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เจ้าเป็นไทเฮา เป็นมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้ ต่อให้เป็นครอบครัวของโอรสสวรรค์ก็ต้องเคารพหลักความสัมพันธ์ระหว่างคน สิทธิ์การตัดสินใจเลือกฮองเฮาย่อมเป็นของเจ้า อีกทั้งเจ้ายังคัดคนมาแล้ว ขอเพียงนางสร้างประโยชน์ให้ต้าเว่ยและเป็นกำลังค้ำจุนฮ่องเต้ได้ ข้าจะมีอะไรให้โต้แย้งได้เล่า”
หลันไทเฮาตั้งใจจะแต่งตั้งหลานสาวตนเองเป็นฮองเฮาแต่แรกแล้ว แต่กลัวจะถูกคัดค้าน สตรีสูงวัยเจ้าของตำหนักตุนอี้ผู้นี้ไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้หมิงตี้ก็จริง ทว่าฮ่องเต้หมิงตี้ยกย่องเสมือนผู้ให้กำเนิด คำพูดย่อมมีน้ำหนักเป็นพิเศษ ถือเป็นกำลังหนุนแสนสำคัญในแผนการของนาง พอได้ยินเจ้าตัวเอ่ยปากเช่นนี้หลันไทเฮาก็ยินดีปรีดานัก นั่งเป็นเพื่อนต่ออีกครู่หนึ่ง จนเห็นว่าไท่เฟยเริ่มมีสีหน้าอ่อนเพลียก็ขอตัวกลับ ก่อนไปยังพูดว่า “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะเพคะ อีกสองวันจะเป็นการประชุมราชสำนัก เสียนอ๋องกับพวกฟางชิงอยู่กันครบ ในวันประชุมหม่อมฉันจะแจ้งพวกเขาให้รับรู้ แล้วมอบหมายให้กรมพิธีการไปจัดการ!”
ไท่เฟยไม่ตอบ คล้ายหลับไปแล้ว
หลันไทเฮาออกจากตำหนักตุนอี้กลับตำหนักบรรทมตนเอง ในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา อยากให้การประชุมราชสำนักมาถึงโดยเร็วเสียเหลือเกิน
นางรู้แล้วว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการได้สิ้นสุดการเสด็จประพาสแดนใต้ เวลานี้กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง จะมาถึงในเดือนหน้า
หลันไทเฮาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้ผู้ใดสอดมือเข้ามายุ่งกับการแต่งตั้งฮองเฮาให้โอรสเป็นอันขาด หากปล่อยเรื่องนี้ไว้เนิ่นนานจนเกิดความไม่แน่นอนและมีเหตุไม่พึงประสงค์สอดแทรกเข้ามากลางคัน สู้ฉวยโอกาสจัดการให้เสร็จสิ้นไปเสียดีกว่า เช่นนี้เมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการกลับมา ต่อให้มีความเห็นเป็นอื่นก็ยื่นมือเข้ามาไม่ได้ เว้นเสียแต่ต้องการจะแตกหักกับครอบครัวมารดาของฮ่องเต้อย่างโจ่งแจ้ง การทำเช่นนั้นหมายถึงอะไร เชื่อว่าเจ้าตัวน่าจะรู้ดี
ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ทันใดนั้นข้าหลวงก็รายงานว่าฮ่องเต้เสด็จ พอหลันไทเฮาเงยหน้าขึ้นก็เห็นโอรสเดินเข้ามา
นางคลี่ยิ้มอารีบนใบหน้าขณะนั่งรอให้เด็กหนุ่มเดินเข้ามาคำนับตน
เขายังสวมชุดราชสำนัก คงเพิ่งออกมาจากห้องทรงพระอักษร นางกำลังจะขยับปากถามว่าเหนื่อยหรือไม่ก็ได้ยินเด็กหนุ่มถามขึ้นมาก่อน “เสด็จแม่ไปตำหนักตุนอี้อีกแล้วหรือ ไปด้วยเรื่องใดกัน”
เมื่อได้ยินความห้วนในน้ำเสียง รอยยิ้มก็เลือนหายไปจากดวงหน้าหลันไทเฮา “เหตุใดถึงพูดจากับข้าเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้ซู่เจี่ยนพอจะได้ยินมาแล้วว่าหลังเสด็จอาสามออกจากเมืองหลวงไทเฮาก็แอบยุ่งง่วนวางแผนแต่งตั้งฮองเฮาให้ตน ช่วงแรกทางไทเฮาปิดข่าวเงียบ ไม่มีข่าวใดหลุดลอดออกมาทั้งสิ้น เขาจึงไม่รู้ว่านางต้องตาบุตรสาวตระกูลใด ประกอบกับเสด็จอาสามไม่อยู่ งานในแต่ละวันของเขาเพิ่มมากขึ้นจนไม่มีเวลามาสนใจ จนเดือนที่แล้วเขาสังเกตเห็นว่าไทเฮามักเรียกบุตรสาวของหลันหรงเข้าวังหลวงบ่อยครั้ง จึงเริ่มสะกิดใจสงสัยว่ามารดาหมายตานาง