มู่เซวียนชิงนั่งอยู่ตรงนี้
ด้านเซี่ยฉางเกิงผู้บัญชาการกองทัพเหอซีอยู่ตรงที่นั่งแขกคนสำคัญ]
ขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นฉางซาซึ่งมารับรองแขกก็ต่างนั่งประจำที่ลดหลั่นกันไปตามลำดับตำแหน่งสูงต่ำ
ค่ำคืนนี้ขณะโถงหน้าของวังอ๋องสว่างเจิดจ้าไปด้วยแสงโคม เคล้าคลอเสียงบรรเลงดนตรีอย่างรื่นเริง ทางเรือนหลังกลับสงัดวังเวงไปทั่วบริเวณ
มวลพฤกษาหลบเร้นใต้ผืนความมืดเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ โคมไฟสองสามดวงแผ่แสงเหลืองสลัวเรื่อเรืองทาทาบทางเดินคดเคี้ยวที่เชื่อมสู่เรือนพำนักของธิดาอ๋อง
รอบด้านเงียบเชียบไม่ได้ยินสรรพเสียงใด
มู่ฝูหลันหลับตาสนิทแช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่น ราวกับมีมืออันอ่อนโยนนับไม่ถ้วนแย่งกันลูบไล้นาง พาไอร้อนกำซาบเข้าสู่ทุกอณูขุมขนทั่วสรรพางค์กาย ปลุกปลอบร่างกายที่ขดเป็นก้อนกลมของนาง
สุดท้ายนางค่อยๆ เหยียดแขนขาออกอย่างผ่อนคลายเต็มที่
นางลืมตาลุกขึ้นจากน้ำ เกาะขอบถังอาบน้ำก้าวออกมาเช็ดเนื้อตัวจนแห้ง สวมเสื้อผ้าย่างเท้าเดินไปข้างประตูก่อนดึงกลอนประตูออก
ในห้องมีแม่นมมู่เพียงผู้เดียว
นางรอคอยอยู่นอกห้องชำระกาย หัวคิ้วย่นเข้าหากันแน่น ดวงตาฉายแววกลัดกลุ้ม พอเห็นมู่ฝูหลันออกมาในที่สุด นางก็เดินรี่เข้าไปยื่นมือประคองแขนของผู้เป็นนาย
“ท่านหญิง ท่าน…”
“ข้าไม่เป็นไร”
มู่ฝูหลันยืนอยู่กับที่อย่างมั่นคงพลางส่งยิ้มให้นาง
“เรียกพวกนางเข้ามาผลัดชุดให้ข้าเถอะ”
แม่นมมู่สะกดความวิตกกังวลไว้ มองนางปราดหนึ่งแล้วหมุนกายเปิดประตูร้องเรียกสาวใช้ด้านนอกเข้ามา
พวกสาวใช้เข้าห้องมาแล้วล้อมวงรอบตัวหญิงสาวช่วยกันแต่งกายให้นาง
เมื่อสวมอาภรณ์เสร็จ มู่ฝูหลันยังไม่ลุกขึ้น นางนั่งอยู่หน้าคันฉ่องดังเดิม แลมองเงาสะท้อนตนเองในนั้นนิ่งนาน
สีหน้าของนางเฉยเมยคลับคล้ายเริ่มใจลอย
ปกติพวกสาวใช้ล้วนสนิทสนมกับนาง แต่ชั่วขณะนี้กลับยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้าเปล่งเสียง
เนิ่นนานพักใหญ่ พลันมีเสียงฝีเท้ากระชั้นดังลอยมาจากระเบียงทางเดินนอกประตูระลอกหนึ่ง
ประตูถูกผลักเปิด ตันจูก้าวเข้ามา
แม่นมมู่รีบออกไป
ตันจูบอกเสียงเบาๆ คำหนึ่งแล้วแม่นมมู่ก็ย้อนกลับเข้าห้องด้านในไปหยุดอยู่ข้างหลังมู่ฝูหลัน โน้มตัวลงไปกระซิบพูดชิดริมหูนาง “งานเลี้ยงเลิกแล้ว เขาน่าจะใกล้มาที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”
พระพายราตรีลอดทะลุประตูพัดผ่านม่านโปร่งบางเบาที่คลี่ลงกางกั้นเข้ามาในห้องอย่างไร้สุ้มเสียง
มู่ฝูหลันเบือนหน้าไป สายตาของนางจับจ้องโคมไฟซึ่งแกว่งไกวไปมาตามแรงลมไม่ใกล้ไม่ไกลดวงนั้นพลางกล่าว “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ”
ในห้องเหลือมู่ฝูหลันอยู่ตามลำพัง ข้างใบหูนางสงบเงียบ
เสียงสะเก็ดไฟแตกเปรี๊ยะดังมาจากเทียนไขที่ปักบนฐานแก้วสีสลักลายดอกบัวข้างคันฉ่องกะทันหัน
เปลวเทียนไหววูบหนึ่ง จากนั้นรอบตัวก็นิ่งเงียบลงทันที