เดิมทีคิดว่าถ้าเอ่ยเช่นนี้จะเห็นภาพนางตื่นกลัว ใครจะไปรู้ว่านางไม่ลุกลี้ลุกลนสักนิด เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเนิบช้า “สกุลกวนมีส่วนรู้เห็นกับโจรผู้ร้าย เรื่องนี้ไม่แปลกเท่าไร แต่ถ้าหากสกุลฉู่มีส่วนรู้เห็นกับพวกโจร นั่นสิถึงจะเป็นข่าวใหญ่!”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ก็เห็นดวงตาของฉู่เหิงจือแฝงด้วยรังสีอำมหิตไว้ตามคาด ทว่านางยิ่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“บิดาของท่าน ใต้เท้าเสนาบดีคงมีศัตรูในราชสำนักไม่น้อยกระมัง หากโดนฝ่ายศัตรูจับจุดอ่อนนี้ได้ใต้เท้าเสนาบดีก็คงจะต้องปวดหัวเป็นแน่”
“ดูท่าแม่นางกวนจะเป็นน้ำนิ่งไหลลึก ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป”
ยามนี้กวนอวิ๋นซีเผชิญหน้ากับเขาที่โทสะกำลังพลุ่งพล่านแต่ก็ไม่เกรงกลัวสักนิด นางต่อสู้ฟาดฟันมาเป็นแรมปี ไยจะต้องตื่นตระหนกกับเรื่องแค่นี้เล่า
ถึงจะโดนฉู่เหิงจือจับได้ที่ตนแอบย่องออกมาจากจวนในยามวิกาลแล้วอย่างไร เขาสงสัยนางแล้วอย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่ต้องกังวลใจเสียด้วยซ้ำ
ทั้งสองประจันหน้ากันครู่หนึ่ง บรรยากาศคล้ายเครื่องสายที่ขึงตึง ต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันใด ไม่จำเป็นต้องพูดจา เขายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็วหมายจะควบคุมตัวนาง ปิดปากนางไว้ แล้วรีบแฉลบกายไปซ่อนตัวในที่ลับ
กวนอวิ๋นซีไม่ดิ้นรนแม้แต่น้อย ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยนางก็รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ฉู่เหิงจือต้องสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยด้านนอกแน่ แม้นางจะไม่รู้สึกถึงอะไรเลย แต่นางก็พอดูการเคลื่อนไหวของเขาออกอยู่บ้าง
ฉู่เหิงจือสัมผัสได้ว่ามีคนมาจริง เดิมคิดว่านางจะขัดขืน ในยามคับขันอาจจะต้องตีนางจนสลบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางจะยอมร่วมมือโดยง่าย
นางสะกิดหลังมือเขาที่ปิดปากนางอยู่อย่างไม่พอใจ บอกเป็นนัยให้เขาเอามือออก เขาเหลือบมองนางปราดหนึ่งจึงยอมเอามือออกอย่างเงียบกริบ ทว่ามืออีกข้างหนึ่งยังคุมตัวนางไว้
ยามที่นางนำผ้าสีดำมาปิดหน้าตนเองเขาก็สวมหน้ากากกลับคืนเช่นกัน ทั้งสองคนล้วนจับจ้องไปที่ประตู น่าแปลก ยามนี้นอกจากพวกเขาแล้วยังมีใครที่ว่างงาน ลอบเข้ามาในอี้จวงเพื่อดูศพอีก
เพียงชั่วครู่ประตูก็ค่อยๆ เปิดออก เงาดำทะมึนลักลอบเข้ามา คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีดำ คาดผ้าสีดำไว้บนใบหน้า
กวนอวิ๋นซีสัมผัสได้ถึงแววตาอันเฉียบคมที่ยิงตรงมา ไม่ต้องอธิบายนางก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดวงตาเขากำลังเอ่ยว่าบุรุษชุดดำคนนั้นเป็นพวกเดียวกับนาง
นางถลึงตาใส่เขาเป็นการคัดค้าน ใครบอกว่าใส่ชุดดำเหมือนกันต้องเป็นพวกเดียวกัน ไม่แน่ว่าคนคนนั้นอาจซื้อชุดมาจากร้านเดียวกันก็ได้!
เห็นเงาสีดำนั้นเข้ามาด้อมๆ มองๆ พลางยื่นมือไปเลิกเสื่อฟาง มองไปทีละศพ ทำเช่นเดียวกับนาง
ฉู่เหิงจือหรี่ตาจ้องนางราวกับกำลังพูดว่าเจ้ายังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่
นางค้อนขวับ คร้านจะไปสนเขา แต่ก็รู้สึกว่าน่าแปลก
นางมาเพื่อหาตราประทับหินของตน คนชุดดำที่กำลังเลิกเสื่อฟางหาศพคนนั้นเขากำลังหาอะไรอยู่
ช้าก่อน เขาพลิกหาศพไปเช่นนี้ ไม่ใช่จะพลิกมาถึงร่างข้าหรือ แล้วบนร่างข้าเสื้อผ้าขาดวิ่น…
ฉู่เหิงจือก็กำลังจ้องคนผู้นั้น นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ สตรีข้างกายจะตะโกนแหกปาก
“ห้ามแตะต้องนะ!”
เสียงนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ฉู่เหิงจือจนมือเขาที่กำด้ามกระบี่สั่นเทา สตรีข้างกายนางนี้ไม่คำนึงถึงคำเตือนของเขาเลย ชี้ไปที่คนชุดดำพลางด่ากราด
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนาง ข้าจะจิ้มตาเจ้าให้บอด!”
ฉู่เหิงจือกระตุกมุมปาก เขาคว้าตัวสตรีที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่นางนี้อย่างจนปัญญา พูดตามจริง เขามองนางไม่ออกเลย