บทที่ 3
กวนอวิ๋นซีนอนหลับเต็มอิ่ม หลังจากตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่นางก็ปล่อยให้จิ่นเซียงทำผมแต่งกายให้
แม้นางจะไม่เคยใช้ชีวิตแบบคุณหนูผู้สูงส่งมาก่อน ทว่าก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะทำตัวเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง
นางเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ อยู่แต่ในเรือน ไม่ออกไปข้างนอก แน่นอนว่าไม่รวมถึงยามค่ำคืนที่นางแอบหนีออกไป อีกทั้งหลังจากที่เกิดเรื่องกระโดดน้ำ ทุกคนเห็นนางเงียบงันไม่พูดไม่จา พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไร ทำให้ลดปัญหาที่นางจะต้องเผชิญไปได้ไม่น้อย
อยู่ในเรือนฝ่ายในเช่นนี้อย่างมากก็มีเพียงกวนฮูหยินผู้เป็นมารดาที่มาเยี่ยมนางอยู่บ่อยครั้ง จับมือนางพลางถอนใจ ส่วนนางก็ทำได้เพียงเผยยิ้มบางๆ
เวลาส่วนใหญ่มีเพียงกวนฮูหยินที่คอยพูดจา นางก็แค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น
“ท่านพ่อของเจ้าทำตัวน่าโมโหจริงๆ ไม่เพียงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ไม่ยอมไปคัดค้านกับฝ่ายนั้น เอาแต่บอกว่าจะดีจะเลวอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงตระกูลเสนาบดี จะไปฉีกหน้าฝ่ายนั้นไม่ได้ น่าขำนัก เป็นพวกเขาที่ถอนหมั้นก่อน พอเจริญรุ่งเรืองแล้วก็กลัวว่าพวกเราจะไปเกาะจึงขับไสไล่ส่ง พวกเรายังต้องไว้หน้าพวกเขาอีกหรือ”
กวนอวิ๋นซีเอ่ยยิ้มๆ “ท่านแม่ อันที่จริงข้าคิดตกแล้วเจ้าค่ะ ในเมื่อถอนหมั้นแล้วก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีอะไรเสียหาย…”
“ไม่ได้! จะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงครานั้นหากไม่ใช่เพราะท่านปู่เจ้าไปช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามยามตกทุกข์ได้ยาก ตระกูลเขาจะมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองถึงวันนี้หรือ”
“บุญคุณที่ติดค้างกันในรุ่นท่านปู่ ให้รุ่นท่านปู่ตอบแทนก็สิ้นเรื่องแล้วเจ้าค่ะ จะให้รุ่นหลานไปตอบแทนได้อย่างไร พูดตามตรง ข้าคิดมาตลอดว่าหนี้สินในรุ่นบิดา ให้รุ่นลูกไปชดใช้ก็ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร”
นางมักแยกบุญคุณความแค้นออกจากกันอย่างชัดเจน เรื่องในรุ่นปู่ยังยืดเยื้อมาจนถึงรุ่นหลานก็เลยไม่จบไม่สิ้นสักที
กวนฮูหยินถลึงตาใส่นาง “เจ้าพูดอะไร หนี้สินรุ่นบิดาให้รุ่นลูกชดใช้อะไร พวกเราไม่ได้ติดเงินสักหน่อย นี่คือความน่าเชื่อถือ การออกเรือนของบุตรสาวเป็นเรื่องใหญ่”
กวนอวิ๋นซีฟังจนรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง สตรีนางนี้เอาแต่พูดพล่ามเรื่องนี้ให้นางฟังทั้งวัน นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ตามความเห็นนางแล้วนายท่านกวนรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ เขาคิดเผื่อทั้งตระกูล สกุลกวนไม่อาจไปล่วงเกินตระกูลเสนาบดีด้วยเรื่องแค่นี้ได้ ฝ่ายนั้นมีอำนาจใหญ่โต ยังต้องคลุกคลีในแวดวงขุนนาง จะเอาเรื่องแค่นี้ไปข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร
กวนอวิ๋นซีคนเดิมไปกระโดดน้ำด้วยเรื่องแค่นี้ช่างโง่เขลาสิ้นดี
นางตรวจสอบมาแล้ว กวนอวิ๋นซีคนเดิมเคยได้เห็นฉู่เหิงจือไกลๆ เพียงครั้งเดียว แล้วนางก็หลงรักในความหล่อเหลาสง่าผ่าเผยของเขา หมายที่จะออกเรือนกับอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงขั้นสาบานว่าจะรักกันไปตลอดสักหน่อย ฉู่เหิงจือก็อยู่ที่ซีเป่ยตลอด เขาเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยังไม่ทันได้พบหน้ากับกวนอวิ๋นซีตัวจริงเลยด้วยซ้ำ
กวนอวิ๋นซีตัวจริงแค่ตกหลุมรักตัวเขาในจินตนาการของนาง ครั้นได้ยินว่าอีกฝ่ายมาขอถอนหมั้น กวนอวิ๋นซีที่เป็นคุณหนูอยู่แต่ในเรือน ไม่เคยพบเจออุปสรรคขวากหนาม จู่ๆ วันหนึ่งบุรุษในฝันจะไม่มาสู่ขอนางแล้วก็รู้สึกราวกับฟ้าถล่มดินทลาย กอปรกับนางหน้าบางจึงไปกระโดดน้ำในขณะที่คุณชายฉู่เดินทางผ่าน
และนางยังรู้มาจากปากสาวใช้ว่าอันที่จริงกวนอวิ๋นซีไม่ได้อยากตายจริงๆ เพียงแค่ฉวยโอกาสนี้มาดึงดูดความสนใจจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นหมายจะให้เขารู้ว่านางเสียใจ
แต่ที่น่าขำก็คือนางที่มีร่างกายบอบบางกลับทนไม่ไหว กว่าเขาจะเข้ามาช่วยตัวนางก็ขาดใจตายไปเสียก่อน เยี่ยเฟิงจึงได้ทีมายืมร่างใช้