เหตุที่เขายอมมากับนางก็เพราะต้องการสืบหาความจริง และคาดเดาไว้ว่านางคงรู้จักกับพวกโจรภูเขา แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่านางจะสามารถพาเขาเข้ามาในค่ายและได้พบเหล่าหัวหน้าด้วย
นางพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านพ่อสงสัยว่าเรื่องปราบโจรจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่จึงสั่งให้เขามาตรวจสอบ หากพบอะไรที่น่าสงสัยก็รับโจรภูเขาพวกนี้เข้าราชสำนัก ไม่เพียงเป็นการกำจัดการปล้นชิงทรัพย์ ทั้งยังเพิ่มกำลังทหารให้กับทางการด้วย เป็นผลงานใหญ่ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
อีกทั้งครานั้นท่านพ่อก็เคยได้ยินเรื่องที่ขุนนางบีบคั้น ชาวบ้านต่อต้าน เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน จึงส่งเขามาสืบหา
ยามนี้หัวหน้าสามไฉหลางยกจอกสุราขึ้นดื่มคารวะ
“ข้าขอพูดตามตรง แม่นางเฟยอิง พอข้าได้พบเจ้าก็มีความรู้สึกคล้ายสหายเก่าอย่างไรอย่างนั้น”
กวนอวิ๋นซียิ้มน้อยๆ ในใจคิด นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าก็คือหัวหน้าใหญ่อย่างไรเล่า เพียงแต่รูปร่างภายนอกเปลี่ยนไปเท่านั้น ภายในยังคงเดิม
“พอข้าได้พบท่านก็คล้ายได้พบสหายเก่าเช่นกัน เห็นท่านขโมยร่างของหัวหน้าใหญ่ ปกป้องนางปานนั้น ทำให้ข้ารู้สึกนับถือท่านจากใจจริง”
“ในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวร่วมสาบานของหัวหน้าใหญ่ก็หมายความว่าเป็นน้องเล็กของข้าไฉหลางด้วย ต่อไปข้าจะคอยดูแลเจ้า” เขาเอ่ยพลางตบอก
“น้องเล็ก? ไยจึงไม่ใช่พี่เล่า”
“เจ้าดูตัวเองสิ เห็นอยู่ว่าเจ้าอายุน้อยกว่าข้า แน่นอนว่าจะต้องเป็นน้องเล็ก ข้าคือพี่สาม เขาคือพี่รอง”
กวนอวิ๋นซีอึ้งไปชั่วครู่ ต่อมาก็นึกได้ว่าจริงสิ ยามนี้ข้าคือกวนอวิ๋นซี อายุน้อยกว่าตัวข้าคนก่อนตั้งสามปี
เสียเปรียบโดยแท้ ชีวิตก่อนถูกเรียกว่าพี่ เรียกว่าหัวหน้าใหญ่ ยามนี้กลับกลายต้องเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’
“น้องเล็ก มา พี่สามดื่มสุราคารวะเจ้า!”
ไฉหลางยกจอกขึ้น อีกมือหนึ่งก็วางบนบ่านาง
ในค่ายบนภูเขาทุกคนล้วนใจคอกว้างขวางเปิดเผย ไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย ชีวิตก่อนของกวนอวิ๋นซีกอดคอกับน้องสามอยู่บ่อยครั้ง ความเคยชินแต่เดิมยังคงอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่าในสายตาของฉู่เหิงจือนั้นการกระทำนี้ดูไม่เหมาะสมยิ่ง
เขาเหลือบมองมือข้างนั้นอย่างไม่พอใจ หยิบจอกสุราขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ เอ่ยกับไฉหลาง “ได้ยินว่าหัวหน้าสามคอแข็งยิ่งนัก ข้าเองก็เลื่อมใสมานาน”
ไฉหลางได้ยินว่ามีคนเลื่อมใสเขา อีกทั้งยังกล่าวว่าเขาคอแข็งก็ต้องได้ใจเป็นธรรมดา ไม่มีบุรุษคนใดจะบอกว่าตัวเองคออ่อน
“ได้ พวกเรามาดื่มกัน!”
หลังจากที่ทั้งสองคนดื่มหมดจอกหนึ่งฉู่เหิงจือก็ยื่นจอกไปทางกวนอวิ๋นซี
“เทสุรา”
ครั้นกวนอวิ๋นซีได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงคิดว่าตัวเองโน้มน้าวฉู่เหิงจือสำเร็จแล้ว นางต้องการจะสร้างความสัมพันธ์กับพวกคนในค่าย จึงรีบเดินขึ้นหน้ามาเทสุราทันที หลุดออกจากวงแขนของไฉหลาง
“ท่านหาถูกคนแล้ว หัวหน้าสามของพวกเราคอแข็งนัก ดื่มสุรากับเขาสบายใจที่สุด”
เดิมทีไฉหลางก็เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย ครั้นได้ยินน้องเฟยอิงชมเชยก็ยิ้มไม่หุบ สายตาที่มองไปยังกวนอวิ๋นซียิ่งเป็นประกาย
ฉู่เหิงจือเพ่งพินิจ ยกมุมปากยิ้มอย่างสงบ “อ้อ ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะดื่มกับหัวหน้าสามเอง ไม่เมาไม่เลิกรา”
“ไม่มีปัญหา!” ไฉหลางหัวเราะฮ่าๆ ยื่นจอกสุราให้กวนอวิ๋นซี “มา เทสุรา!”
“ได้เลย!”
กวนอวิ๋นซียิ้มตอบ นางกำลังจะเดินกลับไป คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ มือจะว่างเปล่า ไหสุรานั้นถูกฉู่เหิงจือคว้าไปแล้ว
“มา ข้าเอง!” เขาเอ่ยพลางตบที่นั่งข้างๆ เขา โพล่งออกไปด้วยท่วงท่าไม่ยี่หระ “นั่งลง”
กวนอวิ๋นซีตอบรับเสียงหนึ่ง นางไม่ได้คิดอะไรมาก นั่งลงข้างกายเขาอย่างว่าง่าย ไม่ได้สังเกตว่าตำแหน่งนี้แยกนางกับไฉหลางเพื่อไม่ให้มือของบุรุษผู้นั้นมีโอกาสมากอดคอนาง
กวนอวิ๋นซีไม่รู้ว่าฉู่เหิงจือคอแข็งเพียงใด เมื่อเห็นเขาดื่มกับไฉหลางจอกแล้วจอกเล่าทั้งยังเล่นทายนิ้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้
มองไม่ออกว่ายามดื่มสุรา คุณชายตระกูลเสนาบดีคนนี้จะมีด้านที่องอาจผึ่งผายเช่นกัน
ครั้นเห็นพวกเขาดื่มสุราก็ทำให้นางเกิดความกระหายขึ้นมาบ้าง กำลังจะหยิบไหสุราขึ้น จะดื่มแค่อึกเดียว ทว่ากลับถูกอีกมือหนึ่งแย่งไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าดื่มอันนี้” ฉู่เหิงจือส่งอีกไหหนึ่งให้นาง
นางมองดูไหนั้นแล้วรับมา นี่เป็นสุราอ่อนไว้ให้สตรีดื่ม สำหรับนางแล้วก็เหมือนดื่มน้ำเปล่า รสชาติจะเหมือนสุราแรงได้อย่างไรกัน
นางวางไหสุราอ่อนนั้นลง ยื่นมือจะไปหยิบอีกไหหนึ่ง พอดึงจุกไม้ออกความหอมหวนอันเข้มข้นก็โชยมาปะทะจมูก
นี่สิถึงจะเรียกว่าสุรา นางยิ้มแย้มอย่างพอใจ กำลังจะเทจอกหนึ่งให้ตนเองกลับมีอีกมือหนึ่งมาคว้าจอกนั้นไป คำสั่งอันเรียบเฉยดังมาจากด้านข้าง
“ห้ามดื่มสุราแรง”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 ก.พ. 65 เวลา 12.00 น.