LOVE
ทดลองอ่าน ใกล้เกินรัก ชุด สุดท้ายก็เธอ บทนำ-บทที่ 1
บทนำ
“กลายเป็นข่าวฉาวมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์กันเลยทีเดียวครับ เมื่อรีเบคก้าสาวสวยผู้ถูกจับตามองมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับพุฒ บริพัตรเมธานนท์ได้ออกมาแฉว่าชายหนุ่มนอกใจเธอ อีกทั้งยังไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจนิเฟอร์ภรรยาสาวคนสวยของสตีเว่น นักเตะร่วมสโมสรจนเป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องหย่าร้างกัน หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไปก็มีสาวๆ อีกหลายคนออกมาแฉวีรกรรมความเจ้าชู้ของเขา ล่าสุดทางสโมสรออกมาชี้แจงว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนพฤติกรรมของพุฒเรียบร้อยแล้ว หากทั้งหมดเป็นความจริงทางสโมสรอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการต่อสัญญากับหนุ่มนักเตะสัญชาติไทยอีกครั้ง เรื่องนี้กำลังถูกบรรดาแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักเลยนะครับ…”
เสียงบรรยายของนักข่าวขาดหายไปพร้อมกับหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลง ร่างสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรสวมเพียงกางเกงยีนตัวเดียวเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าอันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบคนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก ใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด
ข่าวนี้ถูกเผยแพร่โดยสื่อของอังกฤษเป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าในเวลานี้มันได้กลายเป็นข่าวโด่งดังมากในไทยและอาจสร้างความอับอายให้บิดามารดาของเขาจนไม่กล้าออกไปเดินตามท้องถนน
เขาวางโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่ระเบียงของห้องพัก ทอดสายตามองไปยังตึกสีส้มอิฐที่แสดงให้ถึงสถาปัตยกรรมของประเทศอังกฤษอันแสนคุ้นตา
ความหนักใจเดียวจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องอนาคตอาชีพนักฟุตบอลของเขา แต่คงจะเป็นเรื่องมารดาของเขาต่างหาก ป่านนี้คงยืนถือไม้เรียวมือไม้สั่นไปหมดแล้ว
“แกจะไม่ต่อสัญญาเหรอ” น้ำเสียงปลายสายปะปนไปด้วยความแปลกใจ
“ครับ”
พุฒตอบกลับไปสั้นๆ เข้าใจความตระหนกของพี่ชายดี เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเล่นฟุตบอล อยู่กับมันมากกว่าอยู่กับครอบครัวเสียอีก ฟุตบอลแทบจะกลายเป็นชีวิตของเขาไปแล้ว
เมื่อพูดว่าจะไม่ต่อสัญญากับสโมสรซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลค่อนโลกจึงดูเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้
แต่ก็เป็นไปแล้ว
“เพราะข่าวนั่นเหรอ”
“ก็…ส่วนหนึ่ง”
“เรื่องจริงเหรอ” พิชญ์ บริพัตรเมธานนท์นิ่วหน้า แม้ว่าไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของน้องชาย แต่เขาก็ยังอยากให้ข่าวเรื่องการพัวพันกับผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาของคนอื่นนั้นเป็นเพียงข่าวลือมากกว่า
“จริงแค่บางส่วนน่ะเฮีย ทำไงได้ ผมตกอับแล้ว คงต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”
การพูดเรื่อง ‘ใหญ่’ ให้เป็นเรื่อง ‘เล็ก’ พูดเรื่อง ‘ยาก’ ให้เป็นเรื่อง ‘ง่าย’ นั้นดูเหมือนจะเป็นความสามารถพิเศษของทายาทตระกูลบริพัตรเมธานนท์กระมัง งานนี้พ่อกับแม่ต้องเอามือกุมขมับเป็นแน่ เมื่อบุตรชายทั้งสามคนขยันสร้างชื่อเสียให้ตระกูลกันอย่างถ้วนหน้า
ไม่มีใครรอดพ้นจากข่าวรักๆ ใคร่ๆ
แรกเริ่มเลย พิชญ์ลูกชายคนกลางประกาศยกเลิกการแต่งงานกับคู่หมั้นอย่างพริ้มเพราไฮโซสาวเจ้าของร้านเพชรชื่อดัง ก่อนที่พริ้มเพราจะกลายมาเป็นภรรยาของพี่ชายคนโตอย่างพฤกษ์ บริพัตรเมธานนท์ศัลยแพทย์หนุ่มจนกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่นานเป็นปี หนนี้ลูกชายคนสุดท้องคงจะกลัวน้อยหน้าพี่ชายทั้งสองจึงทำเรื่องฉาวโฉ่จนต้องอับอายขายหน้าไปทั้งประเทศ
“กลับมาแกคิดว่าชาวบ้านเขาอยากให้แกกลับมั้ย หลงปลื้มว่าไปสร้างชื่อให้ประเทศชาติ ที่ไหนได้…”
“เฮียๆ เกินไป ตอนแรกผมแค่เครียดนะ พอเฮียพูดแล้วผมอยากตายเลยอะ”
ปลายสายตอบกลับมาเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พุฒรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กห้าขวบอย่างไรไม่ทราบ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจกลับไปเช่นกัน
“คุยกับแม่เลย”
“คุยแล้ว แม่ด่าตลอดการสนทนา ไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไรเลย”
“งั้นที่โทรหาฉันวันนี้ก็คงไม่ใช่เพราะอยากบอกให้รู้เฉยๆ ใช่มั้ย”
“เฮียนี่ฉลาดสมเป็นลูกรักแม่”
“ไม่ต้องมาอวย”
“คุยกับแม่ให้หน่อยนะ เฮียเป็นลูกรักของแม่ แม่ต้องฟังเฮียอยู่แล้ว”
“ไม่!”
คำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยนั้นทำให้พุฒอยากจะทึ้งหัวตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังกลั้นใจพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ขอร้องล่ะ”
“ทำไมแกไม่อยู่ที่นั่นแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลยล่ะ”
“พูดแบบนี้เหมือนไม่รักน้องเลยนะ”
พุฒรินไวน์แดงราคาแพงระยับใส่แก้วแล้วกระดกทีเดียวหมด เขาค่อนข้างเครียดกับข่าวที่เกิดขึ้น แม้ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ลึกๆ แล้วก็เป็นกังวล
“ฉันอยากให้แกหายไป เพื่อที่ฉันจะได้ฮุบสมบัติไว้คนเดียวไง”
“อะไรนะเฮีย” หัวใจเขาหยุดเต้นไปเลยเมื่อได้ยินคำประกาศของพี่ชาย ปกติพิชญ์ไม่ใช่พวกชอบพูดเล่น ตรงกันข้ามพี่ชายของเขาคนนี้ค่อนข้างจริงจังในทุกๆ เรื่องต่างจากพฤกษ์พี่ชายคนโต รายนั้นอำเก่ง อำทุกเรื่อง และเชื่อถือคำพูดไม่ได้ แต่พอคนพูดเป็นพิชญ์เขาถึงกับแยกแยะไม่ออกเลยว่าอันไหนพูดจริงอันไหนพูดเล่น
“ฉันพูดจริง”
“เฮีย!”
“แกชอบทำตัวเหมือนเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ อยู่ในกรอบ อยู่ในร่องในรอย แต่ความจริงแกน่ะมันตัวดี แกมันไอ้เด็กผู้ชายห่วยแตก ไอ้สาม! ถ้าฉันอยู่ตรงนั้นฉันจะเตะสักทีสองทีให้แกหลังแอ่น” พิชญ์ที่เก็บความโกรธเอาไว้มานานเริ่มระเบิด ในฐานะพี่ชายเขาย่อมไม่ต้องการเห็นชีวิตของน้องชายจมดิ่งลงเหว
พุฒเล่นฟุตบอลเก่งมาก เขาฉายแววมาตั้งแต่ขึ้นเรียนชั้นอนุบาล แม้จะถูกครหาว่าใช้เส้นสายจนได้ไปเล่นกับทีมในพรีเมียร์ลีกเพราะสโมสรที่ซื้อตัวไปนั้นมีเศรษฐีชาวไทยเป็นเจ้าของและสนิทสนมกับบิดาของเขามาก
แต่ความเป็นจริงแล้ว พุฒมีพรสวรรค์และฝึกอย่างหนักมาเสมอ ความพยายามของชายหนุ่มผลักดันให้เขาก้าวไปอยู่ในจุดสูงสุดของกีฬาฟุตบอลได้
นับเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ทว่ากลับต้องมาตกม้าตายเพราะเรื่องผู้หญิง หากจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่พุฒเผชิญอยู่เขาก็คงจะเรียกตัวเองว่าพี่ชายไม่ได้
“เฮียสอง…นี่เฮียสองตัวจริงหรือเปล่า”
“พูดอะไร”
“เฮียสองตัวจริงไม่พูดติดกันยาวเกินสามประโยค บอกมา…ว่าแกเป็นใคร”
ปลายสายเงียบไปหลายวินาทีก่อนพุฒจะได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“ไอ้พุฒ” น้ำเสียงเข้มถูกกดให้ต่ำลง “แกไม่ต้องกลับมาไทยเลย เน่าตายอยู่อังกฤษนั่นแหละ”