พิรุณรักษ์มองคนตรงหน้าผ่านโต๊ะอาหารซึ่งถูกเสิร์ฟเป็นที่เรียบร้อย ชายรูปร่างสูงโปร่งนั่งหลังตรงคอตั้งบ่าผึ่งผาย ใบหน้าหล่อเหลาพอประมาณ บุคลิกท่าทางขึงขัง เขาสวมชุดไปรเวต แต่ก็ดูออกว่าชายหนุ่มเป็นคนในเครื่องแบบอย่างแน่นอน เพราะผมถูกตัดเกรียนจนเห็นศีรษะขาวทั้งสามด้าน
พิรุณรักษ์ส่งยิ้มหวานแบบพอประมาณให้คนตรงหน้าอย่างที่พยายามให้ดูไม่เกร็งจนเกินไป
“รถติดมั้ยครับ ระหว่างทางมาที่นี่” ร้อยตรีธนทัตเริ่มต้นบทสนทนาก่อน
“ก็…ไม่ติดอย่างที่คิดค่ะ สบายๆ คุณทัตล่ะคะ เดินทางมาสะดวกมั้ย”
“ผมมารถไฟฟ้าน่ะ ก็สะดวกดีครับ”
“…”
“…”
บทสนทนาหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นความเงียบสงัดก่อให้เกิดความอิหลักอิเหลื่อชอบกล พิรุณรักษ์ยิ้มแห้งให้กับคู่เดตคนที่สามของเดือนนี้
สงสัยว่าเธอจะทำตัวน่าเบื่อเกินไปอีกแล้วสินะ
“คุณฝนชอบทานผักมั้ยครับ” ธนทัตเริ่มต้นชวนคุยอีกครั้ง
“ไม่ชอบเลยค่ะ”
“ไม่ได้นะครับ ไม่ทานผักทำให้ระบบการขับถ่ายไม่ดี หน้าตาหมองคล้ำขาดความแจ่มใส โรคภัยถามหาด้วย เรื่องนี้ควรฝึกให้เป็นระเบียบวินัยขั้นพื้นฐานเลย ต้องทำให้เป็นนิสัยเพื่อสุขภาพของตัวเองนะครับ งั้นเริ่มต้นจากแตงกวานี่ก่อนเลยแล้วกัน” ธนทัตตักแตงกวาจากชามสลัดผักไปวางลงบนจานของอีกฝ่าย
“แหม! แต่ฉันไม่ค่อยชอบแตงกวาเสียด้วยสิคะ”
พิรุณรักษ์ฉีกยิ้มกว้าง แต่ดวงตาไร้แวว ในใจร้องบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ควรนัดเดตกับผู้ชายในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยเมนูเพื่อสุขภาพ เพียงเพราะอยากจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการพบกันครั้งแรก
“ไม่ชอบก็ต้องทานครับ บางครั้งคนเราก็ต้องฝืนทำอะไรที่ไม่ชอบบ้าง จะกินแต่สิ่งที่ชอบอย่างเดียวไม่ได้นะครับ”
น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้น พิรุณรักษ์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ไล่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจออกไป ทว่าก็ทำได้ยากเย็น
ความคิดของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมายี่สิบเก้าปีสามารถบอกได้เลยว่าเธอไม่สามารถรักผู้ชายตรงหน้าได้อย่างแน่นอน
แต่พิรุณรักษ์ไม่รู้เลยว่าความคิดนี้ไม่ใช่ความคิดของเธอคนเดียว
“อายุขนาดนี้แล้วคุณฝนยังเลือกทานอีก แล้วหากในอนาคตเรามีลูกด้วยกัน คุณจะเป็นแม่ที่ดีได้ยังไงครับ คุณจะบังคับลูกให้ทานผักได้ยังไงในเมื่อคุณเองก็ยังทานไม่ได้เลย”
“เอ่อ! เราเพิ่งพบกันครั้งแรก ทำไมถึงคุยไปถึงเรื่องนั้นเลยล่ะคะ” คนถูกตัดสินว่าเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ถามเสียงอ่อย รู้สึกหวั่นเกรงชายตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายอยู่รอบตัวของเขาที่ทำให้เธอตัวลีบเล็กลงราวกับว่าเธอเป็นทหารในสังกัดของเขาก็มิปาน
“ผมอายุขนาดนี้แล้ว ไม่อยากเสียเวลาไปกับการคุยที่ไร้สาระน่ะครับ”
ครั้งนี้พิรุณรักษ์รู้สึกหน้าชา และอาจจะชาไปถึงกะโหลกศีรษะเลยกระมัง เพราะตอนนี้เธอขยับใบหน้าไม่ได้เลยสักนิด มันแข็งค้างอยู่อย่างนั้น
“ผมต้องการแต่งงาน มีลูก มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เราคุยเรื่องนี้กันไปเมื่อวันก่อนไงล่ะครับ จำได้มั้ย ผมเห็นว่าเรามีความต้องการตรงกันนั่นคือสร้างครอบครัวถึงได้นัดคุณออกมาทำความรู้จักกันในวันนี้ แต่ผมอยากได้ภรรยาที่เพียบพร้อมเรื่องงานบ้านและมีความเป็นแม่เต็มตัว ขอโทษจริงๆ ที่ผมต้องบอกว่าคุณน่าจะขาดคุณสมบัตินั้น ถึงแม้ว่าผมอาจจะเป็นผู้ชายในฝันของคุณ แต่เราคงไปกันไม่ได้ครับ”
พิรุณรักษ์หายจากอาการหน้าชา แต่เริ่มจะหัวร้อนแทน เธอวางช้อนแล้วมองหน้าคนพูดด้วยแววตาที่แข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
“เพ้อเจ้อเกินไปหรือเปล่าคะ คุณตัดสินว่าฉันไม่มีความเป็นแม่เพราะแค่ฉันไม่กินผักฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะคะ แต่การที่คุณเที่ยวบงการคนอื่นให้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการตั้งแต่พบกันครั้งแรกเนี่ย มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ ไม่ว่าฉันหรือผู้หญิงคนไหนก็คงไม่อยากได้ผู้ชายแบบคุณมาเป็นสามีหรอกค่ะ ประสาทเสียตาย”
ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.