บทที่ 1
ในชาติภพนี้ เหมียวลั่วชิงก็สิ้นชีวิตด้วยน้ำมือหร่านเจียงอีกครา
นางเป็นนักฆ่าหญิงผู้มีรูปโฉมงดงาม ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาปลิดชีวิตผู้บังคับการกองปราบฝ่ายเหนือแห่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร* อย่างใต้เท้าหร่านเจียง นางแฝงตัวเข้ามาในจวนสกุลหร่านเพื่อหาโอกาสลงมือ และนางก็ทำสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นสาวใช้ข้างกายเขา ซ้ำยังร่วมหลับนอนกับเขาด้วย
วรยุทธ์ของนางก็ไม่นับว่าเลวนัก ทว่าคู่ปรับของนางคือหร่านเจียงผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ นางจึงทำได้เพียงใช้กลยุทธ์สาวงามเข้าล่อ
นักฆ่าทุกคนล้วนมีความถนัดเป็นของตัวเอง เหมียวลั่วชิงเองก็เช่นกัน นางชำนาญการใช้เสน่ห์พิฆาต ใช้รูปโฉมเข้าหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามแล้วปลิดชีวิตทันควัน
ทว่าการลอบสังหารหร่านเจียงกลับกลายเป็นฝันร้ายของนางมาเก้าภพเก้าชาติ
แล้วเหตุใดจึงเป็นเก้าภพเก้าชาติ นั่นเพราะนางลอบสังหารหร่านเจียงมาแล้วเก้าครั้ง แต่คนที่ต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือเขาเก้าครั้งกลับเป็นตัวนางเอง และนางก็กลับมาเกิดใหม่ทั้งเก้าครั้ง
เหมียวลั่วชิงรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าหร่านเจียงคือมารร้ายตัวฉกาจที่เกิดมาเพื่อสังหารนางโดยเฉพาะ จะว่าไปนางและเขาก็ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นต่อกัน การลอบสังหารเขาเป็นเพียงการทำตามคำสั่งเท่านั้น แต่เมื่อมองจากความพ่ายแพ้ในการลอบสังหารแต่ละครั้งก็เห็นว่าทั้งนางและเขาได้สั่งสมหนี้แค้นไว้ถึงเก้าภพเก้าชาติ
นางและเขาจำต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสิ้นชีวิต อีกฝ่ายจะได้มีชีวิตรอด ไม่ว่านางจะใช้กลอุบายที่อิงจากประสบการณ์ในชาติภพที่ผ่านมานำมาปรับปรุงแก้ไขในชาติปัจจุบันอย่างไร ท้ายที่สุดคนที่มีชีวิตรอดต่อไปก็คือเขา ส่วนนางคือคนที่ตายอย่างน่าอนาถ
นางโกรธแค้นหร่านเจียงเสียจนอยากประท้วงต่อยมบาลในนรก ทว่าน่าเสียดายที่นางยังไม่ทันได้พบหน้ายมบาลก็ต้องกลับมาเกิดใหม่อย่างพิลึกพิลั่น
ในการเกิดใหม่ทั้งเก้าครั้งนี้นางเคยโดนหร่านเจียงยิงธนูทะลุขั้วหัวใจ วางยาพิษ ทำให้ชีพจรนางแตกซ่าน ล้วนน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้
กล่าวตามจริง หร่านเจียงสังหารนางอย่างง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่ง
หลังจากจบชีวิตมาแล้วเก้าครั้ง นางลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นห้องที่คุ้นเคย เตียงและเครื่องเรือนที่คุ้นตา
นางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงหน้างดงามนั้นซีดเซียวไร้ความรู้สึก มีเพียงความเย็นยะเยือกและเหนื่อยล้าอย่างที่สุด หลังจากตายด้วยน้ำมือหร่านเจียง นางก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ในห้องนี้ บนเตียงตัวนี้ และเวลานี้ทุกครั้ง
ครั้งนี้คือการเกิดใหม่ครั้งที่สิบ
“เฮ้อ…ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว…” นางเอ่ยกับตนเองด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไร้ซึ่งความปีติยินดี มีเพียงความด้านชาเท่านั้น
หลังพ่ายแพ้ในการลอบสังหารและต้องตายอย่างน่าอนาถมาถึงเก้าครั้ง ไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องรู้สึกล้มเหลวเป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นในครั้งสุดท้ายนางโดนหร่านเจียงใช้ดาบฟันที่เอว ก่อนจะสิ้นใจนางยังต้องฝืนทนความทรมานและหวาดกลัวอย่างที่สุดอีกพักหนึ่งด้วย
นี่นับว่าประเสริฐแล้วที่นางไม่ได้สติฟั่นเฟือนไปเสียก่อน
จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก สตรีนางหนึ่งโผล่พรวดเข้ามา
“นี่มันยามใดแล้ว เจ้ายังจะนอนขี้เซาอยู่บนเตียงอีก?”
สตรีที่เอ่ยวาจานั้นมีนามว่าชิวเยวี่ย นางเป็นสาวใช้ในจวนสกุลหร่านเช่นเดียวกับเหมียวลั่วชิง ครั้นชิวเยวี่ยเห็นนางยังนอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยวาจาแดกดันด้วยเสียงสูงปรี๊ดทันที
เหมียวลั่วชิงเหลือบมองชิวเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเหนื่อยหน่าย ที่ผ่านมานางและชิวเยวี่ยเป็นปรปักษ์กันเสมอ ทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างดุเดือด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทว่าวันนี้นางกลับคร้านจะต่อปากต่อคำ จึงเพียงแต่นั่งเหม่อมองอีกฝ่ายอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ
“ไยเป็นใบ้ไปแล้วเล่า ใต้เท้ากลับจวนมาแล้ว ต้องการคนคอยปรนนิบัติ พอเจ้าไม่อยู่หรุ่ยเอ๋อร์จึงปรนนิบัติใต้เท้าแทน เจ้ายังกล้ามานอนขี้เกียจอยู่เช่นนี้อีกหรือ”
เหมียวลั่วชิงยังคงจ้องมองชิวเยวี่ยอย่างไร้อารมณ์
ตัวนางและชิวเยวี่ยบาดหมางกันมาตลอด แต่ครานี้ชิวเยวี่ยกลับตั้งใจวิ่งเอาเรื่องนี้มาบอก? ครั้นลองใคร่ครวญจากประสบการณ์ที่ผ่านมานางจึงรู้ว่าชิวเยวี่ยกำลังโกหก ความจริงก็คือหรุ่ยเอ๋อร์ถูกวางแผนให้ไปปรนนิบัติใต้เท้าแทนนาง
เป้าหมายของชิวเยวี่ยคือต้องการให้นางและหรุ่ยเอ๋อร์มีปากเสียงกันต่อหน้าหร่านเจียงหมายสร้างความรำคาญใจให้เขา ส่วนตัวชิวเยวี่ยก็จะนั่งคอยเป็นผู้เฒ่าหาปลา