บทที่ 5
เหมียวลั่วชิงฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปห้าวัน
ครั้นนางลืมตาขึ้นก็ตะลึงงันไปโดยพลัน นางพบว่าหร่านเจียงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง
บุรุษผู้นั้นหันหน้ามาทันทีราวกับเขาสัมผัสได้ถึงยามที่นางลืมตาขึ้นมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ดวงตาที่หลุบลงคว้าดวงตานางได้อย่างแม่นยำ ถึงนางอยากจะแสร้งนอนต่อก็ไม่ทันการณ์แล้ว
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” หร่านเจียงวางหนังสือลง ออกคำสั่งไปด้านนอกทันที “ตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้”
ต่อจากนั้นเขาก็หันหน้ากลับมา ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องนางนิ่ง นึกไม่ถึงว่ารอยยิ้มที่แฝงอยู่ในนั้นจะเป็นเหมือนภาพลวงตาของคนจมน้ำ
เหมียวลั่วชิงคิดไม่ถึงเลยว่าครั้นนางลืมตาขึ้นก็จะเห็นหร่านเจียงในสภาพนี้ สีหน้าที่ดูอ่อนโยน คงระยะห่างที่อบอุ่นเช่นนี้
ยามที่ฝ่ามือใหญ่ของเขาลูบไล้ดวงหน้านาง ทั่วทั้งร่างนางพลันแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เพียงได้ยินเขาเอ่ยอย่างพอใจว่า “ไข้ลดลงแล้ว”
ที่แท้เขาก็แค่วัดไข้ให้นาง
แม้ว่าเหมียวลั่วชิงจะฟื้นแล้ว ทว่าสติของนางยังคงเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่ใบหน้าและน้ำเสียงของหร่านเจียงมักดึงไหวพริบของนางกลับมาทันที ทำให้ความคิดนางตื่นตัว นึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
นางยังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่ นางนอนอยู่บนเตียงที่สะอาดสะอ้าน มีผ้าพันแผลพันร่างกายไว้ หร่านเจียงยังคงมองนางด้วยรอยยิ้ม นี่แสดงว่านางทำสำเร็จแล้ว หร่านเจียงไม่ได้สงสัยในตัวนาง แล้วยังเรียกท่านหมอมารักษานางด้วย
“เป็นอะไรไป เจ้าเซ่อไปแล้วหรือ” เขาเอ่ยถาม
“ใต้เท้า…โอ๊ย…” นางครางออกมาเสียงหนึ่ง ขมวดคิ้วมุ่นพลางหลับตาลง สะเทือนที่ปากแผล
“อย่าเพิ่งขยับ เจ้าบาดเจ็บสาหัสอยู่” น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนยิ่งนัก ทำให้นางเกิดภาพลวงตาว่าตนเองกลายเป็นที่โปรดปราน ทำให้นางอดลืมตาขึ้นอีกครั้งไม่ได้ พลันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ทว่านางแค่มองหร่านเจียงแวบเดียวแล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง
“ใต้เท้าโปรดอภัย บ่าว…” นางพยายามจะลุกขึ้น ทว่ากลับถูกฝ่ามือใหญ่กดไหล่ไว้อย่างแน่วแน่
“บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าอย่าเพิ่งขยับ เชื่อฟังข้า”
“เจ้าค่ะ…” เหมียวลั่วชิงไม่ขยับตามคำบอก ในใจกลับกำลังคิดว่าดูท่าที่นางถูกแทงในครั้งนี้หร่านเจียงไม่ได้สงสัยในตัวนางแล้วยังให้ความสำคัญนางอีก นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
ท่านหมอรีบรุดมาตรวจอาการ จับชีพจรนาง บางครั้งก็ชี้แจงอาการบาดเจ็บของนางแก่หร่านเจียงอย่างละเอียดว่าฟื้นฟูไปถึงขั้นใดแล้ว
เหมียวลั่วชิงจึงตระหนักได้ว่าที่แท้ที่อี้แทงนางนั้น กระบี่ได้เฉียดผ่านกระดูกและเส้นเอ็นสำคัญไป ห่างจากหัวใจไปเพียงหนึ่งชุ่นเท่านั้น นับว่านางดวงแข็งจริงๆ
ขณะที่หร่านเจียงพูดคุยกับหมออยู่นั้นนางก็หลับตาลงอีกคราราวกับเหนื่อยล้ากระนั้น ทำเช่นนี้ก็สามารถหลบหลีกจากสายตาของเขาได้
นางรู้ว่ายามนี้ทางที่ดีที่สุดตนควรพักฟื้นให้หายโดยเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องหร่านเจียงชั่วคราว ทว่านางควรจะกังวลเรื่องอี้ นางถนัดทำงานคนเดียว นางได้ทำลายแผนการลอบสังหารของอี้อีกครั้งแล้ว