หลินเซินหลับตาลงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดต่อไป เธอไม่รู้ว่าเจียงกุ้ยจือพูดอะไร ทุกคนถึงพากันหัวเราะ หญิงสาวยื่นตะเกียบออกไปคีบไข่พะโล้ตรงหน้า แต่คีบอยู่สองครั้งก็ยังไม่ได้จึงยอมแพ้เสียเลย
เสี่ยวหลิวคีบไข่พะโล้มาใส่ชามเธอให้ พอหลินเซินมองไป เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเขินอาย
ภาพนี้ถูกเจียงกุ้ยจือเห็นเข้า เธอจึงยิ้มออกมาแล้วเอ่ยขึ้นทันที “เสี่ยวหลิวใส่ใจเซินเซินของพวกเราจริงๆ…จริงสิเซินเซิน หลานมีแฟนแล้วหรือยัง”
หลินเซินรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็มทันที
เสี่ยวหลิวรู้สึกกระดากอายจึงขัดขึ้น “ป้าเจียงพูดอะไรกันครับ!”
“อะไรกัน ผู้หญิงผู้ชายอยู่ในวัยแต่งงานกันทั้งคู่ ดูสิว่าวันนี้พอเซินเซินกลับมาก็ได้เจอเธอพอดี นี่ไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกเหรอ”
คนทั้งโต๊ะพากันรับคำ ดูเหมือนพวกเขาอยากจะจับให้หลินเซินแต่งงานตอนนี้เลย
หลินเซินรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังไม่พูดอะไรออกมา คาดว่าเรื่องการแต่งงานก็คงจะถูกกำหนดขึ้นบนโต๊ะอาหารมื้อนี้แล้ว “ฉันมีแฟนแล้วค่ะ” ญาติๆ ที่อยู่รอบข้างต่างเงียบไป หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วเอ่ยย้ำอีกรอบ “ฉันมีแฟนแล้วค่ะ ขอบคุณคุณป้าใหญ่ที่เป็นห่วง!”
เจียงกุ้ยจือยิ้มออกมาราวกับว่าในที่สุดก็ได้เห็นลูกสาวของตัวเองมีคนต้องการตัวแล้วอย่างไรอย่างนั้น “ก็จริงๆ เซินเซินสวยขนาดนี้ จะไม่มีใครจีบได้ยังไงกัน แล้วอีกฝ่ายเป็นคนที่ไหน ทำงานอะไร”
หลินเซินปั้นหน้านิ่งแต่งเรื่องต่อ “เป็นคนไหวอันค่ะ ทำงาน…”
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้นมา หลินเซินจึงหยิบออกมาดู เห็นเป็นเบอร์แปลกๆ เบอร์หนึ่ง ญาติๆ ต่างมองมากำลังรอให้เธอพูดต่อ หลินเซินเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ “ฉันขอรับสายก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็กดรับสาย “ฮัลโหล?”
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
หลินเซินอึ้งไปเล็กน้อย “คุณ…”
อีกฝ่ายหัวเราะออกมา “ผมดูงานแถลงข่าวของซ่งเซียวหานแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ พรุ่งนี้คุณพอจะมีเวลาไหม ผมอยากพาคุณไปพบคนคนหนึ่ง”
“ฉันกลับมาที่บ้านเกิดแล้วค่ะ” หลินเซินหันไปมองรอบๆ ก็เห็นดวงตาหลายคู่ล้วนมองมาที่เธอ จิตรกรสาวสูดลมหายใจเข้าลึก “คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ”
“ผมเหรอ…ผมดูข่าวอยู่บ้านน่ะ”
“สนุกไหมคะ”
“หมายถึงข่าวเหรอครับ ก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร ที่พูดถึงมากที่สุดก็ยังเป็นข่าวของคุณกับซ่งเซียวหาน”
“อ้อ อีกสองสามวันฉันถึงจะกลับไป คุณ…” เธอกัดฟัน “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะคะ”
ปลายสายเงียบไปหลายวินาที หลังจากนั้นหลินเซินก็ได้ยินเสียงหลุดขำพรืดใหญ่ “หลินเซิน คุณไม่สะดวกจะคุยโทรศัพท์ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ…”
“อยู่บ้านเกิด? คงไม่ใช่ว่าถูกบรรดาญาติๆ บีบเรื่องแต่งงานใช่ไหม”
เขาดูจะเข้าใจดี…ท่าทางจะมีประสบการณ์มาไม่น้อย
“ค่ะ”
กู้ชิงไหวหัวเราะเสียงสดใสกว่าเดิม “ถ้าเกิดผมไม่โทรมา คุณตั้งใจจะทำยังไงกัน” ไม่รอให้หลินเซินตอบ เขาก็ถอนหายใจ “ผมจะเป็นคนดีช่วยให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน คุณเปิดลำโพงหน่อย”
หลินเซินรู้สึกระแวงขึ้นมา “คุณจะทำอะไรคะ”
“เชื่อผมเถอะ ถ้าไม่อยากถูกรบกวนในวันอื่นๆ ที่เหลือก็ทำตามที่ผมพูด”