การได้รับแรงสนับสนุนและการเปิดโอกาสชั้นดีแบบนี้ทำให้เด็กสาวที่ปกติเกาะหนึบอยู่แล้วยิ่งประกบเขาติดหนับ จากผลการเรียนที่เคยอยู่ในระดับกลาง ณอันดาฮึดจนสามารถสอบผ่านเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังซึ่งเขาศึกษาอยู่ได้เพียงแต่ต่างคณะออกไป แม้ว่าด้วยวัยที่ต่างกันถึงสามปีทำให้ช่วงเวลาการใช้ชีวิตในสถาบันเดียวกันจำกัดแค่ปีเดียว แต่เธอก็ใช้เวลานั้นอย่างคุ้มค่าด้วยการนำเสนอตัวเองอยู่ในแทบทุกสถานที่ที่มีเขาอยู่จนเพื่อนร่วมคณะ ต่างคณะ และต่างมหาวิทยาลัยของเขารู้จักเธอกันถ้วนหน้า
หลังจากเรียนจบชายหนุ่มก็เดินทางมาศึกษาต่อยังต่างประเทศ แต่ก็อย่าคิดว่าจะเป็นอิสระ เพราะสาวเจ้าก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคอยส่งทั้งโปสการ์ด จดหมาย อีเมล โทรศัพท์ และทุกช่องทางการสื่อสารที่มี รวมทั้งการบินมาเยี่ยมเยียนเขาแทบจะทุกช่วงเวลาของการปิดภาคเรียน และในที่สุดเมื่อรับปริญญาเป็นอันเรียบร้อย หญิงสาวก็ย้ายตัวเองมาศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่เดียวกับเขาซึ่งกำลังทำปริญญาเอกอีกจนได้
‘น้าฝากน้องด้วยนะพัท จะให้ไปเรียนที่อื่นน้าก็ไม่วางใจ’ คุณณัชชาพรเอ่ยฝากฝังไว้ตอนที่พาเธอมาส่ง
‘ถ้าเป็นที่อื่นที่ไม่มีพี่พัท ถึงพ่อกับแม่ให้ไป ณาณ่าก็ไม่ไปหรอกค่ะ’ คนถูกฝากหันไปแก้คำพูดของมารดาในทันที
ไม่ว่าเมื่อไหร่เธอไม่เคยลังเลในการแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อเขาเลย แม้การกระทำเหล่านี้จะทำให้อึดอัดใจเป็นบางครั้ง หากความมั่นคงและสม่ำเสมอของณอันดาทำให้เขาไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธรอยยิ้มที่พุ่งตรงมายังเขาเสมอได้ นานๆ เข้าเลยกลายเป็นเหมือนเรื่องปกติสำหรับคนรอบข้างที่จะเห็นหญิงสาวคอยป้วนเปี้ยนเวียนวนอยู่รอบกายเขา…ปกติแต่ก็น่าขบขันมากพอที่จะทำให้เกิด ‘ชื่อ’ ใหม่ๆ เพื่อใช้เรียกเธอ รวมถึงชื่อ ‘เถาวัลย์’ ซึ่งเขาเพิ่งได้ยินมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อครู่นี้ด้วย
“ตกลงว่าไงพัท ที่ว่าจะไปเที่ยวกันตอนสปริงเบรกโจมันไปเช่ารถตู้ไว้แล้ว ถ้านายไม่ไปจะได้ไปถามคนอื่น”
“ไปเที่ยวเหรอคะ” สาวเสื้อชมพูตาโตก่อนตอบรับแทนทันที “ไปสิคะ พี่พัทกับณาณ่าไปด้วย”
“รู้เหรอเราว่าเขาจะไปไหนกันน่ะ”
ณอันดาหันไปยิ้มกว้างใส่ตาคนถามข้างตัว “ที่ไหนไม่รู้หรอกค่ะ แต่รู้ว่าพี่พัทรู้ใจณาณ่าว่าอยากเที่ยว เพราะงั้นพี่พัทก็น่าจะไป ใช่มั้ยคะ”
ได้ยินแล้วคนอื่นที่นั่งฟังอยู่โดยรอบก็ได้บริหารกระพุ้งแก้มด้วยการกลั้นยิ้มกันอีกรอบ ส่วน ‘คนรู้ใจ’ นั้นก็ได้แต่ปลง
…เจอแบบนี้แล้วเขาจะตอบอะไรได้ล่ะ นอกจากคำว่า ‘ใช่’ เหมือนทุกที
นั่นไง รอบที่ยี่สิบเจ็ด เสียงนับเลขในใจดังขึ้นตามที่คาดเดาไว้
กรอบตาสวยที่วาดขอบให้คมด้วยสีน้ำตาลเข้มกวาดมองมนุษย์โลกร่วมพาหนะโดยรอบ นอกจากเธอแล้วก็ยังมีมนธิราอีกคนที่ยังไม่หลับ แต่กระนั้นสาวรุ่นพี่ผู้นั่งอยู่ท้ายรถนั้นกำลังเพลิดเพลินกับโลกส่วนตัวด้วยการฟังเพลงจากโทรศัพท์ประกอบการเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์นอกรถ จึงทำให้ไม่ทันสังเกตว่าจิตติซึ่งทำหน้าที่ขับรถตู้คันใหญ่พาเพื่อนๆ ไปยังจุดหมายต่างรัฐนั้นระบายความง่วงงุนผ่านการอ้าปากหาวเกินสองโหลแล้ว แถมขยี้ตาแรงๆ อีกเจ็ดครั้งด้วย
ปล่อยไว้แบบนี้เห็นจะไม่ดีแน่ๆ นะคะ ณอันดาใคร่ครวญ แต่จะให้เอ่ยปาก ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำให้คนง่วงได้พักสักครู่ก่อนเดินทางต่อ หรือให้คนอื่นขับแทนก็อาจจะมีปัญหาเหมือนครั้งที่แล้วได้
จิตติเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน และเป็นโต้โผหลักในการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว รวมถึงงานรื่นเริงต่างๆ หากข้อเสียของเขาคือความดันทุรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการขับรถซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาชอบเป็นชีวิตจิตใจและเหมาหน้าที่นี้ทุกครั้งที่มีการเดินทางอย่างไม่ยอมให้ใครปฏิเสธ จนกระทั่งครั้งที่แล้วซึ่งมีคนพยายามขอขับแทนเนื่องจากเห็นว่าเขาพักผ่อนไม่เพียงพอก่อนการเดินทาง พอเซ้าซี้มากๆ เข้า ชายหนุ่มก็เสียงดังใส่จนเป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตขึ้นมา
เพราะฉะนั้นจะให้ออกปากตรงไปตรงมานั้นเจ้าตัวก็คงไม่รับความจริงว่าตนเองกำลังง่วงอยู่ดี
เฮ้อ ผู้ชาย ยอมรับอะไรง่ายๆ สักเรื่องนี่จะขาดออกซิเจนหรือไงก็ไม่รู้
ณอันดามองการหาวครั้งที่ยี่สิบแปดแล้วก็ตัดสินใจ
อันที่จริงก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกค่ะ เดี๋ยวจะว่าคนสวยเรื่องมาก แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์โลกแล้ว คนสวยก็คงต้องเสียสละสักครั้ง
คิดได้ดังนั้น ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยสีหวานแบบเบอรี่เชอร์เบทก็แผลงฤทธิ์ขึ้น
“จอดค่ะ จอดเดี๋ยวนี้ จอดดดดดด!”