หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวที่ด้านบนเป็นเกาะอกแนบลำตัวและทิ้งตัวยาวฟูฟ่องตั้งแต่ช่วงเอวลงไประปลายเท้า แซมช่อผมที่ตลบเป็นมวยหลวมๆ ด้วยดอกไม้สดและคลุมบางส่วนด้วยผ้าโปร่งพลิ้วคลุมด้านหลังจนจรดพื้น เคียงข้างคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กับชุดสูททักซิโดเต็มยศสีดำ ใบหน้าของคนทั้งสองเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มและความรักที่ส่งให้กันผ่านดวงตาจนบรรยากาศรอบข้างเหมือนมีออร่าสีชมพูหวานโอบล้อมทั้งคู่ไว้ ส่งผลให้สาวๆ ที่หันไปมองเกิดอารมณ์คล้อยตามจนตาเชื่อมกันเป็นแถว
“เอ้า นั่นฝันกันไปถึงไหนแล้ว” หนุ่มหนึ่งแซวขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวในกลุ่มพากันตาลอยยิ้มเคลิ้มราวกับเป็นเจ้าสาวเสียเอง “ว่าที่ภรรยาเขายืนกระโปรงบานอยู่นั่นยังจะมองตาละห้อยกันได้อีก”
“มองเจ้าชายที่มีเจ้าของแล้วยังไงก็เจริญหูเจริญตากว่ามองลิงมองค่างโสดๆ ข้างตัวนะคะพี่เกม”
คำตอบนั้นก่อให้เกิดเสียงหัวเราะอย่างสะอกสะใจจากบรรดาสาวตาละห้อยทั้งหลายทันที ในขณะที่หนุ่มๆ ต่างก็ปั้นหน้าไม่ถูกที่โดนลูกหลงกันไปถ้วนหน้า
“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ณาณ่าพูดถูกใจพี่” รุ่นพี่สาวคนหนึ่งตบไหล่เจ้าของคำพูดอย่างถูกใจ
“เอาเชียวนะพี่ก้อย เมื่อกี้ยังบอกว่าณาณ่าชอบเพ้อเจ้ออยู่เลย”
“นี่นายเกม ไม่ต้องพยายามเสี้ยมย่ะ”
กองพลย่นคอเมื่ออีกฝ่ายหันมาแยกเขี้ยวใส่ แล้วรีบหาทางหนีทีไล่โดยการตอบโต้หญิงสาวที่เพิ่งเปลี่ยนสายพันธุ์ให้เขาและเพื่อนๆ เมื่อครู่แทน
“ที่พูดเมื่อกี้น่ะพี่พัทก็ยืนอยู่ด้วยกันตรงนี้นะน้องณาณ่า”
ณอันดายิ้มแป้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ณาณ่าว่าคนโสดที่ยืนตรงนี้นี่คะ ไม่โสดก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน”
คราวนี้เป้าสายตาเลยเปลี่ยนไปที่พาณาสน์ซึ่งกลายเป็นประเด็นโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มยืนอึ้งกลอกตามองหน้าเพื่อนอย่างจนคำพูด ถ้าตอบว่าโสดก็จะกลายพันธุ์เป็นนายจ๋อทันที แต่ถ้าค้านว่าไม่ใช่ลิงก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่าไม่โสด ซึ่งจะเข้าทางแม่จอมยุ่งที่รอเสียบตำแหน่งที่ทำให้เขาหลุดพ้นความโสดในบัดดล
…แสบได้อีก!
แต่แล้วระฆังก็ดังขึ้นช่วยชีวิตเขาไว้…และมันไม่ใช่เพียงสำนวน เพราะสิ่งที่ช่วยดึงดูดความสนใจคนอื่นๆ ไปจากเขาคือเสียงกังวานของระฆังจริงๆ จากโบสถ์บริเวณใกล้เคียง เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่โพสท่าสวีตจนกลายเป็นหัวข้อของการพูดคุยก็หายไปจากลานสนามหญ้าด้านข้างคฤหาสน์ แต่ขึ้นไปปรากฏกายอยู่บนระเบียงชั้นสองที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านแทน
“ระเบียงนั่นมองออกไปก็เห็นทะเลพอดี โอ๊ย โรแมนติกสุดๆ เลย ได้แต่งงานแบบนี้บ้างดีใจแย่” มนธิราพูดขึ้น นัยน์ตากลับไปส่อแววชวนฝันอีกครั้งเมื่อเห็นภาพคู่รักยืนโอบกันเพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูป
“เฮ้อ ผู้หญิง! เอะอะก็โรแมนติก”
“ใช่ซี่ ผู้ชายน่ะสะกดเป็นแต่คำว่าอีโรติกใช่มั้ยล่ะ” กุลรัตน์กัดกลับทันที ในขณะที่จิตติกระโดดเข้าช่วยเพื่อนในสงครามแบ่งเพศอีกแรง
“ก็ไม่ผิด โรแมนติกแล้วมันไม่ได้อะไรนี่ขอรับ สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
“มันเป็นความใฝ่ฝันย่ะคุณผู้ชาย เข้าใจคำว่าใฝ่ฝันมั้ย”
“เข้าใจ แต่ความฝันมันกินไม่ได้นะคุณผู้หญิง”
ก่อนที่หญิงสาวคนใดจะเปิดปากตอบโต้ ณอันดาก็เปรยขึ้น “ถึงผู้หญิงจะมีความฝันมากไปหน่อย แต่ก็แยกแยะความจริงออกนะคะ ไม่เหมือนผู้ชายบางคนที่ยึดติดอยู่กับความเป็นจริงมากไปหน่อยจนไม่รู้ว่าความฝันคืออะไร”