แต่ว่านี่สิถึงจะเป็นลู่ซิงเฉิงที่ปกติ พอเขาดื่มเหล้าก็พูดพล่าม ตอนที่มีสติดีก็ทำเรื่องเลวทราม
ถงเสี่ยวโยวโกรธตัวเองที่เมื่อวานไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่เขาดื่มเหล้าเอาไว้ เธอได้แต่เดินออกไปอย่างหงุดหงิด เธอจะต้องบอกลาคนสารเลวคนนี้
มือเพิ่งจะจับไปที่ลูกบิดยังไม่ทันที่จะบิดออก เสียงเรียกเข้าที่แตกต่างกันจากมือถือแต่ละเครื่องก็ดังขึ้น ถงเสี่ยวโยวและลู่ซิงเฉิงรับโทรศัพท์พร้อมกัน
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล”
“ถงเสี่ยวโยว คุณเป็นคนออกแบบคอลเล็กชั่นยูใช่ไหม วันนี้ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แฟชั่นรายสัปดาห์ด้วย”
“บ.ก. วันนี้นิตยสารฉบับใหม่เข้าตลาด ลู่เริ่นโจมตีหน้าปกของพวกเราว่าจัดสีเละเทะ ไม่รู้ว่าเป็นสไตล์อะไร ไม่รู้ว่านิตยสารกำลังต้องการบอกอะไร
“อะไรนะ”
“อะไรนะ”
ในสำนักงานวุ่นวายกันไปหมด ลู่เริ่นคือผู้ก่อตั้งแบรนด์เวย์ เป็นบิดาของวงการแฟชั่นแห่งเอเชีย แม้ว่าจะถอยออกจากวงการแฟชั่นมาหลายปี แต่อิทธิพลที่มีก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย หากพูดว่าบทความบทหนึ่งในนิตยสารชิกสามารถมีอิทธิพลต่ออนาคตของดีไซเนอร์ได้ เช่นนั้นคำพูดของลู่เริ่นเพียงประโยคเดียวก็สามารถตัดสินยอดขายของชิกได้
แล้วก็เป็นเช่นนั้น วันแรกที่นิตยสารฉบับใหม่วางขาย ยอดขายก็ตกต่ำเป็นประวัติการณ์
นักข่าวกลุ่มใหญ่อยู่ที่หน้าประตูชิก ครึ่งหนึ่งมาเพื่อสัมภาษณ์ลู่ซิงเฉิง อีกครึ่งหนึ่งมาเพื่อสัมภาษณ์ถงเสี่ยวโยว
ก่อนหน้านี้ถงเสี่ยวโยวเป็นที่รู้จักในนามของดีไซเนอร์ศูนย์คะแนน แต่วันนี้ดีไซน์ของเธอถูกหนังสือพิมพ์แฟชั่นรายสัปดาห์นำขึ้นหน้าหนึ่งและวิจารณ์ว่า
‘การสร้างสรรค์อย่างอาจหาญ สัดส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ ปรัชญาความงามอย่างมินิมอล ลายเส้นหมดจดและเฉียบคม’
‘ยู’ เป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าที่ถงเสี่ยวโยวได้ออกแบบไว้ในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยแม้กระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่เคยจะชมสักคำ อีกทั้งยังไม่เคยเผยแพร่ออกไป แล้วจะถูกเปิดเผยได้อย่างไร ได้รับคำชื่นชมที่ดีขนาดนี้ได้อย่างไร ตัวถงเสี่ยวโยวสงสัยมากกว่านักข่าวเสียอีก
บุคคลที่เป็นข่าวทั้งสองคนปฏิเสธที่จะรับแขก โทรศัพท์ของแดลี่แทบจะระเบิด
“คุณลู่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น…”
“ขอโทษด้วย ในตอนนี้คุณถงยังไม่ได้มีความต้องการจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปของ ‘ยู’ คอลเล็กชั่น”
“ขอโทษด้วย เราขอไม่แสดงความเห็นใดๆ กับคำพูดของคุณลู่เริ่น”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณถง เราไม่อาจเปิดเผยได้”