ต้องขอโทษที่สมองผมไม่สามารถบรรจุของที่ไร้รสนิยมไว้ได้มากมาย ผมจำไม่ได้แล้วว่าชุดที่สามคืออะไร จำได้แค่เพียงว่านางแบบถือกลองรัสเซียออกมา ในหูผมก็ได้ยินเสียงเพลง ‘Moscow nights’ เสียดายที่ไม่อาจให้ผ้าโพกหัวกับนางแบบได้ แล้วก็เอาลูกไก่ไปไว้ข้างตัวเธอหลายๆ ตัว”
ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย น้ำเสียงของลู่ซิงเฉิงก็อ่อนโยนลง ราวกับกำลังแสดงความคิดเห็นของตัวเองเท่านั้น “นี่เป็นเพียงแค่รายการบันเทิงทั่วไปเท่านั้น ก็คิดว่าตัวเองจะเข้ามาในวงการแฟชั่นแล้วสามารถชี้ทิศทางได้เหรอ ในรายการคุณพูดถึงชุด Robe Mondrian ของ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์แต่คุณกลับไม่ทราบว่าแรงบันดาลใจของดีไซเนอร์ผู้มีพรสวรรค์ท่านนี้ที่ได้จาก ปีต โมนดรียาน คือสไตล์รูปธรรมไม่ใช่นามธรรม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมีพ่อเป็นดาราตัวพ่อ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าใครจะให้คุณมาเป็นพิธีกรรายการแฟชั่น
รายการบันเทิงสามารถเอาของที่ธรรมดาไม่มีคุณค่ามาทำให้คนชื่นชอบได้ ทำให้คนไม่รู้ไม่อาจแบ่งแยกของดีกับไม่ดีได้ แต่สุดท้ายที่ยังจะเหลืออยู่ก็มีเพียงแต่ศิลปะ”
พูดลื่นไหลดังสายน้ำในครั้งเดียวจบ ถงเสี่ยวโยวยังฟุบอยู่ที่พื้นเหมือนกับท่ากราบที่ได้มาตรฐาน ได้แต่หวังว่าตัวเองจะหายตัวไปจากที่ตรงนี้ในขณะที่ลู่ซิงเฉิงกำลังดึงดูดความสนใจของทุกคนอยู่
รองเท้าหนังกวางผู้ชายที่สวยงามคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในระยะสายตาห้าเซนติเมตรของเธอ นี่ก็คือสินค้าตัวใหม่ล่าสุดของเหยียนเก๋อ จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใย “คุณลุกขึ้นมาไหวไหม”
ถงเสี่ยวโยวรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่ร้อนๆ กำลังจะไหลออกมาโดยที่ไม่อาจจะควบคุมได้ เธอพยายามจะเงยหน้าขึ้นมองลู่เหยียนจือที่นั่งยองๆ ลงข้างตัวเธอ ดวงตาดำขลับของลู่เหยียนจือส่งประกายวิบวับ คิ้วที่สวยงามคู่นั้นเลิกขึ้นสูง ทว่าเธอกลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
“คุณเลือดกำเดาไหล”
ถงเสี่ยวโยวยกมือขึ้นสัมผัสเลือดสีแดงสดเต็มมือ นี่เธอซวยสะเทือนฟ้าดินเลยเหรอ
“ถงเสี่ยวโยว” จู่ๆ ลู่ซิงเฉิงก็เรียกเธอ ถงเสี่ยวโยวไม่ได้สนใจอย่างอื่น รีบลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว สองมือปิดอยู่ที่จมูก เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามร่องนิ้ว แม้ว่าในชีวิตของเธอจะไม่เคยมีครั้งไหนที่ขายหน้าได้เท่ากับครั้งนี้ แต่ลู่ซิงเฉิงก็ไม่ได้เห็นใจเลยแม้แต่น้อย เขามองมู่หยางด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็หันไปมองลู่เหยียนจือ ยกมุมปากขึ้นแล้วปล่อยหมัดสุดท้าย “ส่งดีไซเนอร์แบบนี้ไปร่วมรายการแบบนั้น ก็เกินจะพอ”
ไม่เสียทีที่เป็นลู่ซิงเฉิง ใช้คนที่เกลียดไปทำร้ายคนที่เกลียด กระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้เขาทำได้หมดจดงดงามจริงๆ
ถงเสี่ยวโยวยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ ทั้งเลือดและน้ำตาอุ่นก็ไหลร่วงหล่นลงมา
เธอไม่เคยมีความเจ็บแค้นมากขนาดนี้ มากมายจนจะทำให้หัวใจปริแตกออกมา แล้วตรงรอยปริแตกนั่นก็เป็นแผลเหวอะหวะที่เจ็บปวดยิ่งนัก
ไม่ใช่ว่าไม่เคยผิดพลาดมาก่อน และไม่เคยชินที่จะทำตัวต่ำต้อย แต่ตอนที่ศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด บาดเจ็บ ทรมาน และเกลียดชัง
เกลียดชังอะไรล่ะ เกลียดที่ลู่ซิงเฉิงให้เธอไปเข้าร่วมการแข่งขันแล้วถูกคนทั้งโลกหัวเราะเยาะ หรือเกลียดที่ลู่ซิงเฉิงไม่สนใจดีไซน์ของเธอเลยสักนิด หรือเพราะตอนที่เธอขายขี้หน้าอย่างที่สุดเขาก็ไม่ได้เมตตาปรานี โยนเธอไว้ท่ามกลางความยากลำบากเหมือนกับการทิ้งกระดาษที่ไร้ค่า แต่ก็เหมือนกับไม่ใช่เพราะลู่ซิงเฉิงทั้งหมด ทว่าที่จริงแล้วที่เธอเกลียดก็คือตัวเองนั่นแหละ
เกลียดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ เกลียดตัวเองที่ต่ำต้อยสมควรโดนดูถูก เกลียดที่ตัวเองล้มแล้วยังเลือดกำเดาไหลอีก แม้แต่ความหมายของการดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เกลียดไปหมดทุกอย่าง