ถงเสี่ยวโยวได้แน่นิ่งเงียบ ถ้ากินทิ้งกินขว้างจะต้องลงนรกแล้วล่ะก็ บ.ก. คุณควรจะต้องเหมานรกชั้นสิบแปดอยู่ยาวเลยสินะ
ลู่ซิงเฉิงคีบเนื้อสันในเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าจะไม่กินรอบที่สอง แต่เมื่อฟันล่างกับฟันบนได้มาสัมผัสกัน รสชาติก็ระเบิดอยู่ในปาก
นี่มันอร่อยมากเลย
ด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่ม สัดส่วนของน้ำเปรี้ยวหวานก็เพอร์เฟ็กต์อย่างที่สุด แม้กระทั่งขนาดของเนื้อก็ยังพอดีคำเหมาะกับการเคี้ยวอย่างยิ่ง
ลู่ซิงเฉิงเงยหน้าขึ้นมองถงเสี่ยวโยว เธอยืนรออยู่ตรงหน้าโต๊ะ ดูไม่เหมือนดีไซเนอร์ที่ดังเป็นพลุแตก แต่กลับเหมือนนักเรียนที่กำลังรอคุณครูให้คะแนนอยู่
ตะเกียบของลู่ซิงเฉิงค่อยๆ ยื่นไปที่สันใน ทำเป็นพูดไปเรื่อยเปื่อย “ที่เธอทำกับข้าวนี่เรียนกับใครมาล่ะ”
ถงเสี่ยวโยวตอบอย่างตั้งใจและจริงจัง “พ่อฉันเป็นอดีตหัวหน้าเชฟในโรงแรมเซ็นเตอร์”
ลู่ซิงเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง คีบสันในชิ้นที่สามวางไว้ในชาม “โอลิมปิก”
“คะ?”
“ทำไมเธอถึงหลงเดินทางผิด”
ลู่เหยียนจือกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว กินข้าวไม่กี่คำก็เข้าไปในห้องทำงาน ในห้องทำงานมีเครื่องทอผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง ราวแขวนด้านข้างแขวนผ้าตัวอย่างที่เขาทอมือเต็มไปหมด
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเบาๆ สองครั้ง ลู่เหยียนจือหยุดพันด้ายลุกขึ้นไปเปิดประตู ที่หน้าประตูมีเฉิงเพ่ยอวี้ถือถ้วยขนมหวานยืนอยู่
“แม่” ลู่เหยียนจือยิ้ม “กลับมาจากสถานสงเคราะห์แล้วเหรอครับ”
เฉิงเพ่ยอวี้พยักหน้าพร้อมกับเดินเข้ามา วางถ้วยขนมหวานลงที่โต๊ะทำงาน มองดูผ้าที่อยู่บนเครื่องทอ พื้นเป็นลายตาสับปะรดสลับกับลายเส้นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่เป็นระเบียบ วิธีการทอแน่นหนา เนื้อผ้าก็โปร่ง เธอจึงถามขึ้น “ทอผ้าอีกแล้วเหรอ”
“ตัวอย่างเซ็ตที่แล้วส่งไปที่โรงงานแล้ว” ลู่เหยียนจือกินขนมหวานพร้อมกับพูดไปด้วย “อาทิตย์หน้าคงจะได้ความคิดเห็นกลับมา”
“ได้ยินว่าที่บริษัทรับดีไซเนอร์ใหม่เหรอ” แม้ว่าปกติเฉิงเพ่ยอวี้จะทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ แต่ก็ยังคงติดตามเรื่องสำคัญของเวย์อยู่
“ครับ” ลู่เหยียนจือพยักหน้ารับ “เมื่อก่อนเธอทำงานที่ชิก ผมชอบการดีไซน์ของเธอมากครับ”
เฉิงเพ่ยอวี้มองลูกชาย ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นอกจากนี้ล่ะ”
“นอกจากนี้?” ลู่เหยียนจือก้มหน้ากินของหวาน แววตาล้ำลึกและอ่อนโยน “ผมต้องการเธอมากครับ”
เฉิงเพ่ยอวี้ไม่พูดอะไร รับถ้วยขนมหวานที่ลูกชายทานเสร็จกลับมาแล้วตบไหล่เขาอย่างห่วงใย “อย่าทำงานจนดึกล่ะ มันเสียสุขภาพ”
“ครับ” ลู่เหยียนจือพยักหน้า เหมือนกับคนทั่วๆ ไปที่ไม่ว่าตอนอยู่นอกบ้านจะโหดร้ายยังไง แต่กับแม่ของตัวเองก็ยังเป็นลูกที่เชื่อฟังอยู่ดี