ถงเสี่ยวโยวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก นิ้วมือสั่นจนกดตัวเลขไม่ได้ เธอสูดหายใจลึกหลายครั้งถึงได้กดเบอร์ลู่ซิงเฉิงออกไป
“บ.ก. คะ…” เธอเอ่ยปากขึ้น ที่จริงแล้วเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้จะมีความหมายอะไร เป็นการขอโทษหรืออยากจะรู้ผล ไม่ว่ายังไงทั้งหมดนี้ก็เพียงเพื่อจะชดเชยความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของเธอ แต่สำหรับลู่ซิงเฉิงนั้นมันไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด
เสียงทางปลายสายเงียบสงัด อยู่ๆ เธอก็อยากจะได้ยินเสียงลู่ซิงเฉิงเรียกเธอว่าโอลิมปิกหรือศูนย์ห้าตัว แต่ไม่มีเลย “ไม่ต้องเรียกฉันว่า บ.ก. ชิกเปลี่ยน บ.ก. ใหม่แล้ว วันนี้ฉันออกจากตำแหน่งแล้ว”
ในวงการนี้ไม่มีใครโด่งดังขึ้นมาอย่างเงียบๆ คนที่มีชื่อเสียงก็คือคนที่มีความสามารถมาก ที่สำคัญคือสามารถออกคำสั่งได้ ลู่ซิงเฉิงคือคนที่โชคดีที่สุด เพราะเขาใช้เวลาเพียงสิบปีก็สามารถยืนอยู่บนยอดดอยได้ ทว่าการตกลงไปใต้หน้าผาก็ง่ายดายเหลือเกิน ต่อให้เป็นลู่ซิงเฉิงก็ใช้เวลาเพียงสิบวัน
เพียงคืนเดียวดาวนำโชคก็กลายเป็นดาวอัปมงคล ยอดขายของนิตยสารตกวูบ งานเดินแฟชั่นโชว์เปลี่ยนฤดูกาลเกิดอุบัติเหตุ เขาถูกสวมเขา ทำร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนมากมาย ตอนนี้ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งอีก ในขณะที่ข่าวลู่ซิงเฉิงทำร้ายนักข่าวถูกเผยแพร่ออกไป เรื่องราวด้านลบของเขาก็ยิ่งปะทุออกมาเหมือนกับดอกไม้ไฟระเบิด
อย่างเช่นลู่ซิงเฉิงเคยดูถูกนางแบบที่อ้วนขึ้นมาหนึ่งกิโลกรัมว่าเป็นตุ่มน้ำ เสนอให้เธอไปที่คณะกายกรรมเรียนวิธีเหยียบบนตุ่มน้ำ เขาเคยไล่พนักงานออกเพราะพนักงานไม่ทำโอที ซ้ำยังเคยโทรศัพท์ไปหาพวกเขาตอนกลางดึกเพื่อให้มาทำงานที่บริษัท
แม้กระทั่งที่ถงเสี่ยวโยวเข้าร่วมรายการ ‘สถานีถัดไป รันเวย์’ ก็ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึง เพื่อต้องการให้คนมาสนใจอ่านนักข่าวก็ใส่สีตีไข่ลงไป บอกว่าถงเสี่ยวโยวเป็นดีไซเนอร์ที่มีพรสวรรค์ แต่ลู่ซิงเฉิงกลัวว่าพรสวรรค์จะถูกเปิดเผย จึงตั้งใจจะซื้อกรรมการในรายการให้เธอได้ศูนย์ห้าตัว แล้วยังมีดีไซเนอร์เล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งสนับสนุน บอกว่าตัวเองเคยถูกลู่ซิงเฉิงกดขี่ข่มเหง
พูดกันด้วยใจเป็นธรรม ลู่ซิงเฉิงใช้จมูกมองคน เขาจำแม้แต่ชื่อของถงเสี่ยวโยวไม่ได้ แล้วจะมาอิจฉากับกดเธอเอาไว้ได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นลู่ซิงเฉิงเป็นคนที่รู้จักมองคน เรื่องที่กดคนอื่นที่ทั้งเปลืองแรงและไม่น่าเปิดเผยแบบนี้เขาไม่มีทางที่จะทำ แล้วนักข่าวที่เขียนว่าเธอมีพรสวรรค์ก็เป็นคนเดียวกับคราวที่แล้วที่ตำหนิเธอที่ได้ศูนย์ห้าตัวคนนั้น
แม้กระทั่งกำแพงก็ยังถูกคนจำนวนมากผลักให้ล้มได้ แล้วใครจะไปใส่ใจว่าจะเป็นการผลักอย่างอ่อนโยนหรือไม่
หากไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจ ในเวลานี้ถงเสี่ยวโยวก็น่าจะร้องตะโกนอย่างมีความสุข ในที่สุดคนที่บ้าบิ่นหลงตัวเองมากๆ อย่างลู่ซิงเฉิงก็ตกลงมายังจุดต่ำต้อย จะมีอะไรที่มีความสุขมากไปกว่านี้อีก
แล้วเธอก็ยิ่งงุนงงขึ้นไปอีก เห็นชัดๆ ว่าทั้งโลกกำลังมีความสุข แต่เธอกลับทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิด ถ้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ก็รู้สึกเหมือนการมองดูมือถือคนอื่นจะทำให้ตาบอดจริงๆ
แต่ซ่งหรูหรูก็เยียวยาเธออย่างรวดเร็ว “เธอไม่ได้บอกเขาให้ทันเวลา แต่เธอไม่ใช่คนที่ให้มู่หยางกับเวินซีแอบเป็นชู้กัน จะว่าไปอูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ต่อให้ลู่ซิงเฉิงถูกไล่ออกแต่เขาก็คนละระดับกับเธอ” เธอพูดไปก็จิ้มถงเสี่ยวโยวไป “คนเขาเก็บเงินมาตั้งหลายปี ต่อให้ตอนนี้จ่ายออกอย่างเดียวไม่มีรายรับเข้ามาก็ยังมีเงินใช้ไปตลอดชีวิต ส่วนเธอน่ะยังพักอยู่ในห้องรวมเมื่อศตวรรษที่แล้ว ขี่จักรยานไฟฟ้าไปทำงาน แม้แต่เงินเดือนที่ใหม่ก็ยังไม่ได้รับ เธอเป็นห่วงเขา เขายังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร”
คนช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด เมื่อคิดได้ว่าลู่ซิงเฉิงมีชีวิตที่ดีกว่าตัวเอง ความรู้สึกผิดในใจของถงเสี่ยวโยวก็สูญสลายไปในทันที และเมื่อนึกกลับไปถึงตอนที่ลู่ซิงเฉิงทรมานตัวเธอ ถงเสี่ยวโยวจึงตัดสินใจสร้างบัญชีขึ้นมาเพื่อเปิดเผยความลับของเขา