Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ
ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 1
บทที่ 1 พบกันในลิฟต์
(1)
ห้าโมงครึ่งเป็นเวลาที่เหล่านักศึกษากรูกันออกมาจากห้องเรียนและห้องสมุดเพื่อเข้าไปยังโรงอาหารและห้องกดน้ำร้อนพอดี ซังอู๋เยียนกินมื้อเช้ามาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว อยู่ในระหว่างทางเดินไปเรียนด้วยตนเอง หลังจากนั้นสิบนาทีเธอก็ได้ยินวิทยุกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยเริ่มออกอากาศ
เมื่อท่วงทำนองที่คุ้นหูจบลง เสียงของสวี่เชี่ยนก็ดังขึ้น “สวัสดียามบ่ายค่ะ ฉันคือสวี่เชี่ยน ถึงเวลาของเพลงยอดนิยมในทุกๆ วันพุธกันอีกแล้วนะคะ เพลงแรกเป็นเพลงใหม่ที่ถูกแนะนำเข้ามา จากนั้นก็ตามด้วยชาร์ตเพลงของอาทิตย์นี้…”
ห้องกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยมักสร้างสีสันอยู่ตลอดเวลา มีรายการครบครันเสียยิ่งกว่าตอนที่ซังอู๋เยียนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ เสียอีก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ไปที่ห้องกระจายเสียงนานมากแล้ว
เธอรอเฉิงอินอยู่ที่ใต้อาคารเรียนที่สี่ในสวนดอกไม้เล็กๆ ไม่กี่นาทีก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มเริงร่า
“เป็นอะไรไปน่ะ หน้างงเชียว” เฉิงอินเอ่ยถาม
“เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงของสวี่เชี่ยนเข้าแล้วน่ะสิ”
“ฉันว่าเคลิบเคลิ้มไปกับความหึงหวงของตัวเองล่ะสิไม่ว่า”
“เปล่านะ!” ซังอู๋เยียนยืนกรานปฏิเสธ
“ยังจะบอกว่าเปล่าอยู่อีก เธอนี่…” เฉิงอินกล่าวไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็ถูกซังอู๋เยียนตัดบท
“ชู่…” เธอทำสัญญาณมือให้เงียบเสียง เบนหน้าตะแคงหูอย่างใจจดใจจ่อ สักครู่ใหญ่ๆ ก็ยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เฉิงอินเงียบเสียงลง ผ่านไปสักครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยถามเบาๆ “เป็นอะไรไป”
ซังอู๋เยียนกล่าว “เธอฟังเพลงนี้สิ”
วิทยุกระจายเสียงกำลังเปิดเพลงเพลงหนึ่ง เป็นเสียงแผ่วเบาอ้อยส้อยของนักร้องชายที่ร้องเพลงบรรยายความรู้สึกราวกับว่าผสมผสานเข้ากับจิตใจคนได้
ฉันหลงทางอยู่ในทุ่งหญ้า
ลมพัดต้นหญ้าเอนราบ
มีคนเคยร้องเพลงไว้ว่าผืนฟ้าดั่งกระโจม…
ตอนกลางคืน ซังอู๋เยียนกับเฉิงอินพูดคุยกัน
“แล้วมันคือเพลงอะไรกันแน่ล่ะ เพราะซะขนาดนั้น”
“ดูเหมือนจะเป็นนักร้องใหม่นะ”
“อยากรู้จังเลย” ซังอู๋เยียนทอดถอนใจ
“เธอโทรไปถามสวี่เชี่ยนก็รู้แล้วนี่” เฉิงอินเสนอความคิดเห็นแรก
“ตีให้ตายฉันก็ไม่โทรไปหรอกน่า”
“ค้นเอาจากอินเตอร์เน็ตสิ จริงด้วย คืนนี้กินอะไรกันดีล่ะ”
ซังอู๋เยียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านไม่มีข้าวสารแล้ว เมื่อเทียบกับการหาว่าเพลงนั้นชื่อเพลงอะไร เรื่องหลังเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
เมื่อตอนเริ่มเรียนในปีนี้ ซังอู๋เยียนกับเฉิงอินเพื่อนยากก็ย้ายออกมาเช่าห้องข้างนอกด้วยกันและก็จุดไฟทำกับข้าวเอง ใกล้จะปิดเทอมแล้ว มหาวิทยาลัยไม่ได้เข้มงวดสักเท่าไร อีกทั้งตอนนี้เธอก็ทำงานพาร์ตไทม์อยู่ที่สถานีวิทยุ เกรงว่าบางครั้งถ้ากลับช้าจะกลับไปที่หอก็ไม่สะดวก
บ่ายวันศุกร์ซังอู๋เยียนไม่มีเรียนก็เลยไปที่สถานีวิทยุ ตอนกลางคืนเป็นเวลาออกอากาศของหัวหน้าสถานีวิทยุเนี่ยซี หลังจากซังอู๋เยียนเข้ามาในสถานีก็ทำแต่งานจุกจิกทั้งนั้น เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ช่วยของเนี่ยซีเพิ่งจะลาออกไป พอดีว่าไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม หัวหน้าแผนกเห็นว่าซังอู๋เยียนเป็นคนหัวใช้ได้ ก็เลยให้เธอเข้ามาทำแทนเป็นการชั่วคราว
เนี่ยซีค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองนี้ แล้วก็เป็นมิตรกับคนอื่นๆ ธรรมดาแล้วเป็นคนทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง ซ้ำยังปฏิบัติกับคนอื่นเป็นอย่างดี ซังอู๋เยียนเรียกว่า ‘พี่ซี’ เหมือนๆ กับบรรดารุ่นน้องในสถานี
ซังอู๋เยียนหอบจดหมายกองโตมาจากลุงที่เฝ้าประตูอยู่ชั้นหนึ่ง ทั้งหมดเป็นจดหมายที่ผู้ฟังส่งมาให้เนี่ยซี เธอเปิดออกดูทีละฉบับแทนเนี่ยซี ที่ควรตอบกลับก็ตอบกลับไป ที่ควรจะส่งต่อก็ส่งต่อไป แต่ดูเหมือนว่าทุกๆ ครั้งซังอู๋เยียนเห็นเนื้อหาที่เธออ่านแล้วก็อดขำไม่ได้
เธออ่านจดหมายให้คนอื่นๆ ในสถานีฟัง ทุกคนต่างก็ขำออกมากันหมด
เนี่ยซีมักจะส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “อู๋เยียน เธอนี่เป็นสาวน้อยที่ทำให้ใครต่อใครมีความสุขจริงๆ นะ”
ซังอู๋เยียนจัดการกับของกองโตเสร็จสรรพก็ไปกินมื้อเย็นที่โรงอาหาร ส่วนเนี่ยซีมาเตรียมตัวที่ห้องทำงานอยู่ก่อนแล้ว
“พี่ซี มาเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ”
เนี่ยซีขยิบตาให้เธอ ปรับเสียงให้เบาลงแล้วเอ่ยว่า “อยากใช้เพลงใหม่ๆ สักสองสามเพลงน่ะจ้ะ เลยลองเอามาประกอบกันเพื่อดูผลลัพธ์น่ะ”
“ค่ะ” ซังอู๋เยียนส่งสายตาให้ ‘คุณทำต่อไปเถอะ’ แล้วเตรียมตัวไปยังห้องข้างๆ
หลังจากหันหลังกลับไป ซังอู๋เยียนก็ได้ยินเนี่ยซีเปลี่ยนเพลง ทำนองของอินโทรแรกเริ่มฟังคุ้นหู ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเป็นเพลงที่เธอได้ฟังเมื่อวันก่อนนี่เอง
เธอรีบร้อนหันกลับไป แล้วถามด้วยเสียงอันดังลั่น “พี่ซี นี่เพลงอะไรเหรอคะ”
เนี่ยซีกำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนอะไรบางอย่าง บวกกับเสียงดนตรีดังขึ้นมาอีกครั้ง จึงไม่ได้ยินว่าซังอู๋เยียนถามอะไรไปชั่วขณะ
“พี่ซี เพลงที่เปิดอยู่ตอนนี้ชื่อเพลงอะไรเหรอคะ” ซังอู๋เยียนถามอีกครั้ง
“เธอหมายถึงเพลงที่เปิดตอนนี้น่ะเหรอ” พี่ซีถาม “ชื่อเพลงเปลือกหอยลิเบียจ้ะ”
“เพราะจังเลยค่ะ” ซังอู๋เยียนกล่าวพลางทอดถอนใจ
“เยี่ยมไปเลยนะ ถึงจะเป็นนักร้องใหม่ แต่พี่ว่าคงจะขายดิบขายดีเชียวล่ะ”
“ดีจริงๆ นั่นแหละค่ะ แค่ฟังก็เคลิ้มแล้ว”
พอเนี่ยซีเห็นท่าทีของเธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อู๋เยียน ที่นี่มีซีดีสำรองอยู่อีกแผ่น ถ้าเธออยากได้ พี่จะให้เธอยืม”
ซังอู๋เยียนได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ
พอเลิกงานแล้วกลับไปถึงบ้านซังอู๋เยียนก็คว้าเอาซีดีออกมาจากกระเป๋าถือแล้วใส่ลงในเครื่องเล่นซีดี เพลงเพลงนั้นเป็นชื่อเดียวกับชื่อคอนเซ็ปต์อัลบั้มทั้งหมด และยังถูกจัดไว้เป็นเพลงแรก
เธอฟังไปหลายรอบในรวดเดียว ถึงคิดขึ้นได้ว่าจะหาเนื้อเพลงที่แนบมากับซีดี
ด้านหน้าแผ่นพับใบเล็กๆ เป็นภาพนักร้องใหม่หน้าตาหล่อเหลาคนนั้น เขาเป็นหนุ่มน้อยที่โดดเด่น เป็นดาวรุ่งที่ได้รับความนิยมที่สุดในเวลานี้ ภาพด้านข้างอันหล่อเหลาของเขาสะท้อนออกมาภายใต้แสงขมุกขมัว
ซังอู๋เยียนเปิดหน้าแรกออกดูก็เห็นเป็นภาพวาดทิวทัศน์ ไม่ใช่ภาพเหมือนของชายหนุ่มคนนั้น ภาพวาดนั้นช่างงดงามเหลือเกิน เป็นภาพทะเลทรายที่มีแสงสีทองของอาทิตย์ยามอัสดงส่องลงบนเส้นขอบฟ้า และกักเก็บแสงเจิดจรัสกระจ่างตาของดวงดาวหลายดวงที่กะพริบอยู่ใกล้ๆ กับดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น ห่างออกไปไม่ไกลมีเปลือกหอยอันหนึ่งที่ราวกับถูกย้อมด้วยแสงสุกสกาวภายใต้แสงอาทิตย์ยามตกดิน
ฝั่งภาพประกอบเป็นเนื้อเพลงของเพลง ‘เปลือกหอยลิเบีย’
ฉันหลงทางอยู่ในทุ่งหญ้า
ลมพัดต้นหญ้าเอนราบ
มีคนเคยร้องเพลงไว้ว่าผืนฟ้าดั่งกระโจม
ท้องฟ้าจ๋าท้องฟ้า
ดาวไถโปรดชี้ทางให้ฉันที
ฉันหลงทางอยู่ในทะเลทราย
ทรายสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา
คนโบราณเคยเรียกมันว่าเกลียวคลื่นทะเลทราย
เกลียวคลื่นหนอเกลียวคลื่น
เธอจะแผดเผาฉันจนเหี่ยวแห้งเลยหรือไม่
ส่วนตัวฉันก็หลงทางอยู่ในใจของเธอ
ที่รักของฉัน
เธอยินดีที่จะเป่าเปลือกหอยลิเบียให้ดังขึ้นเพื่อฉันหรือไม่
เป็นแตรสัญญาณให้กับฉัน
ฉันหลงทางอยู่ในเมือง
ตึกรามสลับซับซ้อน
ที่รักได้โปรดบอกฉันว่าบ้านของเธออยู่ที่ใด
บ้านของฉันหนอบ้านของฉัน
แบ่งแยกทะเลแดงอ้อมลิเบียไป
สูดดมบารากู่ขวดหนึ่ง
ผูกผ้าโพกศีรษะที่ด้านหนึ่ง
ดวงตาสีดำขลับ
กล่าวถึงความรู้สึกอันอบอุ่น
เปลือกหอยลิเบียของฉัน
ดวงดาวพุ่งตกโปรยปราย
เนื้อเพลงเข้าใจไม่ยากเลยสักนิด ค่อนข้างจะมีกลิ่นอายแบบโบราณ แตกต่างจากสไตล์เพลงที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์ของดนตรีอาหรับ ท่วงทำนองเพลงแบบนี้กับเนื้อร้องแบบนี้เมื่อผสมผสานเข้าด้วยกัน ก็ราวกับว่ามีเจ้าชายอาหรับกำลังเล่นเปียโนร้องเพลงเพื่อหญิงที่รักสุดหัวใจอยู่ในทะเลทรายจริงๆ
ซังอู๋เยียนเห็นชื่อคนทำเพลงด้านหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ตัวหนังสือสี่ตัวที่สั้นและเรียบง่ายเรียงกันอยู่ด้านหน้าสุด
คำร้อง : อีจิน