มิสเตอร์เอ็มโอเอฟให้ฉันลงไปหา Maryse ที่ชั้นล่าง พอลองค้นทั้งที่ชั้นหนึ่งและชั้นสองแล้วฉันก็เจอตั้งหลายอัน มีของที่เป็นของชั้นสามอยู่ตั้งสิบกว่าอัน เยอะแยะจนแทบจะอุ้มกลับมาไม่ไหว
กลับมาถึงมิสเตอร์เอ็มโอเอฟก็มันหยิบออกไปจากอ้อมแขนฉันหนึ่งอันแล้วชี้บอกให้เอาอันอื่นๆ กลับไปวางที่ลิ้นชักในห้องเรียน จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปหาสาวตัวสูงผมทอง
ให้ตายเถอะ! ให้ฉันขนมารีสซ์ขึ้นมาเพื่อให้คุณใช้จีบสาวเนี่ยนะ?
แล้วแม่สาวคนนี้เป็นใครกัน มิสเตอร์เอ็มโอเอฟชอบผู้หญิงแบบไหนนะ…ขาเรียวยาวใช้ได้ แต่ว่าผอมซะขนาดนั้น ไม่มีหน้าอกหน้าใจเลยสักนิด แถมโหนกแก้มก็สูงมาก ดูแล้วนี่มันโหงวเฮ้งดวงกินผัว ระวังนะคะ!
หยุดๆๆ ให้ตายสิซูอี้! ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ล่ะ!!
“ซูอี้ คุณมีมีดตัดขนมปังหรือเปล่า” มิสเตอร์เอ็มโอเอฟถามขึ้นมาอีกครั้ง
“มีค่ะ” ไม่ต้องพูดหรอก สาวตัวสูงคนนั้นขอยืมแน่ๆ อยู่แล้ว
“ให้เบกกี้ยืมใช้หน่อย”
ดูสิ…ฉันบอกแล้วไง
“เบกกี้?” สาวตัวสูงคนนั้นชื่อเบกกี้…แม้แต่ชื่อเขาก็รู้ด้วยงั้นเหรอ เธอเป็นคนประเทศอะไรกันนะ
มิสเตอร์เอ็มโอเอฟเล่นมีดหั่นขนมปังของฉัน “ซูอี้ คุณพูดภาษารัสเซียเป็นหรือเปล่า เบกกี้พูดภาษารัสเซียได้นะ”
เฮ้! รู้เยอะใช้ได้เลยนี่นา แต่ว่าฉันพูดไม่เป็นหรอก จะให้ฉันไปเรียนเหรอ แต่ฉันยังเรียนภาษาฝรั่งเศสได้ไม่ดีเลยนะ…
“เชฟคะ คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเธอพูดภาษารัสเซียได้” คงจะไม่ใช่ว่ามิสเตอร์เอ็มโอเอฟก็พูดภาษารัสเซียเป็นแล้วนิยมชมชอบผู้หญิงที่พูดภาษารัสเซียได้เป็นพิเศษหรอกนะ
หรือว่า…
“เชฟเองก็พูดภาษารัสเซียได้เหรอคะ” ฉันลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดู
“ภาษารัสเซียน่ะเหรอ ผมพูดไม่เป็นหรอก” มิสเตอร์เอ็มโอเอฟส่ายหน้าพลางพูดต่อ “บนบัตรประจำตัวนักเรียนของเบกกี้เขียนเอาไว้ว่าเป็นคนรัสเซียน่ะ”
แหม จำได้ด้วยงั้นเหรอ เอาใจใส่เชียวนะคะ
แต่เอาเถอะ คนรัสเซีย ประเทศรัสเซีย นักรบหญิงผู้ต่อสู้เพื่อชาติพันธุ์ ฉันไม่กล้ามีเรื่อง แล้วก็ต่อสู้ด้วยไม่ไหวหรอก เอามีดไปเลย! ให้เธอใช้ได้ตามสบาย แต่จำให้ได้ว่าต้องเอามาคืนฉันก็พอ เพราะซื้อเล่มใหม่มันแพงมากเลยนะ!