‘เมืองเป่ยอวี๋อยู่ใกล้เมืองหนานอู๋ งั้นฉันก็ไปเมืองที่ไกลหน่อยแล้วกัน โอเคมั้ย’ เวินอี่ฝานพูดจนจบโดยไม่กะพริบตา ‘วันหลังฉันไปถึงเมืองอี๋เหอแล้ว หวังว่านายจะไม่ไปหาฉันอีกเหมือนในตอนนี้นะ’
ตั้งแต่เธอเติบโตมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เวินอี่ฝานพูดจาแรงที่สุดกับคนอื่น
เธอไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายที่ต้องทนฟังคำพูดเหล่านี้จะเป็นซังเหยียน
หยดน้ำเกาะอยู่ที่ขนตาและผมเผ้าของซังเหยียนเต็มไปหมด เสื้อก็เปียกไปเสียครึ่ง ดวงตาเขาดำขลับ เธอมองอารมณ์เขาไม่ออก เขาขยับปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่รู้ว่าเสียงน้ำหยดดังมาจากที่ใด
เสียงดังเปาะแปะ…คล้ายเป็นเสียงหยาดน้ำตาหยดลงมา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
เหมือนว่าซังเหยียนจะเดาอะไรขึ้นมาได้ เขายกมุมปากเล็กน้อย สีหน้านิ่งอึ้งไปบ้าง
‘เพราะฉะนั้นช่วงนี้ที่เธอไม่ยอมตอบข้อความฉันก็เพราะเรื่องนี้?’
‘อืม’
‘เวินอี่ฝาน’ ซังเหยียนเรียกเธอเป็นครั้งสุดท้าย ลูกกระเดือกขยับอีกครั้ง ราวกับกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง เอ่ยพลางหัวเราะเยาะตัวเอง ‘ฉันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นปะ’
เวินอี่ฝานรู้สึกคอแห้งผาก เธอเคลื่อนสายตาไปทางอื่น ไม่มองเขาอีก
คล้ายว่าจะรักษาเกียรติของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ซังเหยียนยิ้มน้อยๆ ‘วางใจเถอะ ฉันจะไม่มากวนเธออีก’
ช่วงเวลาหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่คุยกันอีก
ซังเหยียนยังคงเดินไปส่งเธอถึงตึกที่พัก เขาคืนร่มใส่มือเธอ ดูเหมือนยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขามองหน้าเธอพลางเอ่ยเบาๆ
‘ฉันไปล่ะ’
เวินอี่ฝานตอบไปว่าอืม
เขาเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันหน้ากลับมาเอ่ยคำว่า ‘ลาก่อน’ พูดจบก็หมุนตัวเดินไปตามตรอกนั้น
เงาหลังเขาผอมสูง เวลาเดินเขามักจะเดินหลังตรง คล้ายไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร
แล้วเขาก็ไม่ได้หันหน้ากลับมาอีก
เหมือนหนุ่มน้อยคนนั้นในอดีตที่ยืนอยู่หน้าเครื่องกดน้ำ เรียกเธอว่า ‘รุ่นน้อง’ อย่างยโสโอหัง
เวินอี่ฝานยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ มองดูเขาที่ตั้งตารอคอยเดินทางข้ามเมืองมาหาเธอ ทว่ากลับต้องเดินออกจากสายตาเธอไปด้วยสภาพแบบนี้
ระหว่างที่ใจลอยอยู่นั้น เวินอี่ฝานคล้ายเกิดภาพลวงตา
สายฝนเป็นเหมือนพลังบางอย่างที่ไร้รูปกระแทกลงบนตัวเขาทีละหยด ทำลายความหยิ่งยโสในตัวเขาไปทีละนิ้ว
สีหน้าเธออึ้งไปเล็กน้อย จ้องร่มที่อยู่ในมือตัวเอง เธอก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเวินอี่ฝานก็เห็นว่าเขาหายไปท่ามกลางม่านหยาดฝน
ภายในตรอกเล็กๆ ที่ยาวไกลและมืดมิดคล้ายว่าไม่มีจุดสิ้นสุด
เวินอี่ฝานหยุดชะงัก ดวงตาค่อยๆ แดงก่ำขณะเอ่ยเบาๆ ‘ลาก่อน’
ลาก่อน
หนุ่มน้อยที่รักของฉัน
ฉันหวังว่าในชาตินี้นายจะพานพบแต่เรื่องที่สมดั่งใจ
หวังว่านายคงจะไม่เจอคนอย่างฉันอีก
ตั้งแต่นี้ต่อไป
นายก็ยังคงเป็นหนุ่มน้อยคนนั้นที่มีชีวิตชีวาและเย่อหยิ่งบาดตาบาดใจ