พอกลับไปที่ห้องทำงาน เวินอี่ฝานก็เดินไปยังโต๊ะของตนเอง โต๊ะทำงานของหวังหลินหลินอยู่เยื้องไปทางด้านหลัง คราวนี้อีกฝ่ายกึ่งนั่งกึ่งยืนที่โต๊ะทำงานของเธอ หันมาคุยกับซูเถียนที่อยู่โต๊ะข้างๆ เวินอี่ฝาน
ซูเถียนเข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์พร้อมกับเวินอี่ฝาน ทั้งสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เวินอี่ฝานเอ่ยยิ้มๆ “คุยอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะ”
ซูเถียนตอบ “คุยเรื่องที่พี่หลินไปเคานต์ดาวน์กับแฟนน่ะสิ”
“ก็แค่คุยไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” หวังหลินหลินโบกมือ พูดไปตามใจ “นับว่าพี่โชคดีเหมือนกันน้า วันปีใหม่ได้หยุดพอดี ก็เลยได้ฉลองข้ามปีกับแฟนที่รีสอร์ตไหวจู๋วันทั้งคืนเลย ได้ดินเนอร์ใต้แสงเทียน แช่น้ำพุร้อนอะไรทำนองนี้ เขายังโอนเงินให้พี่ห้าพันสองร้อย* หยวนและหนึ่งพันสามร้อยสิบสี่ หยวนด้วย ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก น่าเบื่ออยู่เหมือนกัน”
“อิจฉาพี่จริงๆ เลย พี่หลิน” ซูเถียนยกมุมปากขึ้นแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “จริงสิ อี่ฝาน เธอกำลังอยากจะย้ายบ้านไม่ใช่เหรอ หาบ้านใหม่ได้หรือยัง”
หวังหลินหลินแสดงสีหน้าแปลกใจ ถามขึ้นทันที “เอ๊ะ เสี่ยวฝาน เธอจะย้ายบ้านเหรอ”
เวินอี่ฝานตอบไปตามตรง “ใช่ค่ะ”
“บังเอิญมากเลย!” หวังหลินหลินลุกขึ้นยืนโดยพลัน สีหน้าดีใจอย่างที่สุด “ช่วงนี้พี่กำลังกังวลอยู่เลย ก่อนหน้านี้รูมเมตที่เช่าร่วมกับพี่ลาออกจากงานกลับบ้านนอก พี่ยังหาคนที่เหมาะสมที่จะมาอยู่ด้วยกันไม่ได้เลย”
เวินอี่ฝานอึ้งไปโดยพลัน ไม่มีท่าทีตอบสนองแต่อย่างใด
หวังหลินหลินเอ่ยถาม “เธอจะพิจารณาบ้านพี่สักหน่อยมั้ย”
ซูเถียนเริ่มพูดก่อน “บ้านพี่หลินอยู่ที่ไหนเหรอ อี่ฝานอยากอยู่ที่ใกล้สถานีหน่อย”
“ก็ซั่งตูฮวาเฉิงไง ใกล้มากเลยจ้า”
เวินอี่ฝานรู้จักชุมชนนี้ดีเพราะอยู่ใกล้กับสถานีโทรทัศน์มาก โดยปกติแล้วเวลาเธอเข้างานหรือเลิกงานก็จะต้องเดินผ่านชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชนที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่กี่ปีนี้ ถือว่าเป็นชุมชนระดับสูงเลยทีเดียว
ซูเถียนหันไปมองเวินอี่ฝานแวบหนึ่ง ถามอีกว่า “งั้นนอกจากพี่แล้ว ยังมีเพื่อนร่วมเช่าคนอื่นอีกมั้ย”
“ไม่มีๆ มีแค่พี่คนเดียวจ้า” หวังหลินหลินตบไหล่เวินอี่ฝาน ยิ้มอย่างน่ารักน่าชม “วางใจเถอะ พี่ไม่พาคนโน้นคนนี้มาที่ห้องหรอก ถ้าพวกเราจะเป็นรูมเมตกันจริงๆ ก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่ เธอก็บอกได้นะว่าจะให้ระวังเรื่องอะไรบ้าง ถ้าเธอสนใจ วันนี้หลังเลิกงานไปดูบ้านกับพี่ก่อน…” พอพูดถึงตรงนี้หวังหลินหลินก็ชะงักทันที เปลี่ยนคำพูดเป็น “โอ๊ย ไม่ได้ เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน คืนนี้พี่จะไปดูหนังกับแฟน”
เวินอี่ฝานรับคำ “ได้ งั้นก็พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ”
ซูเถียนฉวยโอกาสตอนที่หวังหลินหลินไปห้องแพนทรี่เขยิบเข้ามาใกล้ หน้าตาดูเป็นกังวลอยู่บ้าง
“เธอจะอยู่บ้านเดียวกับพี่หลินจริงๆ เหรอ ฉันรู้สึกว่าเค้าก็น่ารำคาญเหมือนกันนะ เพ้อถึงแฟนลูกเศรษฐีที่เพิ่งคบกันทั้งวี่ทั้งวัน แล้วเพราะเธอหน้าตาดี ฉันรู้สึกว่าเวลาที่เค้าพูดกับเธอดูแปลกๆ ชอบกล”
เวินอี่ฝานก็พอจะรู้จักนิสัยของหวังหลินหลิน อีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรหรอก ก็แค่ขี้บ่น หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ซึ่งสองข้อนี้เธอไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร ทำงานร่วมกันมาหลายเดือนแล้ว โดยส่วนใหญ่หวังหลินหลินก็ดีกับเธอ
อีกทั้งตอนนี้เธอก็อยากจะรีบย้ายบ้านจริงๆ
เวินอี่ฝานยิ้มน้อยๆ เอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ฉันขอไปดูบ้านก่อนแล้วกัน”