ร้านอาหารร้านนี้เสิร์ฟอาหารช้ามาก มีคนกลุ่มหนึ่งไปเร่งเครื่องดื่มกันยกใหญ่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ รอตั้งนานอาหารก็ยังไม่มาเสิร์ฟสักอย่าง เรื่องที่สนทนาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เพราะเวินอี่ฝานมาในฐานะคนแปลกหน้า จึงทำให้สายตาหลายคู่ที่จับจ้องเธออยู่เมื่อครู่ค่อยๆ เบนไปทางอื่น
ซังเหยียนไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย ตอนนี้เขากำลังก้มหน้าเล่นมือถือ แสดงท่าทางราวกับไม่สนใจอะไรเลย คนอื่นเรียกเขาก็ไม่สนใจ
เวินอี่ฝานก้มหน้าดื่มน้ำ รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้ากับผู้คนที่นี่เลย
ผ่านไปสักพักจู่ๆ หวังหลินหลินก็หอมแก้มซูเฮ่าอัน ลุกขึ้นเดินมาหาเวินอี่ฝานแล้วดึงข้อมือเธอ เอ่ยพลางยิ้มตาหยี
“เสี่ยวฝาน ไปห้องน้ำกับพี่หน่อยสิ”
เวินอี่ฝานลุกขึ้นยืน เหลือบมองกระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้แล้วก็หยิบมาด้วย
ทั้งสองคนเดินตามป้ายบอกทางแล้วเข้าห้องน้ำไป
หวังหลินหลินหยิบลิปสติกสีโปรดออกมาทาทับอีกรอบ เอ่ยอย่างสบายใจ “เมื่อก่อนเธอปฏิเสธซังเหยียนเหรอ”
เวินอี่ฝานเงียบงันไม่ตอบ
หวังหลินหลินถือว่าเธอยอมรับจึงเอ่ยอย่างแปลกใจที่สุด “เธอรู้หรือเปล่าว่าผับจยาปันที่อยู่ใกล้กับสถานีโทรทัศน์เรา เขาลงทุนเปิดกับแฟนพี่และผู้ชายอีกคนหนึ่งนะ”
“…”
“เขาดูดีจะตายไป ทั้งสูงทั้งหล่อ แถมรวยด้วย คนแบบนี้เธอก็ยังปฏิเสธได้ลง?” หวังหลินหลินส่ายหน้า รู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ “สเป็กเธอสูงเกินไปแล้วมั้ง แต่มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว พี่เห็นท่าทางเขาเมื่อกี้นี้ก็ดูไม่ได้สนใจเธอสักเท่าไหร่”
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว” เวินอี่ฝานยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมามองแวบหนึ่ง “จริงด้วย พี่หลิน ขอโทษจริงๆ ฉันต้องกลับแล้วล่ะ ครูเฉียนให้ฉันส่งต้นฉบับข่าวไปให้คืนนี้ รบกวนพี่ช่วยบอกเพื่อนๆ ให้ด้วยนะ”
หวังหลินหลินร้อง “หา!” รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง “แค่อาหารมื้อเดียว เสียเวลาไม่มากหรอก”
“ครูจะรีบเอา” เวินอี่ฝานพูด “ฉันก็ไม่กล้าอู้งานซะด้วยสิ นี่ยังอยู่ในช่วงโปรฯ นะ”
“อ๋อ งั้นก็ได้” หวังหลินหลินเบะปาก “งั้นเธอเดินทางระวังหน่อยแล้วกัน พี่ไปก่อนนะ”
“โอเค ขอบคุณมากพี่หลิน เจอกันพรุ่งนี้นะ”
หลังจากรอให้หวังหลินหลินเดินออกจากห้องน้ำไป เวินอี่ฝานก็เปิดก๊อกน้ำล้างมือ เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำให้หวังหลินหลินไม่พอใจหรือเปล่า ทว่าเธอไม่อยากอยู่ในงานสังสรรค์กับคนที่ไม่คุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว
เวินอี่ฝานถอนใจโล่งอก ดึงกระดาษชำระมาเช็ดมือจนแห้ง
เวินอี่ฝานเพิ่งเดินออกไปก็เห็นซังเหยียนออกมาจากห้องน้ำชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คราวนี้ท่าทางของเขาไม่เหมือนกับที่เธอคาดคิดไว้ เขาไม่ได้เดินผ่านไปราวกับเห็นเธอเป็นอากาศธาตุ
ซังเหยียนชะงักฝีเท้า สีหน้าเฉยเมย เขายืนอยู่ที่เดิมพลางมองมาที่เธอ
เวินอี่ฝานรู้สึกคุ้นเคยกับฉากนี้อย่างประหลาด เธอนึกไปถึงครั้งแรกที่ผับจยาปัน ครั้งนั้นเธอเจอกับเขาที่ทางเดินนอกห้องน้ำ แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ต่างกับครั้งนั้นโดยสิ้นเชิง
…ราวกับเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
สถานการณ์กลับไปเป็นเช่นเดิม
มองจากท่าทางเขาที่เงียบมาตลอดในคืนนี้ เวินอี่ฝานคิดว่าตนเองไม่จำเป็นต้องพูดถึงตอนที่พบกันอยู่ไม่กี่ครั้งในช่วงก่อนหน้านี้ เธอพยักหน้าไปทางเขา แสดงออกเหมือนว่าหลังจากผ่านไปหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน เอ่ยทักทายกับเขาอย่างมีมารยาท
“ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ทว่าเหนือความคาดหมาย คล้ายว่าซังเหยียนไม่คิดที่จะรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าอีกต่อไป เขายังคงมองสำรวจเธอ เอ่ยซ้ำอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่ได้เจอกันนาน?”
น้ำเสียงเขาทำให้เวินอี่ฝานแยกไม่ออกว่าเป็นประโยคแสดงความสงสัยหรือพูดไปเรื่อย
จากนั้นซังเหยียนก็เอ่ยอีกว่า “จากวันปีใหม่จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาไม่กี่วันเอง เธอไม่ได้เจอฉัน…” เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วค่อยๆ กระชากเศษหน้ากากที่ยังหลงเหลืออยู่ออกมาจนหมด “ผ่านไปแค่วันเดียวคงไม่ได้เหมือนผ่านไปเป็นปีหรอกมั้ง”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.