บทที่ 1 ประตูห้องบันได
ความจริงแล้ว ความเหงาเป็นผลพวงจากการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย
(1)
เสิ่นเสี่ยอี้เพิ่งจะขึ้นมาชั้นบนก็พบว่าบรรยากาศในสำนักงานทนายความผิดปกติ มีหลายคนแอบเมียงมองอยู่ที่หน้าประตูห้องประชุม
ผ่านไปสักครู่ประตูก็ถูกเปิดออก คนกลุ่มหนึ่งก้าวเท้าออกมาจากด้านในช้าๆ หน้าสุดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่าผ่าเผย พร้อมด้วยนัยน์ตาเย็นชาคู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ สายตากวาดผ่านกลุ่มคนทั้งหมดอย่างเชื่องช้าโดยไม่หยุดชะงัก จากนั้นกล่าวทักทายไม่กี่ประโยคแล้วจึงกล่าวลา
ชายคนนั้นเดินด้วยท่าทางแปลกๆ แต่ว่าแปลกตรงไหนกลับอธิบายไม่ถูก
ระหว่างที่เดินเฉียดตัวเสิ่นเสี่ยอี้ไป เขาก็สัมผัสได้ถึงแววตาของเธอที่จ้องมองเขาอยู่ เขาจึงหันหน้ามาเล็กน้อย ส่งยิ้มบางๆ ให้เธออย่างมีมารยาท เดิมทีเขามีหนังตาสองชั้นหลบใน ดังนั้นเมื่อมองเผินๆ จึงเหมือนมีตาชั้นเดียว เพียงชำเลืองมองมาดั่งมีรอยยิ้มในดวงตา ก็ราวกับว่าสามารถดูดวิญญาณคนได้
เสิ่นเสี่ยอี้เคยเห็นเขาจากในข่าวมาก่อน เจ้าของลี่ซื่อกรุ๊ปคนปัจจุบันลี่เจ๋อเหลียง หลังกลับจากไปเรียนที่เยอรมนีเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาก็มาสืบทอดกิจการของตระกูล เวลานี้สามารถเรียกลมเรียกฝนธุรกิจในเมือง A ได้แล้ว
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เสิ่นเสี่ยอี้ถาม
“นี่เป็นผลงานของพวกเรา” อู๋เหว่ยหมิงเพื่อนร่วมงานกล่าว “ลี่ซื่อกรุ๊ปตกลงร่วมมือกับพวกเราแล้วนะ”
เดิมทีเสิ่นเสี่ยอี้กำลังเซ็นชื่ออยู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าก็ชะงักปลายปากกา ย้อนถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จริงเหรอ”
“ก็จริงน่ะสิ! ฉันเองก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เราสองคนไปเจรจากับผู้จัดการหลีที่อยู่แผนกบริการลูกค้ามาน่ะ”
เสิ่นเสี่ยอี้พยักหน้า ผู้จัดการหลีคนนั้นวางมาดใหญ่โต เอาแต่ดูถูกเหยียดหยามสำนักงานทนายความของพวกเขาเต็มสูบ ดังนั้นเธอกับอู๋เหว่ยหมิงจึงไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว
“ไม่คิดว่าวันนี้ลี่เจ๋อเหลียงจะมาด้วยตัวเอง มีความจริงใจใช้ได้เลยนะ” อู๋เหว่ยหมิงพยักหน้า
“ถ้างั้นพวกเราก็ต้องส่งทนายไปประจำใช่หรือเปล่า”
“เธออยากไปเหรอ” อู๋เหว่ยหมิงชำเลืองมองเธอ
“อยากสิ!” เสิ่นเสี่ยอี้พยักหน้าขึ้นลงราวกับไก่จิกเมล็ดข้าว “บริษัทใหญ่โตขนาดนั้น ฉันอยากไปเก็บประสบการณ์สักหน่อย มันเป็นความฝันของใครหลายๆ คนเลยนะ”
ลี่ซื่อกรุ๊ปซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือมีตึกสูงเสียดฟ้าอยู่ที่จัตุรัสหงจี การสวมป้ายพนักงานของพวกเขาเข้าออกพื้นที่ได้ถือเป็นความฝันของหนุ่มสาวมากมาย
“นั่นเพราะความฝันของพวกนั้นคือลี่เจ๋อเหลียงต่างหาก หรือว่าเขาก็เป็นความฝันของเธอด้วย” อู๋เหว่ยหมิงหัวเราะ เสิ่นเสี่ยอี้เองก็หัวเราะแหะๆ ตามไปด้วย
ในที่สุด ภายหลังความพยายามหลายต่อหลายครั้งของเสิ่นเสี่ยอี้ สำนักงานก็ยอมให้เธอไปปรับตัวเพื่อสร้างความคุ้นชินก่อน
วันนี้เสิ่นเสี่ยอี้ได้รับอนุญาตให้เลิกงานเร็วได้ เธอเก็บเอกสารส่วนที่จำเป็นสำหรับใช้ทำงานตอนอยู่ที่นั่นจนเรียบร้อย ตอนนั่งแท็กซี่กลับบ้านขณะผ่านตึกระฟ้าลี่ซื่อกรุ๊ปที่จัตุรัสหงจี เสิ่นเสี่ยอี้ก็เงยหน้าขึ้นมองตึกใหญ่แห่งนั้นแวบหนึ่ง
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอก็จะได้พบปะพูดคุยกับผู้ชายแซ่ลี่คนนั้นแล้ว จู่ๆ เธอก็คิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นตอนเธอเฉียดผ่านเขาไป ในตอนนั้นไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอก เพราะเธอรู้สึกได้ว่าสาวๆ ที่อยู่ตรงนั้นก็แทบจะเป็นลมกันหมดเช่นกัน
วันแรกที่ต้องไปทำงานที่ตึกระฟ้าลี่ซื่อกรุ๊ป เสิ่นเสี่ยอี้ตื่นแต่เช้า เธอมาถึงเช้ากว่าเวลาเข้างานมาก จึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สวนสาธารณะด้านนอกอาคารคนเดียว รอจนกว่าจะถึงเวลาที่นัดหมายเอาไว้
ริมทางเดินเล็กๆ ของสวนสาธารณะมีดอกท้อหลายกิ่งผลิบานสีสวยสดใส บนสนามหญ้าหอมมีคนเฒ่าคนแก่ไม่กี่คนกำลังรำไท้เก็กกันอยู่ ในช่วงเวลานี้เด็กๆ ค่อนข้างน้อย
รถเก๋งสีเงินจอดลงช้าๆ ที่หน้าอาคาร พอมีคนลงจากรถคนหนึ่งถึงได้เคลื่อนเข้าไปในลานจอดรถด้านล่าง
เสิ่นเสี่ยอี้มองอยู่ไกลๆ คนที่ลงรถมาก็คือลี่เจ๋อเหลียงนั่นเอง ชุดสูทสะอาดสะอ้านสีเข้มที่สวมทับบนร่างกายเขาแลดูแนบเนื้อเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้เห็นรูปร่างสูงโปร่งหลังตรงของเขาชัดเจนขึ้น