ในความทรงจำของเธอเขามักจะนั่งอยู่ตรงมุมนั้นเสมอ แม้จะเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ทว่าผ่านมานานก็ไม่เคยมีใครไปยื้อแย่งกับเขา เขามีดวงตาสีอ่อน สีผมเองก็ไม่ได้เป็นสีดำสนิท เวลาดวงอาทิตย์ปลายฤดูใบไม้ร่วงสาดแสงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบลงบนโต๊ะของเขาจะเกิดเป็นประกายแสงแสบตาบนหนังสือนิดหน่อย หลายๆ ครั้งเขาจะหรี่ดวงตาลงเล็กน้อยแล้วหันไปทางอื่นนิดๆ แต่แสงแดดก็ยังคงส่องลงบนนิ้วมือของเขาอยู่ดี ทำให้นิ้วมือเหล่านั้นดูคล้ายกับโปร่งแสงอยู่บ้าง เขาไม่เคยเข้าไปคุยกับใครก่อนเลย แต่ครูกลับชื่นชอบเขาเป็นที่สุด ถึงกับเฉพาะเจาะจงเรียกให้เขามารับผิดชอบธุระชั่วคราวของห้องเรียน
ตอนนั้นระหว่างที่เสิ่นเสี่ยอี้ไม่เข้าใจเนื้อหาในวิชาเรียนโดยสิ้นเชิงและยืนกรานที่จะลงชื่อในห้องเรียนเสริม ทุกครั้งเธอจะมาตั้งแต่เนิ่นๆ สลัดภาพลักษณ์ทอมบอยออกไป แต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูเป็นผู้หญิงมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังยึดจองที่นั่งข้างๆ เขาซึ่งอยู่ถัดมาจากทางเดินเอาไว้ก่อนด้วย
เสิ่นเสี่ยอี้กล่าวต่อไป ‘วันนั้นพอดีว่าผู้ชายคนนี้มาสาย ตั้งแต่เขาก้าวเข้าประตูมาฉันก็จ้องมองเขาอย่างได้ใจ แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเลย ตอนที่นั่งลงยังเผลอมองมาที่ฉันแบบไม่ตั้งใจด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉัน ตอนนั้นฉันตื่นเต้นดีใจสุดฤทธิ์ ผ่านไปสักพักเขาก็มองฉันอีกครั้ง’
‘จากนั้นล่ะ’ โจวผิงซินถามด้วยความประหลาดใจ
เสิ่นเสี่ยอี้ลากเธอกลับไปนั่งที่ห้องทำงาน จากนั้นจึงกล่าวว่า ‘ฉันมีความสุขมาก แต่ก็ยังปลอมสีหน้าว่าตั้งใจเรียนอยู่ ไม่คิดว่าผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาคนนั้นจะฉวยโอกาสที่ครูกำลังเขียนตัวอักษรบนกระดานดำส่งเศษกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนั้นฉันสะกดกลั้นใจที่เต้นถี่รัวเอาไว้เชียวนะ ฉันคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกอย่างระมัดระวัง ด้านในมีประโยคหนึ่งเขียนเอาไว้’
‘เขียนว่ายังไง’ ผิงซินถามด้วยความร้อนใจ
‘เธอใส่เดรสกลับด้านน่ะ’
เสียงพรืดดังขึ้นครั้งหนึ่ง โจวผิงซินหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า ‘เรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย’
‘เรื่องจริงน่ะสิ’
‘แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่ ขายหน้านิดหน่อยก็ไม่น่าจะลำบากใจเท่าไหร่นะ’
‘เด็กงั้นเหรอ?’ เสิ่นเสี่ยอี้หัวเราะ ‘เธอไม่เคยแอบชอบรุ่นพี่หรือเพื่อนร่วมห้องเลยหรือไง ขายหน้าต่อหน้าคนที่ตัวเองปลื้มตอนอายุขนาดนั้นเป็นอะไรที่ไม่มีหน้าจะใช้ชีวิตต่อไปเลยนะ’
‘แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นล่ะ’
‘ไม่รู้สิ’ เสิ่นเสี่ยอี้แววตาเป็นประกาย เธอส่ายหน้าพลางกล่าวว่า ‘จำไม่ได้ทั้งรูปร่างหน้าตาแล้วก็ชื่อแซ่ด้วย แต่ว่ารายละเอียดบางอย่างกับท่าทางก็ยังพอมีความทรงจำอยู่บ้างนะ’ สายตาของเธอค่อนข้างหงอยเหงา
คำพูดเหล่านี้…เรื่องราวเหล่านี้…ตอนนี้เสิ่นเสี่ยอี้นึกขึ้นมาได้ก็เหมือนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นชัดเจนอยู่ในสายตา บางทีคำพูดที่เธอปลอบใจโจวผิงซินไปในตอนนั้นอาจฟังดูพูดง่ายแต่ทำยากจริงๆ ก็ได้ อย่างเช่นตอนนี้เธอเองก็ไม่อยากปรากฏตัวต่อหน้าลี่เจ๋อเหลียงอีกแล้วแน่ๆ ดีไม่ดีผู้ชายคนนั้นอาจเข้าใจผิดว่าเธอมีนิสัยชอบสะกดรอยตามเสียอีก
เสิ่นเสี่ยอี้นวดขมับอย่างค่อนข้างหงุดหงิดใจ ก่อนจะลูบผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงของตัวเอง เธอไม่ชอบไว้ผมหน้าม้า เพียงแค่มัดผมตรงให้เป็นหางม้าอย่างเรียบง่ายอยู่หลังศีรษะเท่านั้น แต่ถ้าไม่มัดให้แน่นสักหน่อยหางม้าก็จะห้อยลงมา ดังนั้นเธอจะจัดทรงอย่างใจเย็นสามถึงสี่รอบทุกวัน
ตกกลางคืนเสิ่นเสี่ยอี้เพิ่งจะมีเวลาว่างก็ได้รับสายจากเมิ่งหลีลี่ลูกความในคดีมรดกที่เธอรับผิดชอบอยู่ก่อนหน้านี้ เมิ่งหลีลี่คนนี้เป็นภรรยาใหม่ของเถ้าแก่หวงเจ้าของธนาคารเจิ้งหยวนที่แต่งงานใหม่หลังจากภรรยาเสียชีวิต เถ้าแก่หวงเพิ่งเสียชีวิตเมื่ออาทิตย์ก่อน ลูกชายและลูกสาวของเขาก็แย่งชิงมรดกกับเมิ่งหลีลี่ เวลานี้มาก่อกวนถึงหน้าบ้านแล้ว
เสิ่นเสี่ยอี้รีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เรียกรถแท็กซี่ออกจากบ้านไป เธอโอนคดีนี้ให้กับเพื่อนร่วมงานอย่างอู๋เหว่ยหมิงไปแล้ว แต่เมื่อคุณเมิ่งนึกถึงเธอขึ้นมา ความรู้สึกรับผิดชอบที่อยู่เหนือภาระหน้าที่ก็ผลักดันให้เธอมุ่งหน้าไปดูสักหน่อย
เมื่อไปถึงบ้านหวง เสิ่นเสี่ยอี้ก็ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะไล่สองพี่น้องผู้เซ้าซี้ให้จากไปได้อย่างลำบากยากเย็น เมิ่งหลีลี่กล่าวขอบคุณเธอ
“ก่อนหน้านี้ตอนที่สามีฉันยังอยู่ เขาบอกกับฉันว่าถ้าพวกเขาทำให้ฉันลำบากใจหรือต้องการความช่วยเหลือก็ให้โทรหาทนายเสิ่นที่สำนักงานทนายความถังเฉียว ดูจากตอนนี้ฉันก็ควรจะฟังที่เขาพูดจริงๆ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
เสิ่นเสี่ยอี้ยิ้ม “ความจริงแล้วเมื่อก่อนพ่อของฉันกับลุงหวงพอจะสนิทสนมกันอยู่บ้าง ช่วยเหลือเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“คุณเสิ่นคะ ขอบคุณจริงๆ นะคะ” เมิ่งหลีลี่ยังกล่าวขอบคุณซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
เสิ่นเสี่ยอี้รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร เมิ่งหลีลี่ไม่ใช่คนอ่อนแอ ทว่าก็มีบางคำพูดที่หากให้เธอเป็นคนพูดเองก็จะกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงขึ้นมา จึงได้แต่ให้เสิ่นเสี่ยอี้มาคอยประสานอยู่ตรงกลางแบบนี้
“ความจริงแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนฉันโอนคดีของคุณให้ทนายอู๋ไปแล้ว คิดว่าอีกไม่นานสำนักงานคงจะแจ้งให้คุณทราบ ถ้าเกิดคุณตกลงเขาก็จะมาเซ็นข้อตกลงกับคุณใหม่ค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ฉันถูกย้ายไปทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ปน่ะค่ะ เลยไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องของคุณได้เป็นการชั่วคราว”
“อุ๊ย ดีใจด้วยนะคะ ลี่ซื่อกรุ๊ปมีชื่อเสียงโด่งดัง ขอให้เจริญก้าวหน้าค่ะ” เมิ่งหลีลี่กล่าวเช่นนี้ก็จริง แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย เธอค่อนข้างจะชอบเสิ่นเสี่ยอี้หญิงสาวคนนี้มากทีเดียว