(4)
ครั้นงานเลิกเสิ่นเสี่ยอี้ก็กล่าวอำลาหยางวั่งเจี๋ยที่ยุ่งไปทางนู้นทีทางนี้ที
เดือนเมษายน ข้างนอกมีพายุฝนฟ้าคะนอง เคราะห์ดีที่คู่แต่งงานใหม่ใคร่ครวญมาอย่างรอบคอบจึงเตรียมร่มเอาไว้ให้แขกทุกคนแล้ว
เสิ่นเสี่ยอี้ออกมาจากโรงแรม เพื่อเลี่ยงการเปียกฝนเธอจึงวิ่งมายังชายคาของป้ายรถเมล์ในอึดใจเดียว รออยู่เป็นนานสองนานแล้วก็ยังไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมา
สายฝนโหมกระหน่ำลงมา วี่แววของฝนแบบนี้ไม่อาจต้านได้ด้วยร่มคันเดียว น้ำฝนกระหน่ำซัดสาดไปทั่วทุกทิศทางตามแรงลมอย่างโหดร้าย เพียงครู่เดียวเท่านั้นใต้เข่าของเสิ่นเสี่ยอี้ก็เปียกชื้นไปหมด ในรองเท้าเองก็เอ่อนองไปด้วยน้ำ
รถแท็กซี่ก็เป็นเสียอย่างนี้ พอมีธุระก็เรียกไม่ได้ ตอนที่ไม่ได้มีธุระกลับเห็นรถว่างวิ่งร่อนไปทั่ว ชวนให้รำคาญใจนัก
ในตอนนี้เองรถเบนต์ลี่ย์สีฟ้าอ่อนของลี่เจ๋อเหลียงก็แล่นออกมาช้าๆ ก่อนจอดลงที่ข้างกายเสิ่นเสี่ยอี้
“ทนายเสิ่นครับ ขึ้นรถมาเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” คนที่ลดกระจกหน้าต่างลงแล้วพูดคือจี้อิงซง ปกติแล้วเขาไม่ได้เป็นคนมีน้ำจิตน้ำใจอะไร เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความตั้งใจของลี่เจ๋อเหลียง
ระหว่างที่เสิ่นเสี่ยอี้สองจิตสองใจอยู่นั้น จี้อิงซงก็เปิดประตูรถลงมากางร่มให้เธอแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองขึ้นหลังเสือไปแล้วจะลงยาก แต่เธอก็ไม่อยากจะปฏิเสธน้ำใจของผู้อื่น สุดท้ายจึงทำได้เพียงขึ้นรถไปตามนั้น
“ขอโทษด้วยนะคะคุณลี่ เลยต้องลำบากคุณเลยค่ะ”
“ไม่ลำบากหรอก แทนการขอบคุณพอดี เพราะเมื่อครู่นี้คุณเสิ่นเอาเสื้อมาให้ผมได้ทันเวลา” เขาหรี่ดวงตาลงพลางหยอกเย้าเธอ
เสิ่นเสี่ยอี้มีสีหน้าอึดอัดใจ ประโยคนั้นของลี่เจ๋อเหลียงแม้คนไม่รู้เหตุการณ์ได้ฟังแล้วจะไม่รู้สึกมีอะไรผิดแปลกแม้แต่น้อย แต่ว่า…
“แต่ผมหวังว่าคราวหน้าก่อนจะเข้าห้องน้ำชายคุณเสิ่นจะเคาะประตูก่อน” ลี่เจ๋อเหลียงกล่าวเสริม
เวลานี้มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา นั่นคือการแสยะยิ้มที่เขาชอบทำเป็นประจำ
เสิ่นเสี่ยอี้คิดในใจ คราวหน้า? จะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกได้ยังไงล่ะ!
เธอมองจี้อิงซงจากกระจกมองหลัง ตรวจสอบจนแน่ใจว่าเขาไม่มีสีหน้าแปลกประหลาดเธอถึงได้ผ่อนลมหายใจ ถึงอย่างไรเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ขืนใครรู้เข้ามีหวังเธอรักษาหน้าตาเอาไว้ไม่ได้พอดี
“ทนายเสิ่นจะไปที่ไหนครับ” จี้อิงซงถาม
“อ๋อ กลับไปถึงเขตเมืองแล้วจอดที่แยกถนนมู่หลินก็พอค่ะ”
เสิ่นเสี่ยอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง เวลานี้รถรออยู่ที่ทางขึ้นทางด่วน เม็ดฝนขนาดเท่าเมล็ดถั่วกระทบลงบนหน้าต่าง ทว่าอยู่ในรถกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เห็นเพียงหยดน้ำใหญ่บ้างเล็กบ้างไหลลงเป็นทาง ภายในรถมีเสียงเพลงจากสถานีวิทยุดังขึ้น
เธอสงบใจฟังอย่างตั้งใจ เหมือนว่าจะเป็นเพลงประกอบจาก ‘ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน’ ของโม่เหวินเว่ย
‘สามีภรรยาต่างสมัครรักใคร่ ล้วนเคียงคู่งดงาม
ใจของเจ้าราวกับกลเกม ไม่เข้าใจสิ่งนี้
เหตุผลลอยเฉียดเจ้าที่แปรผัน กล่าวลาอย่างงุนงง
คนรักร้อนรนจากไปไกลเพื่อผู้ใดกัน
ใครกันที่เจ้าคะนึงหา
เมื่อรักถูกทอดทิ้ง หวังใจไม่หวนคิดถึง
แต่ใจข้าแอบคำนึงถึงเจ้าไม่ห่าง
คิดถึงเพียงเจ้าที่อยู่ห่างไกล หวนมาอย่าได้จากไกล
รอแล้วรอเล่ารอคอยเรื่อยไป
ความคิดถึงอาศัยลมส่งให้
กำชับสายลมค่ำคืนส่งไปเบาๆ รักละมุนหมื่นพันลี้
ภาวนาให้ดวงดาวจุดรักไม่มีจบสิ้น
ผูกพันสองใจ
กำชับสายลมค่ำคืนส่งไปเบาๆ รักละมุนหมื่นพันลี้
ให้ใจคนรักบังเกิดรักไม่จบสิ้น
คำนึงถึงเพียงข้า’