(5)
การมาของฝนลูกนี้ค่อนข้างโหดร้าย
โรงแรมที่ใช้จัดงานอยู่ละแวกเดียวกับสนามบินเมือง A ห่างจากเขตเมืองค่อนข้างไกล ฝนตกหนักมาก แม้ว่าระบบระบายน้ำบนทางด่วนจะค่อนข้างดี แต่เวลาที่รถห้อตะบึงผ่านไปก็ยังก่อให้เกิดละอองน้ำพุ่งขึ้นบนอากาศเป็นชั้นๆ อยู่ดี
ทักษะการขับรถของจี้อิงซงถือว่าใช้ได้ นั่งแล้วรู้สึกนิ่มและมั่นคง แต่เมื่อรถไถลผ่านทางโค้งไป เสิ่นเสี่ยอี้ก็เริ่มรู้สึกหายใจรัวเร็ว
เธอเมารถบนทางด่วนได้ง่ายดายมาก ไม่ว่าจะนั่งเบนต์ลี่ย์หรือเซี่ยลี่* ขอเพียงมีการสั่นโคลงเล็กน้อยก็ทำให้วิงเวียนได้ในทันที
ก่อนหน้านี้อู๋เหว่ยหมิงหยอกเย้าเธอ ‘เธอมีแค่นั่งรถเมล์ถึงไม่เวียนหัว ดูเหมือนว่าชีวิตนี้จะประหยัดเงินได้ไม่น้อยเลย’
‘นายจะไปรู้อะไร นี่แสดงว่าประสิทธิภาพของอวัยวะที่รับรู้ถึงความสมดุลของฉันดีมากๆ ต่างหาก มีวิวัฒนาการที่สมบูรณ์กว่านาย’
ส่วนลี่เจ๋อเหลียงหลังจากรับโทรศัพท์แล้วก็ไม่ได้เปิดปากพูดอีก
เธอไม่มีกำลังวังชาจะพูดจา พยายามอย่างถึงที่สุดในการคิดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง ทั้งสองตามองตรงไปข้างหน้า เธอไม่อยากสำรอกอาหารมื้อกลางวันทั้งหมดที่กินเข้าไปในตัวรถของลี่เจ๋อเหลียง เกิดอะไรขึ้นในรถเบนต์ลี่ย์นี้ ให้เธอเป็นวัวเป็นม้าทั้งชาติก็ชดใช้ไม่หมด
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ด้านหน้าเริ่มรถติด ทว่าไม่มีรถสวนกลับมาเลยสักคัน ครั้นมองตรงไปข้างหน้าในสายตาของเธอก็มีแต่ทัศนวิสัยย่ำแย่ท่ามกลางพายุฝน เห็นเพียงไฟท้ายรถสว่างวาบๆ เธอจึงไม่มองอะไรเลยให้รู้แล้วรู้รอดไป ยามได้ยินพวกเขาพูดเรื่องอ่าวหลันเถียนขึ้นมา เสิ่นเสี่ยอี้ก็เริ่มกระสับกระส่ายอย่างไรไม่รู้ จู่ๆ ก็ไม่อยากอยู่บนรถคันนี้แล้ว เกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจกับทุกๆ อย่าง
จี้อิงซงเห็นสีหน้าของเธอดูทุกข์ทรมาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง “ทนายเสิ่น ในรถมีลูกอมรสบ๊วยนะครับ คุณจะลองหน่อยไหม”
เสิ่นเสี่ยอี้ไม่อยากปริปากพูดจาจึงพยักหน้าเบาๆ ของสิ่งนี้รักษาปลายเหตุ ไม่ได้รักษาต้นเหตุ แต่ได้ผ่อนคลายลงบ้างก็เป็นเรื่องดี
จี้อิงซงเปิดเก๊ะหน้าเบาะคนนั่ง หยิบลูกอมออกมาถุงหนึ่ง มือข้างหนึ่งกุมพวงมาลัย อีกข้างหนึ่งยื่นลูกอมไปด้านหลัง เสิ่นเสี่ยอี้ยื่นมือออกไป ทว่าเอื้อมไม่ถึง
ส่วนลี่เจ๋อเหลียงที่อยู่ด้านข้างกลับใช้มือข้างหนึ่งยันคางมองไปข้างนอกอย่างตั้งอกตั้งใจ วางตัวประหนึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะให้เขาพูดจาแสดงความห่วงใยคนอื่นเลย เพราะแม้แต่มือยังคร้านที่จะยกขึ้นมาช่วยหยิบแทนเธอ ไม่ได้มีท่าทีจะช่วยเหลือแม้แต่นิดเดียว
ทั้งๆ ที่เห็นเธอเป็นทุกข์ขนาดนี้ แต่กลับไม่อนาทรร้อนใจ และยังพูดอะไรไว้นะ ‘ดูแลเพศหญิงเป็นหน้าที่ของทุกคน’
เสิ่นเสี่ยอี้รู้สึกโมโหไปชั่วขณะ ทำไมพอเขารับสายโทรศัพท์แล้วก็เกิดไม่สนใจเธออย่างไร้เหตุผลล่ะ! ตอนอารมณ์ดีก็พูดคุยมีรักไร้รักไปเรื่อยเปื่อย ตอนอารมณ์ไม่ดีไม่อยากสนใจเธอก็จับโยนไปอีกฟากหนึ่ง ถือว่าเธอไม่มีตัวตน นี่มันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายชัดๆ เลย!
เธอมองค้อนไปยังท้ายทอยของเขาแวบหนึ่งอย่างดุดัน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตำหนิติเตียน…จากนั้นก็คลายเข็มขัดนิรภัยแล้วรับเอาไว้เอง
เธอไม่ได้กินเจ้าสิ่งนี้มานานมากแล้ว เมื่อยัดใส่เข้าในปาก มีรสเปรี้ยวๆ ค่อนข้างเข็ดฟัน
เคราะห์ดีที่เส้นทางกลับมาปลอดโปร่งแล้ว รถบรรทุก รถทัวร์ และรถเก๋งคันน้อยใหญ่เริ่มขับกันออกไปด้วยความคล่องตัวอีกครั้ง ข้างหน้ารถของพวกเขาเป็นรถขนสินค้าคันหนึ่ง จี้อิงซงบีบแตรอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่ช่องทางแซงรถจนกระทั่งอ้อมไปข้างหน้า
ทันใดนั้นลี่เจ๋อเหลียงก็โพล่งประโยคหนึ่งออกมาอย่างคาดไม่ถึง “คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลางๆ ไม่แม้กระทั่งจะหันหน้ามามองเธอสักหน่อย
“ไม่เป็นไรค่ะ” ความจริงแล้วในใจของเธออยากพูดว่ายุ่งอะไรด้วยล่ะ
ฉะนั้นเธอจึงไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่ยัดลูกอมเม็ดที่สองเข้าในปาก
“ได้โปรดคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย!” ลี่เจ๋อเหลียงหันหน้ากลับมา เพิ่มคำพูดจากพื้นฐานเมื่อสักครู่นี้อีกสองคำแล้วกล่าวซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ได้ออกคำสั่งยังนับว่ามีความเกรงใจ ทั้งน้ำเสียงฟังดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน แต่ที่แตกต่างจากน้ำเสียงที่พูดเมื่อสักครู่นี้โดยสิ้นเชิงก็คือคำว่า ‘ได้โปรด’ ทำให้เสิ่นเสี่ยอี้รู้สึกว่าแหลมคมเสียดแทงหู
เธอคิดในใจ นี่มันได้โปรดที่ไหนกันล่ะ เป็นการบังคับชัดๆ ทำเป็นใจดีมีเมตตา ทำอย่างกับว่าถ้าฉันไม่ทำตามแล้วจะไล่ฉันลงรถยังไงยังงั้น ฉันไม่คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วยังไงล่ะ ฉันพอใจ เกิดเรื่องขึ้นมาฉันก็ไปหาบริษัทประกัน ไม่จำเป็นต้องให้คุณรับผิดชอบสักนิดเดียว ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเสิ่นเสี่ยอี้ถึงเกิดอาการรั้นจะไม่ลงรอยกับเขาให้ได้
“ฉันแน่นหน้าอก เวียนหัวหายใจไม่ออก คาดเข็มขัดแล้วมันอึดอัดจนลนลานไปหมด” เธอสะกดโทสะที่อัดแน่นฝืนโต้ตอบเขาอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงเบือนหน้าหนีไปอย่างแข็งกระด้าง
ลี่เจ๋อเหลียงเลิกคิ้ว “คุณเสิ่น ที่ผ่านมาผมอยากจะพูดอะไรไม่เคยพูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม อย่างน้อยอยู่บนรถคันนี้คุณก็ควรจะฟังที่ผมพูด” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดุใส่เธอ
เสิ่นเสี่ยอี้ได้ยินคำพูดนี้ก็หันหน้าไปมองเขาในทันที เมื่อสบตากับเขาสองวินาทีด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้แล้วเธอก็กล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว