(3)
ชีวิตในวันปกติของหยางวั่งเจี๋ยธรรมดาเหลือเกิน เช้าเก้าโมงเย็นห้าโมงไปมาอยู่แค่สองที่ ทั้งวันเสาร์ก็ยังทำโอทีด้วย
บ้านของเขาอยู่ในอำเภอที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ดังนั้นหลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยการจะอยู่ต่อที่เมือง A ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ทางบ้านเขาไม่ได้มีภูมิหลังอะไร บิดามารดาล้วนแต่เป็นพนักงานเกษียณจากตัวอำเภอ เนื่องจากเขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย A เป็นเวลาสี่ปี รวมถึงตะเกียกตะกายอยู่ในสายอาชีพนี้อีกหลายปี ดังนั้นเพื่อนที่รู้จักกันจึงมีมาก การได้รู้จักกับเสิ่นเสี่ยอี้จึงถือเป็นความบังเอิญโดยแท้
อาทิตย์นั้นเขาหยุดพักร้อนพอดีจึงกลับไปยังบ้านเกิดรอบหนึ่ง ด้วยความที่เขายังครองสถานะโสด ผู้เป็นแม่จึงทุกข์ใจ โทรไปหาลูกพี่ลูกน้องที่อยู่เมือง A เหมือนๆ กันแล้วส่งภารกิจนี้ให้กับพี่สาว เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นโสด แต่มักจะรู้สึกว่าในเมื่อไม่มีคนที่คุณสมบัติเหมาะสม เช่นนั้นก็ดูต่อไปแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า
วันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่สาวนัดให้เขาไปกินข้าวที่บ้าน
‘ที่บริษัทของพี่เขยนายมีเด็กสาวคนหนึ่งใช้ได้เลยนะ ดูเป็นคนพึ่งพาตัวเองดี ไม่เหมือนหนุ่มสาวสมัยนี้ที่บ้าๆ บอๆ’ พี่สาวกล่าว ‘แล้วก็เป็นคนต่างพื้นที่เหมือนกันด้วย’
จากนั้นพี่สาวก็ให้รูปถ่ายเขามาหนึ่งใบ
มันเป็นรูปถ่ายรวม หยางวั่งเจี๋ยมองตามคนที่พี่สาวชี้ไป เด็กสาวทั้งผอมทั้งสูงคนนั้นอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ระหว่างถ่ายรูปมีเพียงเธอคนเดียวที่ฉีกยิ้ม
คนคนนั้นก็คือเสิ่นเสี่ยอี้
ต่อมาหลังจากที่พบกันตอนดูตัวเป็นครั้งแรก ขณะที่เขามาส่งเธอ เธอก็เคยบอกไปแล้วว่า
‘ฉัน…ไม่รู้ว่าอู๋เหว่ยหมิงเรียกฉันมาเพราะพวกเขาสองสามีภรรยาอยากให้พวกเรารู้จักกัน
บางทีพอฉันกล่าวคำพูดพวกนี้ไปแล้วอาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ ทำให้คุณมองว่าฉันคิดเองเออเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีความคิดจะแต่งงานจริงๆ ค่ะ
ฉัน…คุณหยาง…ถ้าคุณรู้สึกว่าฉันตรงไปตรงมาเกินไปจนทำให้คุณรำคาญ ฉันก็ต้องขอโทษด้วย
ความจริงแล้ว…พวกเราเป็นเพื่อนกันทั่วๆ ไปได้ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณเห็นฉันขัดหูขัดตาล่ะก็…ไม่จำเป็นต้องฝืนหรอกนะคะ’
เสิ่นเสี่ยอี้กล่าวประโยคยาวพรืดอย่างติดๆ ขัดๆ แน่นอนว่าหยางวั่งเจี๋ยฟังเข้าใจ
หลังจากพบปะกันหลายครั้งเขาก็พบว่าเด็กสาวคนนี้เห็นเขาเป็นเพียงเพื่อนทั่วไปจริงๆ ราวกับว่าความสัมพันธ์เช่นนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในงานแต่งครั้งนั้น เขามองเห็นอยู่ไกลๆ ได้อย่างแจ่มชัด
ลี่เจ๋อเหลียงคนนั้นปฏิบัติกับเธอแตกต่างกับคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้สึกมาตลอดว่าเสิ่นเสี่ยอี้ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างซื่อสัตย์จริงใจ อีกทั้งยังใจเย็น ไม่ได้สะบัดสะบิ้งอย่างเด็กสาวคนอื่นๆ ทว่าพออยู่ต่อหน้าลี่เจ๋อเหลียงแล้วกลับไม่เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าเธอจะหน้าแดงหูแดงเพราะท่าทางที่ไม่ได้ตั้งใจหรือเพียงเพราะคำพูดของผู้ชายคนนั้น
บางครั้งคนที่อยู่ในสถานการณ์ยังงุนงง แต่คนที่มองดูกลับเห็นอย่างชัดเจน
เคราะห์ดีที่ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกเสิ่นเสี่ยอี้ก็บอกตอนจบกับเขาไว้อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ด้วยเหตุนี้เวลานั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่มากนัก เพียงแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
คืนนี้หยางวั่งเจี๋ยพักผ่อนอยู่ที่บ้านก็ได้รับสายจากอิ่นเซี่ยวเหมยอย่างไม่คิดฝัน
อิ่นเซี่ยวเหมยเป็นน้องสาวของเจ้าบ่าวในงานแต่งที่เสิ่นเสี่ยอี้ไปร่วมงานด้วยกันกับเขาเมื่อคราวก่อน
ตอนนั้นในงานเลี้ยง เพื่อนเจ้าสาวที่อยู่ข้างๆ ก็มีอิ่นเซี่ยวเหมยนี่ล่ะที่กล่าวขึ้นกับเขากะทันหัน ‘คุณคือหยางวั่งเจี๋ยเหรอคะ พี่ชายของฉันพูดถึงคุณให้ฟังบ่อยๆ’
หยางวั่งเจี๋ยเห็นเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก็คิดขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นน้องสาวของอิ่นเซียวที่เป็นเจ้าบ่าวในงาน เธอชื่อว่าอิ่นเซี่ยวเหมย เวลาเด็กสาวยิ้มแลดูหวานหยาดเยิ้ม ไม่มีมาดอย่างคุณหนูตระกูลร่ำรวย ประมาณว่าเพราะธุรกิจของตระกูลอิ่นเพิ่งจะดีขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ดังนั้นจึงไม่ได้เปลี่ยนให้สองพี่น้องมีนิสัยเลวร้ายหยิ่งผยอง
เซี่ยวเหมย เซี่ยวเหมย ชื่อสอดคล้องกับบุคคล หยางวั่งเจี๋ยคิดอยู่ในตอนนั้น
เมื่อโทรศัพท์โทรติด เสียงที่เบาและคล่องแคล่วของอิ่นเซี่ยวเหมยก็ดังขึ้น “พี่หยาง พี่ชายของฉันกับ
เสี่ยวเยวี่ยซื้อตั๋วหนังมาสองใบแต่ว่าไม่อยากดูแล้ว พี่ไปเป็นเพื่อนฉันได้หรือเปล่า”
เขาโตแล้ว ย่อมรู้ดีว่าการเชิญชวนที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจของอิ่นเซี่ยวเหมยนี้หมายความว่าอย่างไร เขากล่าว “ได้สิ แต่ต่อไปเรียกฉันว่า ‘วั่งเจี๋ย’ ก็พอนะ”
ดูหนังเสร็จอิ่นเซี่ยวเหมยก็รู้สึกหิวขึ้นมาและอยากไปกินของว่าง ทั้งสองคนจึงไปนั่งที่ร้านกาแฟ เขาถึงได้เห็นเสิ่นเสี่ยอี้กับผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากด้านใน
เสิ่นเสี่ยอี้เองก็สังเกตเห็นเขาในเวลาเดียวกัน
“หยางวั่งเจี๋ย” เสิ่นเสี่ยอี้หยุดทักทายเขา ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอเองก็ผงกศีรษะให้อย่างมีมารยาท
หยางวั่งเจี๋ยยืดตัวขึ้นตอบรับ เขาไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น เสิ่นเสี่ยอี้เองก็ไม่ได้มีแก่ใจจะแนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ายื่นมือให้โดยไม่คิด เพียงแต่ผงกศีรษะให้เช่นเดียวกัน
เสิ่นเสี่ยอี้เห็นอิ่นเซี่ยวเหมยแวบหนึ่งก็กะพริบตาปริบๆ หัวเราะคิกๆ กดเสียงให้เบาลงพลางเอ่ยถาม
หยางวั่งเจี๋ย “แฟนเหรอ”
หยางวั่งเจี๋ยแย้มยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ