บทที่ 67
ฉากรักหรรษานี้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด ดำเนินล่วงไปอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่งที่สุด
ครั้นความเร่าร้อนค่อยๆ จางหายไป ถึงเพิ่งจดจำได้ว่าที่นี่คือผืนป่าถิ่นทุรกันดาร จึงเกิดความรู้สึกกลัวตามมา
ชูหนิงข่มความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวทั่วทั้งร่าง จัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สุดท้ายก็นั่งด้วยท่าทีสับสนงุนงงอยู่บนพื้น
อิ๋งจิ่งกลัวเธอจะหนาว จึงเอาเสื้อคลุมตัวนอกของตนคลุมบนไหล่ของเธอ “เกิดอะไรขึ้น”
ชูหนิงหันหน้ากลับมามองเขาอย่างเหม่อๆ
อิ๋งจิ่งยิ้ม “จำกันไม่ได้แล้วเหรอ”
ชูหนิงส่ายหัว พูดในสิ่งที่คิดอยู่ลึกๆ มาตลอด “พวกผู้ชายอย่างนายร่างกายร้อนมากเลย”
“งั้นเหรอ คนอื่นผมไม่รู้นะ แต่ผมออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก สมรรถภาพดีทีเดียวเชียวล่ะ” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วถามเพื่อขอคำยืนยันออกมาตรงๆ “ใช่หรือเปล่า”
ชูหนิงเบะปาก ลูบที่ท้องน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ได้รู้สึกสบายเท่าไหร่”
อิ๋งจิ่งมองท้องฟ้า “โอเค ไว้คราวหน้าผมจะพยายามอีก”
ชูหนิงอารมณ์ดี ใช้ข้อศอกดันเขาทีหนึ่ง “ทีกับเรื่องแบบนี้ทำไมพยายามนักนะ”
“ไม่เคยกินเนื้อหมู แต่เคยเห็นหมูวิ่งตลอดไง อีกอย่างตอนนี้ผมเป็นคนที่เคยได้กินเนื้อหมูแล้ว”
ชูหนิงทุบเขาด้วยกำปั้น ดุด่าด้วยความโมโห “ใครเป็นเนื้อหมูยะ หา? ไหนพูดมาซิ!”
อิ๋งจิ่งเสแสร้งแกล้งทำเป็นหลบ ทั้งสองคนหัวเราะสนุกสนานเฮฮาด้วยกัน ครั้นมองสบตากันก็นิ่งเงียบ และกอดกันอย่างเป็นธรรมชาติอีกครั้ง
ชูหนิงฟังเสียงหัวใจของเขาเต้น มองดูภูเขาแม่น้ำ พวกเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างน่าประหลาด เธอหลับตาลง กอดเขาแน่นยิ่งขึ้น
อิ๋งจิ่งเอียงหน้ามา ประทับจูบลึกซึ้งตรงกลางระหว่างคิ้วเธอ
ชูหนิงไม่สามารถทำตัวสบายๆ อยู่ข้างนอกนานเกินไปได้ ขืนยังไม่กลับไปที่ปักกิ่งอีก เว่ยฉี่หลินจะต้องปลดเธอออกจากตำแหน่งแน่ ส่วนทางอิ๋งจิ่งยังต้องอยู่ที่นี่อีกสองวัน เขาอยากจะขอลาหยุด แต่ชูหนิงไม่ยอม
“โอกาสแบบนี้หาได้ยาก นายอยู่ที่นี่ตั้งใจเรียนให้ดีๆ ส่วนฉันไม่กลับไปไม่ได้แล้ว มีงานมากมายก่ายกองที่ปักกิ่งกำลังรอฉันอยู่”
ชูหนิงกำลังจัดเก็บสัมภาระ เมื่อก้มตัวลงก็เผยให้เห็นรอยบุ๋มช่วงเล็กๆ ตรงเอวที่ขาวผ่อง ด้านบนยังมีรอยแดงที่ถูกเขาบีบ
อิ๋งจิ่งเลิกยืนกรานในความคิดตัวเอง เมื่อเห็นเธอจัดแจงเก็บข้าวของเสร็จก็เดินเข้าไปหา “ให้ผมช่วยเถอะ”
หลังจากนั้นเขาก็ดึงกระเป๋าเดินทางขึ้นมาแล้วลากไปไว้ที่มุมห้อง
“ถ้านายกลับมาแล้ว ฉันจะไปรับนายที่สนามบินนะ” ชูหนิงพูดปลอบใจ
“ไม่ต้องหรอกครับ” อิ๋งจิ่งลุกขึ้นยืนตัวตรง ปัดฝุ่นที่เลอะบนมือ “ผมต้องกลับไปที่บ้าน”
“ซิ่งเฉิง?”
“อือ”
แล้วชูหนิงก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าผมกลับไปทำไม”
ชูหนิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้ว “กลับไปดื่มนม?”
อิ๋งจิ่งหัวเราะ “มีคุณแล้ว ผมยังจะต้องดื่มนมอะไรอีก?”
บนใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มจางๆ มีเจตนาชั่วร้ายอยู่ในสายตา ชูหนิงกัดริมฝีปาก ขยับฝีเท้าก้าวถอยหลังไป ทันทีที่กำลังจะหมดหนทางหนี เธอขยับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าอิ๋งจิ่งตอบสนองเร็วกว่า เอามือกอดเอวเธอไว้ทันที ดิ้นไปดิ้นมานิดหน่อยก่อนจะล้มลงไปพร้อมกัน
ชูหนิงหัวเราะคิกคัก ยันมือของเขาที่กดลงมา ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หนักจัง”
ความอ่อนโยนนุ่มนวลของเด็กหนุ่มค่อยๆ เป็นไปอย่างละเมียดละไม ระแวดระวัง ทั้งคู่หอบหายใจฝืนทนไม่ไหวอีกแล้ว ชูหนิงโอบลำคอของเขา เอาหน้าผากชนกัน ไร้ซึ่งความประหม่าและเคอะเขินเหมือนตอนที่อยู่ตรงเทือกเขาแนวผืนป่าเมื่อช่วงบ่าย ในครั้งนี้เป็นไปอย่างช่ำชองและสนองไปตามความรู้สึก
อิ๋งจิ่งรู้ว่าเธอชอบแบบไหน รู้ว่าเรี่ยวแรงประมาณไหนที่เธอจะรู้สึกสุขสมได้มากที่สุด จากเด็กผู้ชายกลายเป็นชายหนุ่ม ทั้งความเป็นผู้ใหญ่และการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเสมอ ร่างกายของคนหนุ่มร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิง ครั้นสบนัยน์ตาชุ่มชื้นสดใสของหญิงสาวก็สลายกลายเป็นไอควันม้วนลอยขึ้นมา ชูหนิงข่มกลั้นเสียงอู้อี้ กางนิ้วมือทั้งสิบลูบไล้เข้าไปในเส้นผมของเขาอย่างยากที่จะต้านทานตนเองไหว
ในค่ำคืนนี้ทั้งคู่ต่างลืมเลือนเวลา กระทั่งลืมจำนวนครั้งที่ทำไป
รู้แค่ว่าหลังจากเที่ยงคืนก็สิ้นสุดแล้ว อิ๋งจิ่งลงไปซื้อของอีกครั้ง เมื่อกลับมาอีกรอบก็หิ้วถุงพลาสติกอยู่ในมือส่งเสียงดังกระวนกระวาย ชูหนิงหยิบออกมาดู เป็นแพ็กปริมาณสุดคุ้ม หนึ่งโหลแถมฟรีสองอัน
อิ๋งจิ่งวิ่งมาจนหอบหายใจไม่ทัน อธิบายแบบลวกๆ ว่า “ที่นี่ไม่มีแบบที่ดีกว่านี้แล้ว หลังจากกลับไป ไว้เราลองดูสักรอบดีไหม”
ดีบ้าอะไรยะ
ชูหนิงกดตรงกระดูกก้นกบที่นูนออกมาเล็กน้อยของเขา ก่นด่าเบาๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง “ครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
อิ๋งจิ่งเบะมุมปาก “คุณไม่ได้รู้สึกสบายหรอกเหรอ” ไม่รอให้เธอตอบ เขาก็ตอบเองว่า “ผมเห็นคุณตัวสั่นกระตุกตั้งหลายครั้ง”
ชูหนิงใบหน้าร้อนผ่าว ทำเสียงไม่พอใจ หยิกตรงแขนที่แข็งแรงของเขาอย่างรุนแรง “อายบ้างไหม!”
อิ๋งจิ่งจูบปิดปากของเธออย่างหน้าไม่อายและพูดอย่างอ่อนโยนที่สุด “ชูหนิง ผมดีใจมากจริงๆ นะ ที่ทำให้คุณมีความสุขได้”