Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว
ทดลองอ่าน Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว บทที่ 1-บทที่ 2
ชิวจวิ้นหลินเหลือบตามองหนิงเหมิง หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือ เขาได้ยินว่าในเวลาวิกฤตถ้าส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหาหนิงเหมิง ไม่แน่ว่าอาจจะรอดก็ได้ แต่เลขาฯ สาวกลับหลบสายตา ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึก
ใช่ว่าหนิงเหมิงจะไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่เธอเป็นเพียงแค่เลขานุการ ถ้าสอดมือเข้าไปยุ่งทุกเรื่องก็จะให้ค่าตัวเองมากเกินไป
ชิวจวิ้นหลินเห็นว่าการขอร้องไร้ผลจึงเก็บสายตากลับมา ทำใจให้สงบแล้วก็พยายามอธิบายท่ามกลางคำตำหนิติเตียน
“ประธานลู่ครับ ตอนที่ผมรับโปรเจ็กต์นี้มาได้ยินพวกเขาบอกว่าตอนนั้นคุณเองก็ยอมรับคุณสมบัติของบริษัท…”
หนังตาหนิงเหมิงกระตุกเบาๆ จบกัน เลือกจะแทงจุดอ่อนของบอส
แล้ววินาทีถัดมาลู่จี้หมิงก็หยิบรายงานทางการเงินเขวี้ยงไปที่ตัวของชิวจวิ้นหลินทันที
“ผมยอมรับยังไง! ผมปั๊มลายนิ้วมือหรือว่าเขียนในสัญญาว่าเห็นชอบด้วย? หา!?”
ชิวจวิ้นหลินรีบหุบปากก้มตัวลงเก็บเอกสาร
จนกระทั่งเขาลุกขึ้นมา ลู่จี้หมิงก็เอ่ยถาม “ทำไมกิจการถึงได้ขาดสภาพคล่อง กำไรลดลงอย่างหนัก ตรวจสอบหาสาเหตุที่ชัดเจนแล้วหรือยัง”
ชิวจวิ้นหลินเรียบเรียงคำพูดอย่างระมัดระวัง “ประธานกรรมการของบริษัทเกิดปัญหา ทั้งครอบครัวนั่งรถคันเดียวกันออกไปแล้วประสบอุบัติเหตุ เขากับภรรยายังโชคดี อยู่ไอซียูแค่อาทิตย์เดียวก็ออกมาได้แล้ว แต่ตอนนี้ลูกชายยังนอนอยู่ในไอซียู…สถานการณ์ทางบ้านเขาหนักหนามาก ประธานลู่ พวกเราควรจะผ่อนผัน…หรือเปล่า”
หนิงเหมิงหนังตากระตุก นี่คิดจะสอนลู่จี้หมิงตัดสินใจ รอให้เขาพ่นไฟให้ตายเลยเถอะ
ผลก็คือลู่จี้หมิงขัดจังหวะขึ้นอย่างโมโห “เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย ผมทำการลงทุน ไม่ได้ทำมูลนิธิการกุศล! นายทำเป็นคนดี บ้านเขาเกิดเรื่อง คนอื่นในบริษัทเขาเป็นไม้ประดับหรือไง ไม่มีใครขึ้นมาแทนได้เลยเหรอ ระบบการบริหารของบริษัททำไมถึงไม่รอบด้าน แล้วจะระดมทุนอะไร จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์อะไรกัน!”
ชิวจวิ้นหลินขยับปากคิดจะพูดแก้ตัวอะไรสักหน่อย แต่หนิงเหมิงทนดูต่อไปไม่ได้จริงๆ ได้โอกาสจึงพูดขึ้นมา
“ประธานลู่ พบคุณหลิวอี้เทียนก่อนดีไหมคะ เขารออยู่ด้านนอกมานานแล้ว”
ลู่จี้หมิงหันมาตวาดใส่เธออย่างหงุดหงิด “ผมจะต้องเจอใครก่อนต้องให้คุณคอยสั่งการ?” ก่อนจะสูดหายใจเปลี่ยนน้ำเสียงที่พูด “ยืนบื้ออยู่ทำไม เรียกเขาเข้ามาสิ!”
หนิงเหมิงพยายามจะไม่กลอกตา เธอโดนลูกหลงเลือดอาบไปทั้งตัวโดยไม่เกี่ยวข้องเลยสักนิด…
ลู่จี้หมิงมองไปที่ชิวจวิ้นหลินแล้วโบกมือไล่อย่างหงุดหงิด ชิวจวิ้นหลินอ้ำๆ อึ้งๆ แล้วถอยออกจากห้องไป
หนิงเหมิงเชิญให้หลิวอี้เทียนเข้ามา จากนั้นตัวเองก็เดินออกไป
ชิวจวิ้นหลินมองเธอขณะที่เดินออกมา เขาขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
“หนิงเหมิง ผมเพิ่งมาทำงานไม่นาน ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า ได้ยินว่าคนอื่นบอกให้คุณช่วยคุณก็ช่วย แต่พอถึงผมคุณกลับไม่สนใจ?”
หนิงเหมิงอธิบายอย่างอดทน “คุณชิว อะไรที่ช่วยทุกคนได้ฉันก็พยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่พูดกันจริงๆ นะคะ ฉันก็เป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น จะว่าไปคุณก็เห็นแล้วนี่ ฉันเพิ่งโดนตะคอกว่ายุ่ง ตอนนี้คุณก็ออกมาได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
ชิวจวิ้นหลินหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะเย็นชาอย่างประหลาด จากนั้นก็เก็บรอยยิ้ม ทำหน้าบึ้งแล้วหันหลังเดินกลับไป
หยางเสี่ยวหยางเดินเข้ามา รู้สึกไม่พอใจแทนหนิงเหมิง “นี่มันอะไรกัน ถ้าช่วยก็ถือว่ามีน้ำใจ ไม่ช่วยก็ถือว่าทำตามหน้าที่ นี่ทำกันซะเหมือนกับคุณไปติดค้างบุญคุณเขาอย่างนั้นแหละ! อาเหมิง คุณว่าเขาสติไม่ดีหรือเปล่า คนทั้งบริษัทคนที่ไม่ควรจะหาเรื่องก็คือคุณนี่แหละ! จะว่าไปเขาก็ทำงานที่นี่มาตั้งหลายเดือนแล้ว ทำไมแม้กระทั่งสถานการณ์ทั่วไปของบริษัทก็ยังไม่รู้จักทำความเข้าใจให้ดีซะก่อน”
หนิงเหมิงเกือบจะสะดุดล้มด้วยคำพูดนี้ อีกฝ่ายทำเหมือนกับเธอเป็นขันทีใหญ่ที่พูดแล้วฮ่องเต้โหดจะยอมฟัง
ผ่านไปสักพักหลิวอี้เทียนก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ก่อนจะจากไปก็พูดกับหนิงเหมิง
“ประธานลู่เรียกคุณเข้าไปน่ะ!”
หนิงเหมิงกระซิบถามเสียงเบา “อันตรายหรือเปล่า”
หลิวอี้เทียนตอบกลับไปว่า “สำหรับคนอื่นทุกที่เต็มไปด้วยระเบิด แต่สำหรับคุณ ไม่เป็นไร คุณเป็นตัวต้านขีปนาวุธ”
หนิงเหมิงมีสีหน้าเซ็งๆ เธอไม่ใช่หมอกควัน จะไปต้านขีปนาวุธได้อย่างไร…
เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานท่านประธาน
ลู่จี้หมิงสั่งเธอทันที “ได้ยินว่าครอบครัวของคุณถังเข้าโรงพยาบาลกันทั้งบ้านใช่ไหม คุณหาเวลาไปโรงพยาบาลเสียเหอ ดูคุณถังแล้วก็ลูกเมียเขาหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง”
คุณถังก็คือประธานกรรมการบริษัทเครื่องแต่งกายที่เกิดอุบัติเหตุทั้งครอบครัวนั่น
หลังจากหนิงเหมิงรับคำสั่ง เธอก็แกล้งพูดออกไป “เข้าใจแล้วค่ะ ขอเพียงพวกเขายังมีลมหายใจอยู่ ฉันก็จะไล่บี้ให้คุณถังรีบใช้หนี้ให้ได้”
ลู่จี้หมิงเคาะโต๊ะ “จะทำอะไร! ผมให้คุณไปทวงหนี้หรือไง ผมให้คุณไปดูว่าลูกชายของคุณถังบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง มีชีวิตรอดหรือเปล่า ครอบครัวเขาติดขัดเรื่องอะไร เรื่องสภาพคล่องในบริษัทต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า!” พูดถึงตรงนี้ก็มองไปที่หนิงเหมิงซึ่งกำลังเลิกคิ้วอย่างท้าทาย เขาเริ่มจะยัดเยียดอธิบายต่อว่า “ผมไม่ได้คิดจะทำการกุศล ผมก็แค่กลัวว่าเงินที่ลงทุนไปจะสูญเปล่า!”
หนิงเหมิงก็ได้แต่แอบค้อนอยู่ในใจ
จอมพ่นไฟลู่จี้หมิง คุณก็ดื้อดึงให้เต็มที่นะ พรุ่งนี้ก็ดื้อดึงให้ตายไปเลย ต่อให้ขอร้องฉันก็ไม่ไปเก็บศพให้หรอก ถือว่าฉันไม่มีคุณธรรมก็แล้วกัน
เชิงอรรถ
* หม่าจิ่งเทา เป็นนักแสดงชาวไต้หวัน คนทั่วไปรู้สึกว่าเขาเป็นนักแสดงที่แอ็กติ้งเกินความจริงไปมาก โดยเฉพาะบทโมโห
** หลิวอี้เทียน มีความหมายว่าหนึ่งวัน
* คณะเต๋ออวิ๋น เป็นคณะเซี่ยงเซิงที่มีชื่อเสียงของปักกิ่ง เซี่ยงเซิงคือศิลปะการแสดงเล่าเรื่องตลกหรือร้องเพลงเพื่อสร้างความบันเทิงให้ผู้ชม ผู้แสดงเซี่ยงเซิงจะเป็นผู้ชายใส่ชุดฉางซันคือเสื้อตัวยาวแขนยาว กระดุมจีนผ่าข้าง โดยเซี่ยงเซิงสามารถมีผู้แสดงหนึ่งคนขึ้นไปจนถึงเป็นกลุ่มคณะ
* ลี้ (หลี่) เป็นหน่วยมาตราวัดของจีน เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร
* วาณิชธนกิจ (Investment banking) คือ สถาบันทางการเงินซึ่งทำหน้าที่ระดมเงินทุน, ซื้อขายหลักทรัพย์, บริหารการควบรวมและซื้อกิจการ รวมถึงให้คำปรึกษาในธุรกรรมข้างต้นและธุรกรรมทางการเงินประเภทอื่น เช่น การปรับโครงสร้างหนี้, การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ, ทำรายงานวิจัย, ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เป็นต้น
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น