บทที่ 5 หญิงสาวที่ถูกมองข้าม
การไปชมคอนเสิร์ตเมื่อคืนนี้ทำให้วันนี้ฉันกับฝ้ายไม่อยากตื่นเช้า เราหลับอยู่ในห้องนอนตัวเองจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ด้านนอกดังขึ้น และดังอยู่นานอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงียบหายไปง่ายๆ ในที่สุดฉันก็ฝืนลุกจากที่นอนออกไปรับโทรศัพท์
เสียงจากปลายสายทำให้อึ้งไปนาน…เควิน!
ฉันกระแอมเบาๆ และคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามประดิษฐ์สุดชีวิตเพื่อไม่ให้คนฟังรู้ว่าเพิ่งจะตื่นนอนเอาตอนที่สายป่านนี้
“ผมโทรมารบกวนเวลานอนรึเปล่าครับ”
ฉันควรอายรึเปล่านะ ที่เขารู้ว่าจะเที่ยงแล้วยังไม่ตื่น… “เปล่าค่ะ ไม่รบกวนเลย”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับพวกคุณ อีกซักชั่วโมงผมเข้าไปหาได้ไหมครับ”
“ค่ะ เข้ามาได้เลย วันนี้พวกเราไม่ออกไปไหน”
หลังจากวางสาย ฉันรีบอาบน้ำแต่งกายอย่างพิถีพิถันภายใต้คอนเซ็ปต์เรียบเก๋เสน่ห์แรง ไม่ลืมเคาะห้องบอกฝ้าย โทรศัพท์ไปแจ้งต้า รู้สึกเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลจะมาเยี่ยมบ้านยังไงยังงั้น คงเพราะพวกเราให้ความสำคัญกับเพื่อนใหม่อย่างเควินเป็นพิเศษ เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทำให้เราประทับใจทั้งในจอและตัวเป็นๆ ดังนั้นเราจึงรู้สึกดีกับเขาและดีใจมากที่เขาจะมาหา
ฉันคาดเดาเหตุผลในการมาวันนี้ของเควินไม่ได้เลย กระทั่งเขามานั่งอยู่ในห้องด้วยสีหน้าแปลกไปจากครั้งก่อนๆ ที่เคยเจอ เควินแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา กางเกงยีนสีดำ สวมแว่นสายตาใสแจ๋ว ผมยุ่งๆ ไม่ได้จัดทรง และมีกระเป๋าสะพายเฉียงหนึ่งใบ ทุกอย่างดูปกติดี ยกเว้นสีหน้าและแววตาที่เขามองดูพวกเราคล้ายมีเรื่องลำบากใจบางอย่าง
“คือว่า…” เขาเริ่มเรื่องด้วยสีหน้าเกรงใจ ทำให้พวกเราแทบจะชะโงกหน้าเข้าไปหาใกล้ๆ อีกนิดเพื่อจดจ่อรอฟัง “ทางทีมงานปรึกษากันว่า อยากให้คุณต้ากับคุณฝ้ายมาร่วมงานในเอ็มวีตัวแรกอัลบั้มใหม่ผม เลยให้ผมลองมาคุยดูก่อน”
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง
“หมายความว่าเราจะได้เป็นนางเอกเอ็มวีของเควิน!?” ต้าถามย้ำด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นเต้น
ตอนฟังคำบอกเล่าของเควิน ฉันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรงด้วยรถสิบล้อ ก่อนจะถูกมันถอยกลับมาทับซ้ำด้วยคำถามตอกย้ำของยายต้า
ไม่นะ ไม่ๆๆ ทำไมฉันต้องอิจฉาด้วยที่เป็นเพียงคนเดียวซึ่งถูกเมิน ถูกแบ่งแยกชนชั้น ถูกมองข้ามหัว กลายเป็นบุคคลตกสำรวจ ไร้ค่าและไม่เป็นที่ต้องการในสายตาผู้คน ใครก็ได้ช่วยที ตอนนี้ฉันปั้นหน้าไม่ถูก รู้สึกปวดกรามที่ต้องวางสีหน้าให้ปกติที่สุด ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือทำหน้ายังไงดี ควรพูดอะไรออกมาไหม แล้วทำไมอยู่ๆ สายตาก็เบลอมองไม่ค่อยชัด หูก็เริ่มตึงๆ เหมือนประสาทสัมผัสเสื่อมสภาพและใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ
คำบอกเล่าของเควินทำให้ต้ากับฝ้ายพากันตื่นเต้นดีใจ แม้จะออกตัวว่ายังรับปากไม่ได้เพราะต้องปรึกษากับครอบครัวก่อน เควินบอกเหตุผลทั้งหมดเกี่ยวกับความต้องการของทีมงานในครั้งนี้ว่าเนื่องจากผู้คนให้ความสนใจต้ากับฝ้ายเพราะข่าวเรื่องความรักกับเขาในตอนนั้น แล้วโดยส่วนตัวแล้วต้ากับฝ้ายก็ต่างก็มีภาพลักษณ์ที่ดี มีบุคลิกสวยโดดเด่นเฉพาะตัวอย่างแตกต่างกัน และมีชีวิตส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ หากมาร่วมงานกับเขาก็จะทำให้ผลงานเป็นที่น่าสนใจและจับตามองมากขึ้น และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาไปด้วย
เควินเล่ารายละเอียดทุกอย่างตามตรงโดยไม่ปิดบัง เขาก็ไม่คิดจะบังคับหรือขอร้องให้ต้ากับฝ้ายยอมรับงานนี้ แต่ปล่อยให้เธอสองคนตัดสินใจเองเต็มที่ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเธอต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน เพราะอาการดี๊ด๊าที่เห็นคือหลักฐานชัดเจนจนน่าหมั่นไส้…
อ๊ะ! นี่ฉันกำลังอิจฉาตาร้อนชัดๆ การอิจฉาเพื่อนรักตัวเองจนรู้สึกแบบนี้มันเป็นสิ่งที่แย่มาก ไม่นะ ไม่มีทาง ฉันจะไม่ทำตัวแบบนั้นเด็ดขาด!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันรู้สึกราวเหมือนถูกทิ้งไว้เดียวดายกลางทุ่งกว้าง เรือนผมยาวสลวยปลิวไสว ชุดกระโปรงบานสีพาสเทลถูกสายลมเย็นยะเยือกพัดสะบัดพลิ้วอยู่กลางความหนาวเพียงลำพัง…
แย่แล้ววว อาการเดิมของฉันเริ่มกำเริบขึ้นมาอีกจนได้!