ชายหนุ่มมองดูเธอกอดเขาไว้แน่น ท่าทางที่วางใจอย่างเต็มที่ หญิงสาวดูสับสนมึนงง ไม่รู้เลยว่าในหัวเขานึกถึงภาพที่ไม่บริสุทธิ์ใจซึ่งมักปรากฏอยู่ในหนังผู้ใหญ่ที่แต่ละตอนยาวหนึ่งร้อยยี่สิบนาที…เพียงแค่คิดโจ้วชวนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
จู่ๆ การกระทำของเขาก็เปลี่ยนเป็นเนิบช้าอย่างยิ่ง ราวกับว่าต้องการจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวินาที จึงจงใจเปลี่ยนจังหวะการเคลื่อนไหว…
เขาค่อยๆ ประคองใบหน้าเธอขึ้นมาจากอ้อมอก ให้เธอเงยหน้ารับจูบของตน ทันใดนั้นความอ่อนนุ่มของปลายลิ้นที่ล่วงล้ำเข้าไปในกลีบปากและความเคลื่อนไหวของมือเขาก็ทำให้เธอเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขาจูบดูดดื่มยิ่งขึ้น กลืนกินเสียงครวญครางและความตื่นตระหนกทั้งหมดของเธอลงท้องไป…
เขารู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ในอ้อมอกสั่นระริกเพราะการกระทำเล็กๆ น้อยๆ จากปลายนิ้วของเขา เมื่อปล่อยริมฝีปากให้เธอได้หายใจ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็พร่ามัว พิงบนตัวเขาและพ่นลมหายใจอันร้อนรุ่มออกมา ทำให้ซอกคอของเขาชื้นเล็กน้อย
อากาศราวกับร้อนระอุขึ้นมา…
เขาก้มตัวลงจูบกลีบปากของเธอ ถ่ายทอดความร้อนที่ทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย
เสียงเสียดสีของเสื้อผ้าล้วนกลายเป็นเพลงกล่อมนอนที่ดีที่สุดในโลก
และชูหลี่เองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก มือที่อ่อนปวกเปียกของเธอยึดแผ่นหลังของเขาไว้ ทั่วทั้งร่างราวกับสูญสิ้นพลังไปหมดแล้ว
ชั่วพริบตานั้นเธอคิดจะหวีดร้อง กระชากผมของเขาแล้วด่าด้วยความเดือดดาลว่า ‘ไม่ต้องถูกันแล้ว มาทำกันเถอะ’ แต่คำพูดนี้หลังจากวนเวียนอยู่ในลำคอสามร้อยตลบ ท้ายที่สุดเธอก็กลืนกลับลงไปในท้อง…
“โจ้วชวน โจ้วชวน…อาจารย์”
“หืม?”
“ฉันคิดว่า…ตอนนี้ยังเร็วเกินไป” คำว่าเร็วของชูหลี่เกือบจะแปร่งเพราะการกระทำของเขาที่งอปลายนิ้วขึ้น ลมหายใจของเธอกระชั้นราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนแปดร้อยเมตรเสร็จ จิกนิ้วเท้าแน่น “…ฉันกลัว”
ท่าทีของชูหลี่จริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพูดออกมาน้ำเสียงจึงสั่นเครือ…โจ้วชวนรับรู้ได้ถึงความเขินอายและความกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นต่อไปนี้ เพราะเธอกำลังสั่นระริกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสิ้นท่าจริงๆ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างเกร็งไปหมด
“…”
เวลานี้ริมฝีปากของชายหนุ่มอยู่ที่ริมหูเธอ พอได้ยินดังนั้น ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ถูไถใบหูเธอ เอามือที่ทำมิดีมิร้ายของตนเองออกไป…ปฏิกิริยาตอบสนองด้วยคำว่า ‘ฉันกลัว’ โจ้วชวนจึงไม่ได้เอ่ยคำพูดโอ้โลมอะไรอีก เพียงแต่ส่งเสียง “อืม” เบาๆ และทุ้มต่ำจนทำให้ใจแทบละลาย ชั่วพริบตาคำที่ชูหลี่นึกถึงในตอนนี้มีเพียง ‘จอนผมเสียดสี’ รวมถึง ‘เปียกชุ่มด้วยน้ำลาย’
‘อืม’ หมายถึงผมรู้แล้ว
ชูหลี่ค่อยๆ ปล่อยโจ้วชวน ขยับถอยหลังไปนิดหนึ่ง ดวงตาแดงก่ำมองชายหนุ่มที่ดึงกระดาษทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดมือเรียวยาวข้างนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์…
หลังจากเช็ดแล้ว กระดาษสีขาวบริสุทธิ์ก็เปื่อยยุ่ยเพราะเปียก…ทว่าใบหน้าของเขากลับเป็นธรรมชาติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ชูหลี่มองโจ้วชวนโยนกระดาษทิชชูก้อนนั้นทิ้งตาปริบๆ รู้สึกว่าตนเองอยากหายไปจากโลกให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย…ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว
หญิงสาวกุมหน้า ตอนนี้เองชายหนุ่มที่เดิมทีนั่งอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นยืน โน้มตัวไปดึงมือของเธอที่กุมหน้าไว้ออก งอนิ้วเขกหน้าผากเธอ “ผมจะไปจัดการตัวเองที่ห้องน้ำสักหน่อย คุณสั่งดีลิเวอรี่ก็แล้วกัน” ชูหลี่นิ่งงัน เงยหน้ามองเขา ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “คุณหิวแล้วไม่ใช่เหรอ”
เธอร้อง “อ้อ” พลางพยักหน้า โจ้วชวนมองท่าทางทำตัวไม่ถูกของเธอก็ถอนหายใจแล้วปล่อยมือ ขณะกำลังหมุนตัวเตรียมจะออกไป ตอนนี้เองจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามุมหนึ่งของชายเสื้อถูกดึงไว้ เขาหยุดชะงัก พอหันกลับไปก็เห็นศีรษะดำขลับของเธอ
“…ยังมีอะไรอีก”
ชูหลี่ก้มหน้า ใบหน้าแดงก่ำ ดึงชายเสื้อของเขาไว้แน่น