โจ้วชวน : ขอเตือนสาวๆ ทั้งหลาย ผู้ชายพอได้ลิ้มรสหวานครั้งหนึ่งแล้วก็เหมือนกับหมาป่าผู้หิวโหยลิ้มรสคาว ไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว
“…”
โพสต์ชี้นำในเวยป๋อโพสต์นี้มีพลังมาก ทำให้ผู้คนลืมกันไปชั่วคราวว่าโจ้วชวนกำลังอยู่ท่ามกลางลมฝนคาวเลือด บรรดาขามุงต่างถามคำถามกันอย่างกระตือรือร้น
‘ไม่ทราบว่าคุณโจ้วชวนลิ้มรสคาวครั้งแรกเมื่อไร’
โจ้วชวนกดถูกใจคำถามนี้ท่ามกลางคอมเมนต์เป็นหมื่นเป็นพัน ชายหนุ่มตอบอย่างมีนัยลึกซึ้ง
‘วันที่สามของการขาย ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ไงครับ 🙂’
ตอบแบบนี้ยิ่งทำให้ผู้คนคาดเดากันอย่างช่วยไม่ได้…
องค์ชายโจ้วชวนผู้อ่อนโยนดั่งหยกกำลังพูดเรื่องอย่างว่า หรือกำลังพูดถึงเรื่องขายหนังสือกันแน่
ถ้าคาดคั้นเอาคำอธิบายล่ะก็ คำพูดนี้ก็เข้าใจได้ว่า ‘ถ้ามีหนังสือที่ขายดีสักครั้งหนึ่งก็ไม่มีทางยอมรับความล้มเหลวในเล่มต่อไปได้’ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้อย่างไรว่าคำพูดนี้เกี่ยวข้องกับการที่ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ขายดี…แต่ถึงอย่างนั้นส่วนใหญ่โจ้วชวนก็มักจะพิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว
หลายวันมานี้เวยป๋อของโจ้วชวนแทบจะไม่ส่งแจ้งเตือนที่ให้บรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลายเสียเลย พอเห็นอย่างนี้เหล่าแฟนๆ นักอ่านจึงถือโอกาสคอมเมนต์แซวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้นมา
ทว่าบนโลกใบนี้นอกจากโจ้วชวนแล้วก็คงจะมีแค่คนคนเดียวที่รู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่สามของการเปิดพรีออเดอร์ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’…พูดง่ายๆ ก็คือมี บ.ก. ตัวเล็กๆ คนหนึ่งเพิ่งจะสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่อย่างหนังสือขายดีประจำปี แต่หันหน้าไปก็ได้รับความไม่เป็นธรรมจากสำนักพิมพ์ กลับถึงบ้านจึงร้องห่มร้องไห้กับนักเขียน จากนั้นก็ประคองใบหน้าเขา เอาเปรียบเขา และปล่อยให้เขาเอาเปรียบ
ชูหลี่ “…”
หนึ่งนาทีให้หลัง เจียงอวี่เฉิงก็แชร์โพสต์โดยใช้คำว่า ‘คนทะลึ่ง’ อย่างรวบรัด พอคิดถึงทุกรายละเอียดของจูบที่น่าอับอายในวันนั้น ชูหลี่ก็หน้าแดง หัวใจเต้นเร็วขึ้น จากนั้นก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ด้านล่างโดยใช้บัญชีสำรอง…
‘เจ้าของโพสต์ทำอนาจาร รายงานแล้ว’
วันต่อมาทั้งสองนั่งเครื่องบินไปยังเมือง C
และเย็นนั้นเองก็ได้รับเชิญไปร่วมทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารร้านหนึ่งในเมือง C
…ชูหลี่เคยจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ขณะมาพบหน้าคนในครอบครัวของโจ้วชวนเป็นหมื่นครั้ง อาจจะเข้มงวด อาจจะเป็นกันเอง อาจจะเต็มไปด้วยความสงบสุขเพียงฉากหน้า…อย่างน้อยต่อหน้าคนนอก อาจารย์โจ้วกู้เซวียนคงจะทำตัวเป็นพ่อที่เมตตาต่อลูกชายที่กตัญญูสักหน่อย ดีร้ายอย่างไรก็เป็นห่วงสภาพในช่วงเวลาเช่นนี้ของลูกชายสักหน่อย อย่างไรเสียโจ้วชวนก็ถูกเหน็บแนมจนแทบจะกลายเป็นศพแห้งกรังซากหนึ่งอยู่แล้ว
หญิงสาวจินตนาการไปต่างๆ นานา ดังนั้นก่อนมุ่งหน้าไปทานมื้อค่ำ เธอจึงกำหนดบทบาทต่างๆ มากมายให้ตนเองเพื่อที่จะเอาใจผู้ใหญ่…
เธอเข้มงวดต่อบทบาทมากถึงขั้นเมื่อเข้าไปในร้านอาหารแล้วไม่อนุญาตให้โจ้วชวนจูงมือเธอเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนในครอบครัวของโจ้วชวนรู้สึกว่าเธอคือยายปีศาจที่ทำตัวเหลาะแหละ…ขณะที่โจ้วชวนคิดว่าการทำแบบนี้มันไร้สาระมาก
“ทางที่ดีที่สุดคุณจำเอาไว้แค่ว่าตอนนั้นผมเป็นฝ่ายบอกชอบคุณครั้งแรกจนคุณกระโดดโลดเต้นในเวยป๋อ แถมยังโพสต์ถามคนในเวยป๋ออย่างกับหมาบ้าเสียสติ”
“…โกหก คุณไม่มีเวยป๋อส่วนตัวของฉันสักหน่อย”
“ผมมี มาคอมเมนต์ในเวยป๋อผมทุกวัน คนที่ยากจะปกปิดความรักได้ตอนที่คอมเมนต์ข้อความเหน็บแนมมีแค่คุณคนเดียว”
“…”
ชูหลี่ผลักโจ้วชวนทีหนึ่ง ปัดมือของเขาที่ยื่นมา…ทั้งสองคนเคียงข้างกัน แม้ว่าจะสวมชุดคู่รักที่เป็นโทนสีเดียวกัน แต่เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร หญิงสาวเปลี่ยนเป็นเดินเชิดหน้ายืดอกเล็กน้อย ทำหน้าจริงจังมีกาลเทศะ ราวกับว่าเธอกับโจ้วชวนมีความสัมพันธ์เป็นแค่ บ.ก. กับนักเขียนที่บริสุทธิ์ใจต่อกันเท่านั้น
จากนั้นก็เห็นพ่อแม่ของโจ้วชวนอยู่ในห้องวีไอพีที่จองไว้เรียบร้อยแล้ว