ต่อมาเป็นวันพุธ โจ้วชวนไม่มีความเคลื่อนไหว
วันพฤหัสบดี โจ้วชวนยังคงเงียบ
วันศุกร์ โจ้วชวนเงียบต่อไปจนทำให้ชูหลี่อยากจะเตือนเขาว่า ‘คุณมีต้นฉบับอยากให้ฉันอ่านหรือเปล่า’
จากนั้นก็เป็นวันเสาร์
ขณะที่คนทำงานพักผ่อน ขณะที่เด็กประถมไม่ต้องไปเรียน ขณะที่ชูหลี่คิดอย่างปวดหัวว่าเรื่องราวทั้งหมดยังไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิด เธอเตรียมตัวใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่แย่ที่สุดในชีวิตด้วยความหดหู่ใจ เช้าวันเสาร์ ชูหลี่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เปิดโทรทัศน์ดูด้วยความเคยชิน จากนั้นก็ตะลึงงัน เพราะพบว่าที่พ่อสามีของเธออยู่ในโทรทัศน์
“…”
โจ้วกู้เซวียนปรากฏตัวในรายการ ‘ทอล์กโชว์’ ที่เรตติ้งสูงมาก ได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างยิ่ง ทุกบ้านแทบจะดูกันหมดในตอนเช้าและเวลากินอาหารเช้า…ขณะนั้นเขากำลังพูดเรื่องของโจ้วชวน
“เมื่อนานมาแล้วสักช่วง ม.ห้า ม.หก โจ้วชวนเคยเอาต้นฉบับที่เขาเขียนมาให้ผมอ่าน…ในที่นี้ผมใช้คำว่า ‘เขียน’ เพราะเป็นการเขียนทีละตัวอักษรลงบนกระดาษ…ตอนนั้นผมบอกเขาว่าโจ้วชวน ถ้าแกอยากเขียนหนังสือล่ะก็ ฉันจะสนับสนุนแก แต่แกยังเด็ก อยากเขียนหนังสือก็ไปเขียนสิ่งที่จริงจังหน่อย สิ่งพวกนี้จะเป็นผลดีต่อแก
ทำไมฉันพูดอย่างนี้น่ะเหรอ…เพราะว่าตอนที่แกกำลังเขียนสิ่งที่จริงจังน่ะ ยกตัวอย่างเช่นแกเขียนนิยายประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถัง ในฐานะนักเขียน แกก็ต้องไปค้นคว้า ต้องคาดหวังว่าผลงานของตัวเองจะมีข้อมูลครอบคลุมไปทุกด้าน ดังนั้นระหว่างที่แกกำลังศึกษาค้นคว้าก็จะได้สัมผัสกับความรู้มากมายที่ไม่ได้จากห้องเรียน ความรู้พวกนี้จะเป็นความรู้ตกตะกอนและจะติดตัวแกตลอดไป ใช้เป็นประโยชน์ได้ตลอดชีวิต
นี่เป็นทัศนคติที่ฉันคิดว่าวัยรุ่นควรจะมีต่องานเขียนของตัวเอง…ไม่ใช่พอเริ่มเขียนก็นึกถึงแต่ชื่อเสียง นึกว่าตัวเองจะได้เป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์อะไรนั่น นึกถึงเรื่องเงินทอง…สิ่งเหล่านี้หลังจากแกโตขึ้นค่อยสัมผัสมันยังไม่สายหรอก ตอนเริ่มเข้าวงการแกควรมีทัศนคติที่ดีและบริสุทธิ์เพื่อเผชิญหน้ากับการเขียนต่อไป”
“อาจารย์โจ้วกู้เซวียนพูดถึงงานเขียนในปีแรกของอาจารย์โจ้วชวนกับเราที่นี่ งั้นเรากลับไปที่ประเด็นหลักของวันนี้กันนะครับ อาจารย์ ตอนนั้นคุณได้ชี้แนะแนวทางการเขียนเรื่อง ‘บันทึกแห่งบูรพา’ ให้อาจารย์โจ้วชวนจริงหรือไม่ครับ”
พิธีกรยิ้มแล้วส่งไมค์ให้โจ้วกู้เซวียน
“เมื่อครู่นี้ผมก็กำลังตอบคำถามนี้ยังไงล่ะครับ สิ่งที่เขาเขียนในตอนนั้นผมไม่เห็นด้วยและไม่คิดว่าเขาจะต้องรีบร้อนโด่งดังในฐานะนักเขียน…ดังนั้นผมไม่มีทางทำเรื่องฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติพรรค์นี้หรอก
ผมรู้ว่าตอนนี้ในอินเตอร์เน็ต ผู้คนรู้สึกว่าผลงานแจ้งเกิดเรื่องแรกของเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ผลงานเรื่องแรกของเขา ก่อนหน้านี้เขาเคยมีประสบการณ์สร้างสรรค์งานเขียนที่ยาวหลายแสนตัวอักษรมาก่อน…”
กล้องของรายการแพนไปทางผู้ชมที่อยู่ในที่นั้น ทุกคนล้วนตกตะลึง แต่ละคนต่างทำสีหน้าเหมือนกับบอกว่า ‘เรื่องนี้พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย’
อาจารย์โจ้วกู้เซวียนใบหน้าไร้อารมณ์
“เพราะผลงานเรื่องนั้นทำให้เราพ่อลูกทะเลาะกันใหญ่โต โจ้วชวนฉีกต้นฉบับส่วนหนึ่งทิ้งและอีกส่วนหนึ่งเผาทิ้งต่อหน้าผม ส่วนต้นฉบับที่เหลือผมไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้ว ถ้าพวกคุณสนใจล่ะก็ ไปขอดูจากเขาได้…”
ผู้ชมในรายการส่งเสียงฮือฮา เสียงถกเถียงกันดังกระหึ่มไปทั่วสารทิศ