“ผมไม่เรียบร้อยสะอาดสะอ้านยังไง”
“คุณไม่ได้สระผมมากี่วันแล้วเนี่ย”
“…”
“อาบน้ำหรือยัง”
“กางเกงใน ผมเปลี่ยนกางเกงในทุกวันนะ”
“ไม่อาบน้ำแล้วเปลี่ยนกางเกงในจะมีประโยชน์อะไร”
“ผมต้องป้องกันไม่ให้เกิดอารมณ์วู่วามจนทำให้ตัวเองจมน้ำตายในอ่างอาบน้ำตลอดเวลา เพราะงั้นก็เลยอาบน้ำตามใจชอบไม่ได้ คุณดูสิว่าในห้องของผมแม้แต่สายเคเบิลก็ดึงออกหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอแขวนคอตายบนเพดาน…แม้ผมเตรียมตัวจะเป็นขอทาน คุณก็ไม่ถือสาไม่ใช่หรือไง”
“…”
ฉันจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้วตอนที่คุณพูดกับฉันถึงปณิธานของหงส์* อย่างการเป็น ‘ขอทานตามท้องถนน’ นี่น่ะ ฉันแสดงออกชัดเจนว่า ‘ปฏิเสธอย่างรังเกียจ’ ตอนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็น ‘ไม่ถือสา’ ไปซะแล้วล่ะ
ชูหลี่คิดจะโต้แย้งแต่ก็หุบปากลง ยืนอยู่ข้างหลังโจ้วชวน มองดูเขาคลิกเปิดตารางรายการช่องข่าว CCTV ด้วยความเร็วที่ช้ากว่าในยามปกติ ขณะที่เม้าส์เคลื่อนไปยังรายการ ‘ทอล์กโชว์’ ที่เพิ่งออกอากาศจบไปเมื่อครู่นี้…ชูหลี่ก็หมุนตัวไปเก็บกวาดห้องให้เขา…
เปิดหน้าต่าง
เปิดแอร์
เปิดเครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหย
เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกผ้าห่มใหม่ เสื้อผ้าสกปรกๆ ที่ทิ้งเกลื่อนพื้นก็นำไปยัดใส่เครื่องซักผ้าทั้งหมด เดินวนอีกรอบหนึ่ง กลับมาถอดเสื้อผ้าทั้งชุดออกจากตัวโจ้วชวน เหลือกางเกงในไว้ให้เขาตัวหนึ่งและปล่อยให้เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เปิดฝาเครื่องซักผ้ายัดเสื้อผ้าของเขาลงไป
ประตูห้องที่โจ้วชวนเปิดแง้มเอาไว้ครึ่งหนึ่ง มีดนตรีเปิดรายการ ‘ทอล์กโชว์’ ดังลอดออกมา ชูหลี่เดินกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ก้มเก็บถุงขยะสี่ใบที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา
“อาจารย์คะ ดูจบก็อย่าลืมไปอาบน้ำด้วย คุณเหม็นเปรี้ยวหมดแล้ว”
คนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไม่แม้แต่จะเงยหน้า เพียงแต่โบกมือไปทางประตู
คนที่ยืนหิ้วถุงขยะสี่ใบอยู่หน้าประตูมองห้องที่สะอาดเอี่ยมกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา และชายหนุ่มที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่วางตา เธอยกมุมปากขึ้นแล้วหมุนตัวออกไปทิ้งขยะข้างนอก…
เพราะอยากให้เวลาโจ้วชวนได้ไตร่ตรองอย่างเงียบๆ ชูหลี่จึงจูงเอ้อร์โก่วที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้วไปด้วย เล็บของเจ้าสุนัขยาวนิดหน่อย เมื่อย่ำบนถนนของหมู่บ้านจึงเกิดเสียงดัง ‘ต่อกแต่ก’…เอ้อร์โก่วกระโดดโลดเต้น วิ่งเหยาะๆ อยู่ข้างหน้า เมื่อวิ่งเร็วเกินไปก็หยุด อ้าปากแลบลิ้นพลางหันกลับมามองชูหลี่ พอเห็นชูหลี่ยิ้มให้ก็หันไปกระโจนใส่ผีเสื้อต่อ…
แม้แต่สุนัขยังรู้ว่า ‘การปล่อยใจ’ คือความรู้สึกแบบไหน
ชูหลี่พบกับคุณยายที่เก็บขยะเมื่อครั้งก่อนตรงจุดทิ้งขยะ ขณะส่งถุงพลาสติกที่ใส่กระป๋องเบียร์ในมือให้ หญิงสาวก็พูดขึ้น
“นี่คงเป็นถุงสุดท้ายแล้ว ขอบคุณนะคะ”
คุณยายเปิดถุงพลาสติก โยนกระป๋องเบียร์ที่อัดจนแบนแล้วใส่ไว้ในตะกร้า จากนั้นก็เงยหน้ามองชูหลี่ “วันนี้อากาศไม่เลวเลย ฤดูฝนลูกพลัม* มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลอดโปร่ง”
หญิงสาวที่จูงสุนัขได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น เหนือศีรษะคือท้องฟ้าสีครามและแสงแดดเจิดจ้า เธอยกมุมปาก
“นั่นสิคะ นับว่าปลอดโปร่งแล้วล่ะ”
“คนในบ้านยังสบายดีนะ”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ดีๆๆ…งั้นก็ดีแล้ว”
ชูหลี่โบกมือให้คุณยายแล้วหมุนตัวจากไป พาเอ้อร์โก่วไปซื้อไก่ย่างตัวหนึ่งที่ทางเข้าหมู่บ้าน สุนัขตัวใหญ่ที่กินจุและไม่ชอบขยับเดินเลยสักก้าวกำลังคาบถุงที่ใส่ไก่ย่างไว้ ดึงสายจูงวิ่งเผ่นตรงไปที่บ้าน