Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์
ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ เล่ม 1 บทที่ 5 – 6
ชูหลี่เงียบไป ในขณะนั้นก็กด Ctrl+V ‘สวัสดีค่ะ คุณสามารถส่งต้นฉบับมาที่กล่องข้อความนี้ ขอบคุณค่ะ (≧ω≦) !!!’ วางข้อความส่งไปยังผู้หลงทางที่น่ารักอีกหนึ่งท่าน…อันที่จริงแล้วหญิงสาวอยากจะบอก Mr. L ว่าเธออยากทำนิตยสารเส้นทางแห่งดวงดาวมากกว่า อย่างน้อยในกล่องข้อความของนิตยสารผู้สูงวัยอย่างเส้นทางแห่งดวงดาวน่าจะไม่มีคนทึ่ม บ้า และน่ารักที่ทำให้อึ้งทึ่งได้มากมายขนาดนี้
และเธอก็ติดอยู่กับคนทึ่ม บ้า และน่ารักพวกนี้ทั้งวัน เดิมทีชูหลี่นึกว่าการทำงานในวันแรกจะจบลงแค่นี้ แต่เมื่อใกล้เวลาเลิกงาน เหล่าเหมียวก็เข้ามามอบหมายงาน…
“ชูหลี่”
ชูหลี่ที่กำลังขลุกอยู่กับการคัดลอกและวางส่งเสียง “คะ?”
“ถึงแม้ว่าฉันจะดึงโจ้วชวนมาร่วมงานด้วยได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราพักนี้ค่อนข้างตึงเครียด”
“อ่า…” ยังไม่ทันได้แสดงสีหน้าเสียใจ เธอก็พูดอย่างฝืนใจว่า “อย่างงั้นเหรอคะ”
ทันใดนั้นเหล่าเหมียวก็ปรบมือขึ้นหนึ่งครั้ง ราวกับว่าคิดบางอย่างออกอย่างน่าประหลาดใจ
“พอพูดถึงโจ้วชวนขึ้นมา งั้น…พอดีเลย ฉันมีสัญญาจะให้เขาเซ็นอยู่ฉบับหนึ่ง และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราค่อนข้างตึงเครียด เธอพอจะเข้าใจใช่ไหม…”
ชูหลี่ “…”
…ไม่เข้าใจค่ะ
“พรุ่งนี้เช้าเธอจะต้องออกไปทำงานนอกสถานที่แล้วเอาสัญญาไปให้เขาเซ็น ในช่วงหนึ่งเดือนนี้โจ้วชวนกำลังพักผ่อนช่วงวันหยุดที่เมืองของพวกเราพอดี และคนที่มาใหม่อย่างเธอก็จะได้มีโอกาสคุ้นเคยกับนักเขียนด้วย ต่อไปเธอจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระฉัน…”
ชูหลี่เบิกตาจ้องมองเหล่าเหมียวที่กำลังดึงเอกสารจำนวนมากออกมาจากด้านล่างสุดของแฟ้ม จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับเอกสารนั้นมาไว้กับตัวอย่างงุนงง
หญิงสาวเหลือบมองที่เอกสารในมือของตน บนหน้าปกมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้อยู่ไม่กี่ตัวว่า…‘สัญญาการตีพิมพ์ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ’ ชูหลี่ตะลึงอยู่นานแล้วถามตนเอง
“เราเนี่ยนะจะต้องไปหาเทพโจ้วชวน?”
“ท่านเทพอะไรกัน นั่นเป็นคำเรียกของผู้อ่านที่ใช้เรียกนักเขียน เพื่อความเป็นมืออาชีพ บ.ก. ต้องเรียกนักเขียนว่า ‘อาจารย์’ สิ” ไม่กี่วินาทีขณะที่ชูหลี่กำลังตะลึงงันอยู่นั้น เหล่าเหมียวได้เขียนที่อยู่ จากนั้นก็ยัดมันเข้าไปในมือของเธอแล้ว เมื่อเขาได้ยินเธอพูดก็หัวเราะ “ใช่ เธอไม่ดีใจเหรอ”
ชูหลี่ “…”
ฉันควรจะมีความสุขที่ตัวเองได้เข้าใกล้รูปถ่ายและลายเซ็นของเขาขึ้นอีกก้าวหนึ่งสิ
…ถ้าในตอนนี้ทุกคนทั้งห้องทำงานยกเว้นเราสองคนไม่ได้กำลังยุ่งอยู่ จะมีใครมองมาที่ร่างอันเย็นเฉียบราวกับไร้วิญญาณด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจกันบ้างไหม
ขณะที่เสียงกริ่งเลิกงานดังขึ้น ชูหลี่ก็ปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอก้มมองสัญญาการตีพิมพ์ในมือที่กำลังเฝ้ารอความโชคดีจากโจ้วชวน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็เปิดไปเจอคำว่าตีพิมพ์ครั้งแรกสี่หมื่นห้าพันเล่ม…แค่สี่หมื่นห้าเองเหรอ
เธอรีบเรียกเหล่าเหมียวที่กำลังลุกขึ้นเตรียมจะเลิกงาน “เอ๊ะ! เหล่าเหมียว สัญญาฉบับนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ทำไมตีพิมพ์ครั้งแรกแค่สี่หมื่นห้าพันเล่มเองคะ”
เหล่าเหมียวหยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมาพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา “แล้วเธอนึกว่าเท่าไรล่ะ”
“ไม่ทราบค่ะ…สี่แสนห้าหมื่นหรือเปล่าคะ”
ถึงยังไงเขาก็เป็นโจ้วชวน เทพผู้ยิ่งใหญ่…
รอยยิ้มมุมปากอันแสนเยือกเย็นของเหล่าเหมียวเริ่มชัดเจนขึ้น “เด็กน้อย นี่มันปี 20XX ไม่ใช่ปี 1913 กับจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรกสี่แสนห้า เธอคิดว่าหนังสืออย่าง ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ คุ้มค่ากับการที่หัวหน้าต้องนำของไปจำนำเพื่อเอาเงินมาจ่ายให้โรงพิมพ์ไหมล่ะ”
ชูหลี่ “…”
แต่ ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ ไม่ใช่หนังสือในปี 1913 หรือเปล่า
เหล่าเหมียววางกระเป๋าลงพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างซึ่งดึงดูดความสนใจของชูหลี่ “งั้นเธอลองเดาดูสิว่านิตยสารแสงแห่งจันทราในแต่ละเดือนมีจำนวนการตีพิมพ์ที่เท่าไร”
“แปดแสนกว่าเล่มเหรอคะ”
ทั้งกองบรรณาธิการเริ่มเกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
เหล่าเหมียวบอก “ลดลงมาหนึ่งหลัก”
ชูหลี่ “?”
“แปดหมื่นจ้า”
“…”
ชูหลี่เริ่มรู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก
“ตัวเลขนี้ความหมายพ้องเสียงกับคำว่า ‘นิตยสารขายดี’ so! ยินดีต้อนรับเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ เป้าหมายของพวกเราคือการดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย ยิ่งอยู่มานานก็ต้องยิ่งเฉิดฉาย”
“…”
…ไม่รู้ว่าถ้าลาออกตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานเลย จะกลายเป็นผู้ที่ทำลายสถิติคนแรกของสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยหรือเปล่า
วันที่สอง
ชูหลี่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ขณะที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ หางตาก็เหลือบไปเห็นสัญญาของอาจารย์โจ้วชวนที่เมื่อคืนนี้วางไว้ข้างหมอน ทันใดนั้นก็นึกถึงเสียงตะโกนดังลั่นจากกอง บ.ก. ในวันนั้น ‘ตีพิมพ์ลองตลาดดูก่อนสักสามหมื่นสองพันเล่ม เห็นผมเป็นขอทานงั้นเหรอ!’
…อย่าว่าแต่สุนัขจิ้งจอกที่บ้าคลั่งตัวนั้นหรือเทพองค์ไหนเลย แค่บรรดานักเขียนฝีมือเทพทั้งหลายที่เดินออกมาจากกอง บ.ก. แสงแห่งจันทราก็ไม่มีใครเทียบชั้นโจ้วชวนได้แล้ว…หญิงสาวจึงรู้สึกกังวลใจว่าตอนที่ยื่นสัญญาให้โจ้วชวน และเมื่ออีกฝ่ายเห็นจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรกแล้ว จะโยนสัญญาใส่หน้าเธอเหมือนกับที่ตัวสัญญาอยู่ใกล้หน้าเธอตอนนี้ไหม
ทันใดนั้นชูหลี่ก็เปลี่ยนสีหน้า เธอต้องยอมรับความจริงว่า…ช่วงเวลานี้เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันอันแสนเลวร้าย เธอไม่ได้โง่ แค่ใช้หัวแม่เท้าคิดยังเข้าใจได้เลย เรื่องที่เหล่าเหมียวบอกว่าพักนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโจ้วชวนไม่ค่อยดี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลอุบายเท่านั้น ถ้าให้พูดจริงๆ ต้นตอก็คือจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรก ‘สี่หมื่นห้าพัน’ ในสัญญานี้ต่างหากที่เป็นชนวนก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่ในเมื่อสำนักพิมพ์มอบหมายหน้าที่ให้เธอแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ดังนั้นเธอจึงลุกไปอาบน้ำ เป่าผมจนแห้ง และหยิบแฟ้มเดินออกจากห้องไป