Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์
ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ เล่ม 1 บทที่ 5 – 6
บทที่ 6
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : QAQ ทำงานมาเหนื่อยมากเลย…แล้วก็โกรธมากด้วย
Mr. L ที่หายไป : เธอโกรธมาก? ฉันก็เพิ่งโดนคนอื่นทำให้โกรธแทบตายมาเหมือนกัน…เป็นการปะทะกันในศึกสุดยอดสงครามแห่งอาชีพ และฉันก็กำลังจะดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่านายยังมีงานทำ!
Mr. L ที่หายไป : ขนาดคนที่ใช้คำว่า ‘ความรักบนโลกออนไลน์’ ซึ่งไม่รู้ว่าคลานออกมาจากสุสานโบราณหลุมไหนอย่างเธอยังมีงานทำเลย แล้วทำไมคนอย่างฉันถึงจะไม่มีงานทำล่ะ
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : โอ๊ะ! น้ำเสียงพร้อมปะทะมาก ดูเหมือนว่านายจะโกรธมากจริงๆ นะ
Mr. L ที่หายไป : ใช่ โกรธมาก ขอโทษด้วยที่พูดตรงๆ แม้แต่อากาศในตอนนี้ ฉันยังรู้สึกโกรธจนเกลียดเลย
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : …
เธอไม่ได้รับคำปลอบใจจาก Mr. L แต่อย่างใด…แต่กลับกลายเป็นการพ่นเรื่องไร้สาระของตนเองด้วยคำพูดเพียงสองประโยคที่ชวนให้เจ้าหนุ่มนั่นโกรธเกลียดแม้กระทั่งอากาศ เมื่อถึงหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ย ชูหลี่ก็เก็บโทรศัพท์ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุมบริษัททั้งที่ยังคงคิดมากอยู่
…แต่ไม่รู้ว่ามันคือภาพลวงตาหรือเปล่า ครั้นเมื่อชูหลี่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานก็รู้สึกได้ว่าเสียงเงียบลง ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก ทันใดนั้นเหล่าเหมียวผู้ที่นั่งอยู่ข้างเธอก็หัวเราะออกมา
“ออกไปข้างนอกแป๊บเดียวเอง กลับมาแล้วเหรอ การกลับมาอย่างไวโดยไร้ความสำเร็จก็ถือเป็นมาตรฐานอย่างหนึ่งของการเป็น บ.ก. นะ”
ถึงแม้ผู้คนในห้องทำงานจะยุ่งอยู่กับงาน แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันชำเลืองมองมาที่เธอ อย่างไรก็ตาม ชูหลี่รับรู้ได้ว่าที่จริงแล้วทุกคนกำลังเงี่ยหูรอฟังเธออยู่…เธอหยิบสัญญาฉบับนั้นออกมาจากกระเป๋าโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะของเหล่าเหมียว
“ฉันไม่มีแม้แต่โอกาสจะยื่นสัญญาให้เขาโยนใส่หน้าฉันเลยค่ะ”
เหล่าเหมียวหัวเราะออกมาอย่างอำมหิตมากยิ่งขึ้น “เขาปล่อยหมามากัดเธอหรือยัง”
ชูหลี่มองไปที่เหล่าเหมียว พูดเตือนสติเขาอย่างระมัดระวัง “นั่นมันสุนัขพันธุ์อลาสกันนะคะ ไม่ใช่ทิเบตัน มาสทิฟฟ์*”
“รูปร่างก็เหมือนกันอยู่”
“ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”
“แล้วโจ้วชวนล่ะ เขาว่าไงบ้าง”
ชูหลี่นิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงยกมุมปากขึ้นอย่างยั่วเย้า ทำน้ำเสียงและท่าทางล้อเลียนบุคคลที่อยู่หลังประตูรั้วเหล็ก
“ตีพิมพ์ครั้งแรกสี่หมื่นห้าพันเล่ม หยามกันเกินไปแล้ว เห็นผมเป็นขอทานหรือไง!”
เหล่าเหมียวหันมามองแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คนอื่นในห้องทำงานต่างก็พากันหัวเราะ มีเพียง บ.ก. คนใหม่ที่ไม่กล้าหัวเราะออกมาดังๆ ชูหลี่หัวเราะเบาๆ ข่มความรู้สึกเอาไว้จนหน้าแดง…ไม่ได้รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องน่าขันเลย รู้สึกเพียงว่ามันน่าท้อใจมากกว่า
เมื่อวางสัญญาลงบนโต๊ะแล้ว เธอจึงกระซิบว่า “เหล่าเหมียว ฉันทำงานนี้ต่อไม่ไหวจริงๆ ค่ะ…แม้แต่ประตูรั้ว ท่านเทพโจ้วชวนยังไม่เปิดให้ฉันเลย หมาที่เขาเลี้ยงยังเป็นมิตรกว่าเขาเป็นหมื่นๆ เท่าเลยค่ะ”
“เขาดุเหรอ”
“ดุมากเลยค่ะ”
ดุเหมือนกับตัวละครในนิยายเรื่องหลงหยางสิบแปดกระบวนท่า
เหล่าเหมียวหมุนเก้าอี้ เล่นปากกามาร์กเกอร์ในมือ “นั่นเป็นเพราะเธอไม่สามารถเจรจาได้ต่างหากล่ะ”
ชูหลี่ “…”
คุณเจ๋ง คุณมีความสามารถ คุณก็ไปสิ! ไปเผชิญหน้ากับคนบ้า! ไปเถียงต่อหน้าเขาเลย!
ชูหลี่โกรธแต่ไม่กล้าพูด
เหล่าเหมียววางเฉยต่อชูหลี่ซึ่งกำลังเงียบและเต็มไปด้วยอารมณ์ต่อต้าน เขาโยกตัวบนเก้าอี้ไปมา ยกขาขึ้นไขว่ห้าง และพูดอย่างเฉยเมย
“เธอนี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์เลยจริงๆ ยิ่งเป็นนิสัยของนักเขียนพวกนี้แล้วยิ่งไม่รู้จัก ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมหัวหน้าถึงจ้างเธอ (อวี๋เหยาคิด : เพราะความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่น) เพราะความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นอย่างงั้นเหรอ หัวหน้าพูดแบบนี้แล้วฉันอยากจะอ้วก เธอไม่ใช่นางเอกซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่จะมีความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นจนสามารถเอาชนะใจนักเขียนได้…มา เด็กน้อย เธอนั่งลง วันนี้ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่เธอ ฉันจะแนะนำแนวทางในการเจรจาให้เธอเอง…”
ชูหลี่ “…”
หญิงสาวบอกตนเองว่านี่คือสิ่งที่ไม่อาจหลีกหนีได้ในโลกของการเป็นผู้ใหญ่ เธอไม่สามารถลากเก้าอี้มาแล้วมัดร่างของคนที่โยนความผิดให้เธอ แถมยังจะสั่งสอนเธอ เขานับเป็นคนที่แปลกประหลาดจนยากจะอธิบาย เพราะคนที่อยู่เบื้องหน้าเธอคนนี้ดูไม่น่าไว้ใจ แต่ก็เป็นหัวหน้า เป็นผู้อาวุโสกว่า และยังเป็นที่ปรึกษา…ดังนั้นเธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วนั่งลง ลองฟังในสิ่งที่เหล่าเหมียวอยากจะพูด
ที่เหนือความคาดหมายก็คือเหล่าเหมียวได้ให้สิ่งที่เป็นเนื้อหาสาระเน้นๆ ไว้มากมาย และสามารถนำไปใช้ได้จริง ก่อนอื่นเขาอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของวงการสื่อสิ่งพิมพ์ให้เธอฟัง…
อันดับแรก สูตรการคำนวณค่าตอบแทนของงานเขียนคือจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรก x ราคาหนังสือที่กำหนดไว้ x ค่าลิขสิทธิ์ (หน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์) = จำนวนค่าตอบแทนของการเขียนบทความ
ในปี 20XX สถานการณ์ปัจจุบันของวงการสื่อสิ่งพิมพ์มีอยู่ว่านิยายรักทั่วไปและนิยายวัยรุ่นมีจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรกอยู่ที่แปดพันถึงห้าหมื่นเล่ม จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้นักเขียนหกถึงแปดเปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปแล้วเงินเดือนนักเขียนแนวโรแมนติกมือฉมังอยู่ที่สองหมื่นหยวน ส่วนพวกนักเขียนนิยายทั่วไปที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงจะได้เกือบๆ แปดพันหยวน บางครั้งอาจถูกรังแก โดยบางสำนักพิมพ์จะจ่ายให้ทั้งเล่มอย่างน้อยสามพันถึงห้าพันหยวน โดยที่ไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ เมื่อทำยอดขายได้สามหมื่นเล่มขึ้นไปก็จะถือว่าเป็นหนังสือขายดี
สูงขึ้นไปอีกหน่อยก็คือนักเขียนมือฉมังระดับตัวท็อป ปกติเป็นไปได้ที่จะตีพิมพ์ครั้งแรกหนึ่งแสนถึงสามแสนเล่ม ค่าลิขสิทธิ์สูงสุดอยู่ที่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่มีนักเขียนเพียงไม่กี่คนในประเทศเท่านั้นที่สามารถทำได้ถึงจุดนั้น
…พูดง่ายๆ ก็คือชูหลี่คิดว่าหนังสือเหล่านั้นน่าจะมียอดขายทะลุหลายแสนเล่ม แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้เคยมีอยู่แค่ในปี 1913 เท่านั้น ไม่ใช่ในปี 20XX
เหล่าเหมียวบอก “ส่วนโจ้วชวนที่เป็นระดับตัวท็อปจะมีจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่ที่แปดหมื่นถึงหนึ่งแสน ค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่เก้าเปอร์เซ็นต์”
พระเจ้า! แปดหมื่นถึงหนึ่งแสน!
สองถึงสามเท่าของสามหมื่นสอง!