X
    Categories: Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์With Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ บทที่ 61

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 61

“อาจารย์โจ้วชวน อีกสิบห้าวัน ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ จะตีพิมพ์แล้ว คุณกังวลไหมคะ”

ชูหลี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะและมองไปยังโจ้วชวนซึ่งนั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง…เขากำลังกินเนื้อวัว แครอต ซุปมันฝรั่ง และข้าวที่เธอทำซึ่งมีเนื้อเยอะมาก เจ้าเอ้อร์โก่วสุนัขอนามัยที่ต้องนอนตรงเวลาตอนสี่ทุ่มของทุกวัน แต่ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว มันยังเดินวนเวียนรอบตัวโจ้วชวนนับครั้งไม่ถ้วนและมองเขาตาปริบๆ

ชายหนุ่มที่กำลังเอาช้อนเข้าปากหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชูหลี่ “กังวลอะไร คิดเสียว่าถ้ามันขายไม่ดีก็แปลว่าผมมองผิดไป แค่ทำหนังสือออกมาแย่เล่มหนึ่ง อย่างมากที่สุดก็แค่ต้องบันทึกลงในประวัติศาสตร์การล้มลุกคลุกคลานจำนวนนับไม่ถ้วนที่ผมไม่อยากนึกถึงเท่านั้น คุณคิดว่าสำหรับนักเขียนที่เคยเผาผลงานชิ้นแรกของตัวเองทิ้งไป ยังมีอะไรที่ทนไม่ได้อีกเหรอ”

“…”

ชูหลี่ไม่รู้ว่าในตอนนี้ควรจะแสดงสีหน้าแบบไหน เห็นใจเขาหรือสงสารตัวเองดี

“คุณนั่นแหละที่ควรกังวล” เขาเคาะขอบชามกระเบื้องด้วยช้อนเบาๆ จากนั้นก็วางช้อนลง แล้วเปิดกระป๋องโคล่าเย็นดื่มไปสองอึกใหญ่ “ถ้าหนังสือเล่มนี้ขายไม่ดี อย่างแรก คุณจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับผมในตอนแรกว่าจะหาทางขายมันให้ได้ แล้วคุณจะกลายเป็นคนหลอกลวง…” โจ้วชวนพูดต่อไป “อย่างที่สอง ผมจะไม่ให้โอกาสคุณอีกครั้งแน่ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ อาจเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะร่วมงานกับสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ย หรืออาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือคุณจะไม่มีโอกาสได้เป็น บ.ก. ผู้รับผิดชอบนิยายของผมอีก ถึงเราจะมีความสัมพันธ์แบบเจ้าของบ้านกับผู้อาศัย แต่จะไม่มีความสัมพันธ์ระหว่าง บ.ก. กับนักเขียนอีกต่อไป…” ในที่สุดเขาก็สรุป “สุดท้ายแล้วคุณรู้หรือเปล่าว่านี่หมายถึงอะไร อย่างน้อยสำหรับผม คำพูดที่คุณพูดในโรงหนังวันนี้จะกลายเป็นคำพูดเหลวไหลไร้ความหมาย และต่อจากนี้ไม่ว่าอนาคตคุณจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องกับผมอีก ขออวยพรคุณจากใจจริง ขอให้คุณมีอนาคตที่สดใสแล้วกัน”

“…”

ตั้งแต่ ‘อย่างแรก อย่างที่สอง และสุดท้าย’ ชูหลี่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดแทรก เธอทำได้เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่จิตใต้สำนึกรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบได้ยินชายหนุ่มปฏิเสธเรื่อง ‘บ.ก. และ บ.ก. ผู้รับผิดชอบ’ อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้

ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องสมมติก็ไม่โอเค

เขาเป็นนักเขียนคนแรกขณะที่เธอก้าวเข้าสู่เส้นทางสายนี้ และยังเซ็นสัญญาให้เธอ…

เธอจะไม่ยอมเสียเขาไปเด็ดขาด

ไม่นานนักเสียงที่นิ่งสงบและเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ถึงเวลาที่คุณกับผมต้องเดิมพันกันด้วยโชคชะตาแล้วสาวน้อย”

เสียงที่ไร้อารมณ์ทำให้ชูหลี่เครียดขึ้นมาทันที เขายืดหลังโดยไม่รู้ตัว เริ่มมีท่าทีจริงจัง และกำหมัดแน่นวางลงบนโต๊ะ…

ในตอนนี้เธอเห็นโจ้วชวนหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วใช้ช้อนชี้มาที่ปลายจมูกของเธอราวกับมันเป็นดาบ

“พอได้ยินคำพูดแบบนี้ คุณรู้สึกไหมว่าผมเป็นคนที่มีหลักการและเป็นลูกผู้ชายมาก”

“…”

โรคจิต!

“อาจารย์ ฉันกำลังคุยเรื่องงานกับคุณอยู่นะคะ คุณช่วยจริงจังกว่านี้หน่อยได้ไหม”

โจ้วชวนวางช้อนลง “ผมจริงจังอยู่”

ชูหลี่กลอกตาและยืนขึ้น เริ่มเดินวนไปวนมาอีกครั้ง…ถ้าอ้างอิงตาม ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ กระบวนการวางจำหน่ายของหนังสือเล่มหนึ่งจะเป็นดังนี้…

ก่อนการวางจำหน่ายจริงจะมีการโปรโมตในนิตยสารและบัญชีทางการในช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยจะโพสต์ล่วงหน้าประมาณสามเดือน ขั้นตอนนี้ชูหลี่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อีกทั้งยังเซ็นสัญญาเรื่องการกำหนดรูปแบบหน้าปกและของที่ระลึกกับแม่นางเจี่ยนเรียบร้อยแล้ว ทุกสองหรือสามวันหญิงสาวจะโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าลงในเวยป๋อ และช่วงนี้เธอขอให้นักวาดเจี่ยนช่วยโปรโมตด้วย ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะหลังผ่านสงครามอันดุเดือดครั้งนั้นมา เวลาที่ชูหลี่ติดต่อกับแม่นางเจี่ยนก็มักจะเริ่มต้นและลงท้ายด้วยคำว่า ‘สัญญาระบุไว้’ ห้าพยางค์นี้ ส่วนเรื่องไร้สาระอื่นๆ หญิงสาวขี้เกียจเกินกว่าจะพูด

หรือไม่ก็ใช้วิธีแลกเปลี่ยนพื้นที่โฆษณากับนิตยสารอื่นเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้กัน แต่นิตยสารในประเทศไม่ค่อยทำเช่นนี้ เพราะนักธุรกิจในประเทศมักนึกถึงผลประโยชน์ส่วนตัวก่อน ถึงแม้จะช่วยเหลือกันจริง แต่ก็ทำให้ไม่ดีนัก…ตอนแรกหลังจากที่ชูหลี่อ่านแผนการตลาดของหนังสือขายดีเล่มอื่นแล้ว เธอเคยคิดจะไปที่สำนักพิมพ์ซินตุ้นเพื่อดูว่าจะแลกเปลี่ยนพื้นที่โฆษณาได้หรือไม่ แต่ข้อเสนอดังกล่าวเพิ่งเอ่ยถึง ยังไม่ทันแจ้งเบื้องบนก็โดนอวี๋เหยาปัดตกเสียแล้ว

วิธีสุดท้ายก็คือกลยุทธ์ด้านการตลาดหลังจากสินค้าจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด…นักการตลาดต้องติดต่อตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อจัดหาแหล่งประชาสัมพันธ์ เช่น การติดโปสเตอร์ในตำแหน่งที่โดดเด่นในร้านหนังสือขนาดใหญ่ หรือการจัดวางที่ตำแหน่งหนังสือขายดี (เป็นตำแหน่งที่มองเห็นชัดที่สุดในร้านหนังสือ เช่น ตรงหน้าชั้นหนังสือ หรือบนทางเดิน โดยจะนำหนังสือมาซ้อนกันเป็นรูปเรขาคณิตทรงสูง) นอกจากนี้ยังมีการโปรโมตที่หน้าแรกของเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ เช่น Tmall* Dangdang** และ Amazon*** เป็นต้น

นี่คือแผนการตลาดของสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม สมัยที่ยังไม่มีเวยป๋อ เราไม่สามารถมองข้ามกระบวนการเหล่านี้ไปได้ ในสมัยนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีหนังสือเล่มใหม่ออกสู่ตลาด นักการตลาดแทบอดใจรอที่จะนั่งรถสามล้อพร้อมตะโกนเสียงดังตามท้องถนนว่าหนังสือเล่มใหม่ของนักเขียน XXX วางจำหน่ายแล้ว มาดูกันว่าจะน่าอ่านแค่ไหน! รีบมาซื้อกันเยอะๆ นะ!!!!!

กระบวนการเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าในฐานะ บ.ก. ผู้รับผิดชอบอย่างชูหลี่เข้าไปมีส่วนร่วมได้ไม่มากนัก…เพราะตามแผนการทำงานที่แท้จริง การนำหนังสือออกสู่ท้องตลาดตลอดจนการจัดพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของฝ่ายการตลาด

สำหรับสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม ฝ่ายการตลาดของพวกเขายังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชูหลี่ได้ยินมาว่านักการตลาดเหล่านั้นเจรจาจนได้รับสิทธิ์ให้โปรโมต ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ที่ตำแหน่งหนังสือขายดีในร้านหนังสือรายใหญ่ทั่วประเทศเป็นเวลาครึ่งเดือนถึงสองเดือนเรียบร้อยแล้ว

ชูหลี่รู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล และทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็หยุดเดินวนไปวนมา หันกลับมาพูดกับชายหนุ่มซึ่งกำลังขูดชามข้าวหลังรับประทานอาหารเสร็จ

“ใช่แล้ว อาจารย์ ฝ่ายการตลาดได้รับสิทธิ์ให้โปรโมต ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ที่ตำแหน่งหนังสือขายดีในร้านหนังสือซินหวาตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศด้วยล่ะ ครึ่งเดือนเลยนะคะ!”

“โอ้ เยี่ยมไปเลย”

“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาต้องลำบากลำบนไปเยือนกระท่อมถึงสามครั้ง* คุณควรควักกระเป๋าสตางค์เลี้ยงข้าวพวกเขาสักมื้อหรือมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณหรือเปล่าคะ”

โจ้วชวนฉุกคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับ “เอาเถอะ มารยาททางสังคมยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ ให้คุณไปสักสองร้อยหยวนคิดว่าพอไหม”

สองร้อยหยวนไม่พอเลี้ยงนักการตลาดเหล่านั้นหรอกค่ะ คงพอแค่จ่ายค่าแท็กซี่ที่พวกเขาต้องเดินทางไปเจรจาเท่านั้นแหละ

“…ช่างมันเถอะค่ะ ไม่ต้องนึกถึงมารยาทก็ได้ เป็นหน้าที่ที่พวกเขาควรทำอยู่แล้วนี่นา”

โจ้วชวนได้ยินน้ำเสียงประชดประชันในคำพูดของเธอ “สองร้อยหยวนน้อยเกินไปสำหรับคุณเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น”

“คนยากจนที่ไม่มีที่ซุกหัวนอนและใช้ชีวิตกินดื่มในบ้านคนอื่นมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกเงินสองร้อยหยวน”

“ฉันไม่ได้ดูถูกสักหน่อย”

“…แล้วก็ไม่ใช่แค่กินดื่มเท่านั้นนะ ค่าน้ำค่าไฟก็ยังไม่จ่าย”

“ก็บอกว่าไม่ได้ดูถูกไง!!!!!!!!”

โจ้วชวนนวดกกหูและพูดพึมพำ “ไม่ได้ดูถูกแล้วจะตะโกนทำไม” เขาถามอีกครั้ง “ดูเหมือนว่ากระบวนการจัดจำหน่าย ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ใกล้เรียบร้อยแล้วสินะ ฝ่ายการตลาดได้แจ้งยอดสั่งซื้อล่วงหน้าของตัวแทนจัดจำหน่ายโดยประมาณกับคุณไหม ตอนนี้มากกว่าสี่หมื่นห้าพันเล่มหรือยัง” ชูหลี่ขยับริมฝีปากยังไม่ทันเอ่ยตอบ แต่กลับได้ยินชายหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเอง “แต่ยอดสั่งซื้อล่วงหน้าต้องเกินสี่หมื่นห้าพันเล่มอยู่แล้ว แค่ตัวแทนจัดจำหน่ายได้ยินชื่อของโจ้วชวนก็พากันวิ่งเข้าหาเหมือนหมีที่ได้กลิ่นน้ำผึ้งแล้วล่ะ”

ชูหลี่ “…”

อาจเป็นเพราะแววตาที่ดูเหมือนอับจนคำพูดซึ่งมองมาจากที่ไม่ไกลนั้นชัดเจนจนเกินไป ‘Mr. น้ำผึ้ง’ จึงมอง บ.ก. ผู้รับผิดชอบของเขาพลางเลิกคิ้วขึ้น

“ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”

“ก็มีบ้างค่ะ…คือฉันยังไม่ได้เริ่มเขียนใบแนะนำหนังสือเลย”

ตอนนี้ความคืบหน้าของ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ดำเนินการมาถึงขั้นตอนส่งใบแนะนำหนังสือไปยังตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหญ่

‘ใบแนะนำข้อมูลหนังสือเพื่อพิจารณาสั่งซื้อ’ มีความหมายตรงตัว มันคือข้อมูลประกอบการพิจารณาสั่งซื้อที่สำนักพิมพ์จะส่งให้ตัวแทนจัดจำหน่าย ซึ่งจะมีชื่อผู้แต่ง ชื่อนักวาดหน้าปก เนื้อหา และข้อมูลทั่วไปของหนังสือ นอกจากนี้ก่อนที่หนังสือจะตีพิมพ์ต้องมีการสั่งซื้อล่วงหน้าของตัวแทนจัดจำหน่ายก่อนรอบหนึ่ง เมื่อรวมยอดสั่งซื้อล่วงหน้าแล้วจึงจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับยอดตีพิมพ์ครั้งแรกของหนังสือเล่มนี้

และในกระบวนการด้านการตลาดทั้งหมด การเขียนใบแนะนำหนังสือให้ออกมาดีเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ บ.ก. ผู้รับผิดชอบสามารถทำได้

ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าชูหลี่ยังไม่ได้เริ่มเขียน โจ้วชวนก็โกรธขึ้นมาทันที “มีเวลาอีกแค่สิบกว่าวันก็จะตีพิมพ์แล้ว แต่คุณยังไม่ได้เขียนใบแนะนำหนังสือ ไอ้ของแบบนี้มันเขียนยากตรงไหน นี่คุณต้องการช่วยผมขายนิยายจริงๆ ใช่ไหม”

“ตัวแทนจัดจำหน่ายเหล่านั้นเป็นนักธุรกิจนะคะ พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าเนื้อหาในหนังสือของคุณยอดเยี่ยมแค่ไหน พวกเขาแค่อยากรู้ว่ามันขายได้ไหมเท่านั้น” ชูหลี่บิดนิ้วไปมาด้วยความรู้สึกลำบากใจ “ฉันกำลังพยายามแยกแยะอารมณ์ส่วนตัว ไม่โอ้อวดว่าหนังสือเล่มนี้ดีแค่ไหน และเขียนอธิบายเหตุผลเพื่อให้คนที่เป็นนักธุรกิจประทับใจไว้ในใบแนะนำหนังสือฉบับนี้”

“…” โจ้วชวนพยักหน้า “มีความคิดดีๆ เยอะดีนี่นา แค่ยังไม่ได้ลงมือทำเท่านั้น ช่วยทำให้มันเร็วๆ หน่อย”

“…” ชูหลี่ตกใจ “ให้เขียนเลยเหรอคะ วันนี้วันเสาร์นะ คุณจะให้ฉันทำงานล่วงเวลาเหรอ”

“ทำไมล่ะ”

“คนที่โวยวายทุกครั้งว่าไม่ให้ฉันทำงานล่วงเวลา เพราะยังไงอวี๋เหยาก็ไม่จ่ายค่าโอทีให้ไม่ใช่คุณหรอกเหรอคะ”

“มันไม่เหมือนกัน ครั้งนี้คุณต้องขาย ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ และตอนนี้คุณกำลังยืนอยู่ในบ้านของคนเขียนหนังสือเล่มนี้ แถมเฟอร์นิเจอร์ผมก็ยังควักเงินซื้อให้อีก” โจ้วชวนถาม “ไหนจะให้ที่ซุกหัวนอนและอาหารการกิน แล้วยังต้องทนกับการที่คุณไม่ให้ความสำคัญกับ ‘กฎสามสิบข้อสำหรับผู้อาศัย’ ตอนคุณมาทวงต้นฉบับผมก็เถียงไม่ได้ เครียดยิ่งกว่าเลี้ยงลูกสาวซะอีก ใจคอคุณไม่คิดที่จะทำงานล่วงเวลาให้ผมบ้างเหรอ”

ชูหลี่ถูกคำพูดราวกับบทสวดเกลี้ยกล่อมจนต้องยอม “ได้ๆๆ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้แหละ” พร้อมทั้งเตรียมจะขึ้นไปชั้นบนและเอาโน้ตบุ๊กลงมา…อย่างไรเสียในโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้จักนิยายเรื่องนี้ดีไปกว่าโจ้วชวนแล้ว แน่นอนว่าการเขียนใบแนะนำหนังสือกับเขาย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

หญิงสาวหันหลังกลับและกำลังจะเดินขึ้นไปชั้นสอง แต่เดินไปเพียงสองก้าวก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของโจ้วชวนสั่น เธอเห็นจากหางตาว่าเขาหยิบมันขึ้นมาและเหลือบมองหน้าจอเล็กน้อย จากนั้นเสียงของอาจารย์เจียงอวี่เฉิงก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนกลางห้องนั่งเล่น…

ทำไมนายถึงเรียกเจ้าลิงน้อยว่าแม่บ้านล่ะ นายให้เธอทำอาหารให้กินด้วยเหรอ คนที่นายบอกว่าทำอาหาร ช่วยดูต้นฉบับ และพาหมาไปเดินเล่นคือเธอเหรอ นี่นายเห็น บ.. ผู้รับผิดชอบของตัวเองเป็น…”

คำพูดหลังจากนั้นเธอไม่ได้ยินแล้ว เพราะชายหนุ่มกดปิดเสียงโทรศัพท์ทิ้งไปเสียก่อน

โจ้วชวน “…”

ชูหลี่ “…”

หญิงสาวถอยเท้าที่เหยียบลงบนบันไดกลับมาก่อนจะหันไปมองโจ้วชวน “แม่บ้านเหรอ”

“ฮะ”

“ฮะ! ฮะอะไร” ชูหลี่ถอดรองเท้าแตะแล้วชี้ไปที่หน้าอีกฝ่ายก่อนจะขึ้นเสียง “เมื่อกี้ฉันถามว่าคุณพูดอะไรแปลกๆ กับอาจารย์เจียงอวี่เฉิงหรือเปล่า ไหนคุณบอกว่าไม่ได้พูดไง!!!!”

“ผมพูดว่าแม่บ้านมันผิดตรงไหน คุณไม่ได้ทำกับข้าวให้ผมกินเหรอ!” ชายหนุ่มแคะหูเล็กน้อย สีหน้าดูร้อนตัว

เมื่อคิดว่าถ้าตอนนี้เจียงอวี่เฉิงว่างมากพอ ในหัวเขาอาจจินตนาการถึงบทละครน้ำเน่าเกี่ยวกับ บ.ก. หน้าใหม่และนักเขียนผู้ยอดเยี่ยมแล้ว ชูหลี่ก็รู้สึกโกรธจนความดันแทบจะขึ้นในทันที จึงขว้างรองเท้าแตะในมือออกไปอย่างแรง…

เจ้าเอ้อร์โก่วที่ตอนแรกนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ โจ้วชวนกระโดดขึ้นงับรองเท้าแตะกลางอากาศ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ คาบไปวางไว้ในมือของเขา ใบหน้าของมันแสดงให้เห็นว่าต้องการ ‘คำชื่นชม’ หูลู่ไปด้านหลังราวกับอยากให้เจ้านายลูบหัว

โจ้วชวนดึงรองเท้าแตะมาและวางไว้ที่พื้นด้วยสีหน้ารังเกียจปนร้อนตัว

เธอทำเสียง “ชิ” ดังๆ ทีหนึ่งแล้วเดินกะโผลกกะเผลกขึ้นไปชั้นบนด้วยรองเท้าแตะเพียงข้างเดียว

เมื่อทั้งสองแยกย้ายอยู่คนละชั้น บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบลงในที่สุด

หลังจากที่โจ้วชวนล้างจานและอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อเขียนนิยาย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาชูหลี่ก็ลงมาด้วยเท้าเปล่า เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่นตรงไปที่ห้องของโจ้วชวนและเปิดประตูเข้าไป เขากำลังนั่งเขียนนิยายอยู่ เสียงแป้นพิมพ์หยุดลงกะทันหัน เมื่อชายหนุ่มหันหน้าไปมองก็เห็นหญิงสาวที่สวมชุดนอนและเสื้อคลุมสีขาวยืนเท้าเปล่าบนพรมในห้องของเขา จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

เขาเผยสีหน้าท่าทางเหมือนกับอยากจะสั่งสอนคน…

แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก ชูหลี่ก็พูดขึ้นมา “คุณเอารองเท้าแตะของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”

“…อยู่ในตู้รองเท้า” เป็นเพราะอยู่ๆ ได้ยินคำที่เขากำลังจะเอ่ย ทำให้ความรู้สึกร้อนตัวที่ไม่ง่ายนักกว่าจะหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง…

คุณไปสวมรองเท้าแตะเดี๋ยวนี้นะ!

เป็นสาวเป็นนางเดินเท้าเปล่าไปทั่วแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย!

ถ้าอยู่ในยุคโบราณ ผมมองคุณต่ออีกหน่อยก็คงต้องแต่งกับคุณแล้ว น่ากลัวชะมัด มีคนที่ใช้วิธีบังคับขู่เข็ญแบบนี้มาจับสามีผู้สูงศักดิ์ด้วยเหรอ!!!

เขาทำได้แค่เก็บสามประโยคนี้เก็บไว้ในใจ แล้วเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียว…

“นี่เดือนพฤศจิกายนแล้ว เดินเท้าเปล่าระวังจะเป็นหวัดนะ”

ชูหลี่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่รีบเดินเข้าไปในห้องของโจ้วชวนพร้อมกับกระดาษในมือที่เพิ่งพิมพ์สดๆ ร้อนๆ แล้วตบลงไปบนโต๊ะเขียนหนังสือตรงหน้าชายหนุ่ม!

โจ้วชวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและยืดคอดู…ก็พบว่าตรงหน้าเป็นใบแนะนำหนังสือหนึ่งฉบับ

 

หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว

ใบแนะนำข้อมูลหนังสือเพื่อพิจารณาสั่งซื้อ

(ตระหนักรู้นับพันปี จำแลงกายเป็นมนุษย์ เพียงเพื่อปกป้องแผ่นดินร่วมกับเจ้านายข้า!)

ผลงานอันโดดเด่นของโจ้วชวน นักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีตะวันออกยอดนิยม!

หวนคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหลังงานเขียนเล่มแรก บันทึกแห่งบูรพา’!

ผลงานอัพเดตรายตอนผ่านทางเวยป๋อที่ร้อนแรงและเป็นที่นิยมมากที่สุด

ยอดแชร์ในเวยป๋อต่อบทหนึ่งทำสถิติสูงสุดถึง 180,000+!

มีแนวโน้มที่จะแซงหน้าท่านเทพเจียงอวี่เฉิง สาบานว่าจะไม่เป็น เด็กน้อยข้างบ้านอีกต่อไป!

*แนะนำผู้แต่งโดยย่อ : โจ้วชวน เทพเจ้าแห่งนิยายแฟนตาซีตะวันออกชั้นนำของประเทศจีน สมาชิกสมาคมนักเขียนประจำมณฑล S แฟนคลับในเวยป๋อนับล้าน ลีลาการเขียนเต็มไปด้วยสีสันและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด

เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จนถึงตอนนี้มีผลงานทั้งหมดแปดเรื่อง ยอดขายสะสมเกิน 3 ล้านเล่ม!

*แนะนำนักวาดโดยย่อ : เจี่ยน นักวาดสไตล์โบราณระดับท็อปของประเทศ มีแฟนคลับในเวยป๋อนับล้านและมีผลงานที่ดึงดูดใจแฟนๆ

*แนะนำเนื้อหาโดยย่อ : เด็กหนุ่มชุดขาวเก็บไข่มุกอยู่ริมทะเล และเก็บหนังสือเวทมนตร์เล่มหนึ่งได้ด้วยความบังเอิญ มันคือ หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่วในหนังสือบันทึกไว้ว่าก่อนมวลมนุษยชาติจะถือกำเนิด มีเผ่าพันธุ์วิหคและเหล่าอสูรที่เคยครอบครองดินแดนที่เป็นพื้นดินสีเหลืองแห่งนี้เด็กหนุ่มเผลอใช้โลหิตของตนเรียกอสูรตนหนึ่งออกมา อสูรตนนั้นรับใช้เด็กหนุ่มร่วมกับอสูรน้อยอื่นๆ ในหนังสือ และเข้าร่วมกองทัพรับใช้มาตุภูมิ ปราบปรามเหล่าศัตรูจากภายนอก

วันหนึ่งเด็กหนุ่มก็กลายเป็นวีรบุรุษแม่ทัพอาภรณ์ขาว ส่วนอสูรตนนั้นก็กลายร่างเป็นขุนพลผู้เก่งกาจและหล่อเหลา

*คำนิยมโดยบรรณาธิการ : มีลีลาการเขียนที่งดงามและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดตามแบบฉบับของนักเขียนโจ้วชวน อีกหนึ่งผลงานนิยายแนวแฟนตาซีตะวันออก ดำเนินเรื่องลื่นไหลเป็นธรรมชาติ มีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงจากริมสมุทรสู่ทั่วหล้าผ่านการเติบโตของเด็กหนุ่มอาภรณ์ขาว ราวกับตำราโบราณที่ปิดผนึกไว้ด้วยฝุ่นธุลีค่อยๆ คลี่เปิดออก

ในตำราโบราณนั้นยังปรากฏให้เห็นความรู้สึกของการเป็นหนุ่มสาว จิตสำนึกที่คำนึงถึงใต้หล้า ความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง และทิวทัศน์อันงดงามในแผ่นดิน โลกอันกว้างใหญ่ปรากฏอยู่ในนิยายเรื่องนี้

*คำนิยมโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง : มีผู้ที่ติดต่อได้ทั้งในและนอกวงการ คุณสามารถเลือกได้ตามต้องการ

ราคา: 55.00 หยวน/ชุด (สองเล่มจบ) (ราคาเบื้องต้น)

“…” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งกำลังมองมาด้วยแววตาเป็นประกาย นิ้วเท้าของเธอจิกลงบนพรมหนาโดยไม่รู้ตัวด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวล “ ‘มีแนวโน้มที่จะแซงหน้าท่านเทพเจียงอวี่เฉิง สาบานว่าจะไม่เป็น ‘เด็กน้อยข้างบ้าน’ อีกต่อไป!’ นี่คืออะไร”

ริมฝีปากของชูหลี่ขมุบขมิบไปมาพลางใช้มือจับมุมชุดนอนกระโปรง “…เหล่าเหมียวบอกว่าใบแนะนำหนังสือต้องเขียนให้เกินจริงเข้าไว้ ฉันได้ยินมาว่าคำโปรยที่น่าขนลุกบนสายคาดหนังสือในตลาดส่วนใหญ่ก็เอามาจากใบแนะนำหนังสือทั้งนั้น…อีกอย่างเพราะเป็นช่วงเวลาสำคัญก็ควรจะดึงนักเขียนคนอื่นมาเสริมเข้าไปด้วย…” เท้าของชูหลี่เริ่มถูไปมาบนพรม “เท่าที่ฉันเห็นผ่านสายตาของผู้คนมากมาย นักเขียนที่เหมือนจะดังกว่าคุณและถึงจะเป็นแค่คนที่ช่วยเสริมความโดดเด่นให้คุณก็ไม่ได้คิดแค้นอะไร มองไปทั่ววงการวรรณกรรมแล้วก็มีเพียงสองคนเท่านั้น คืออาจารย์เจียงอวี่เฉิงและอาจารย์โจ้วกู้เซวียน”

“…”

โจ้วชวนคิ้วกระตุกเล็กน้อย ยังไม่ทันได้พูดอะไร ชูหลี่ก็ร้อง “กรี๊ด” ออกมาสุดเสียง ชายหนุ่มเห็นเพียงแค่กระโปรงสีขาวที่สะบัดพลิ้ว ตามด้วยกลิ่นแชมพูและครีมอาบน้ำแตะจมูก…วินาทีต่อมาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็วิ่งออกไปยืนอยู่นอกประตูแล้ว

เธอเกาะอยู่ตรงกรอบประตู โผล่หน้าออกมาครึ่งหนึ่ง พร้อมจับจ้องไปที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังถือกระดาษอย่างระแวดระวังราวกับกำลังมองเสือโคร่งเสือดาวที่จะกลืนกินเธอทั้งเป็นในวินาทีข้างหน้า

ท่าทางที่เหมือนกำลังทำเรื่องน่าด่าและท่าทางไม่มีพิษมีภัย แถมยังมองมาด้วยสายตา ‘ฉันก็ไม่อยากทำหรอกนะคะ คุณอย่าสร้างปัญหาโดยไร้เหตุผลเลย ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อขายหนังสือทั้งนั้น’ ทำเอาโจ้วชวนโกรธแทบตาย

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ ตบกระดาษในมือลงบนโต๊ะเสียงดัง ‘ปัง!’…ทำเอาหญิงสาวที่เกาะกรอบประตูอยู่นอกห้องตกใจจนสะดุ้ง

“คุณรู้ไหมว่าพูดแบบนี้มันกวนโอ๊ย”

ชูหลี่หดคอ “แค่พูดถึงความฝันของคุณและฉันเท่านั้นเอง” จากนั้นก็ชี้มาที่ตัวเอง “ฉันแค่อยากให้มันขายดี” แล้วจึงชี้ไปที่โจ้วชวน “ส่วนคุณก็คงอยากออกมาจากเงามืดของ ‘เด็กน้อยข้างบ้าน’ ” ท้ายที่สุดก็ยกมือประสานกันและปรบมือ “ทุกคนมีความสุข!”

“ตอนนี้ผมมีเพียงความฝันเดียว” โจ้วชวนกัดฟันพูด “นั่นก็คือ…คุณมานี่เลย ถ้าไม่มาเดี๋ยวผมไปเอง ผมจะตีคุณให้ตาย!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ชูหลี่ไม่รอให้โจ้วชวนลุกขึ้นมา เธอกระโดดเหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่หวาดกลัวแล้วรีบหันหลังวิ่งหนีกลับไปที่ห้อง ปิดประตูเสียงดังปังแถมรีบล็อกอย่างไว!

สองวินาทีต่อมาคิวคิวของโจ้วชวนก็ดังติ๊ดๆ เมื่อมองดูก็เห็นข้อความของบางคนเด้งขึ้นมา…

 

มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : …อย่างมากก็แค่ลบประโยคนี้ทิ้งเอง QAQ! จะโหดทำไมอะ QAQ!

 

ชายหนุ่มจ้องข้อความเป็นเวลานาน ในหัวนึกถึงภาพใครบางคนกำลังนั่งยองๆ อยู่หลังประตูห้องใต้หลังคา ถือโทรศัพท์ด้วยอาการสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่พิมพ์ออกมา…

เขาทำเสียง “ชิ” ดังๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

 

* Tmall แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ประเภท B2C สำหรับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำของทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศที่จดทะเบียนบริษัทแล้ว ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2551 ในชื่อ Taobao Mall และเปลี่ยนเป็น Tmall ในปี พ.ศ. 2555 เป็นแพลตฟอร์มในเครือบริษัทอาลีบาบา (Alibaba Group)

** Dangdang แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ประเภท B2C ในประเทศจีน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2542 เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการจำหน่ายสินค้าประเภทหนังสือ

*** Amazon แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ประเภท B2C ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เข้ามาบุกตลาดจีนในปี พ.ศ. 2547 จากการซื้อเว็บไซต์ Joyo.com จำหน่ายสินค้าประเภทหนังสือ สื่อโสตทัศน์ และสื่อบันเทิงต่างๆ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Amazon.cn ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ชั้นนำของจีน

* เยือนกระท่อมถึงสามครั้ง เป็นสำนวน หมายถึงไปขอความช่วยเหลือหรือไปเยี่ยมเยียนเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ มีที่มาจากวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก เล่าว่าเล่าปี่ต้องการแสดงความจริงใจจึงเพียรมาหาขงเบ้งที่กระท่อมบนภูเขาถึงสามครั้งเพื่อขอให้มาเป็นกุนซือให้

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 .. 66 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: