บทที่ 63
เหล่าเหมียวเองก็คาดไม่ถึงว่าชูหลี่จะตกลงรับปากเร็วขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ตอบรับเรื่องยอดตีพิมพ์ครั้งแรกจำนวนสามแสนห้าหมื่นเล่มของโจ้วชวน กระทั่งเรื่องสั่วเหิงก็ยังตอบรับด้วย…เขาตะลึงไปชั่วขณะแล้วก็หัวเราะขึ้นมาพลางส่งช่องทางการติดต่อสั่วเหิงให้ชูหลี่ในคิวคิว
“ได้ๆๆ ฉันให้เธออยู่แล้ว จะเสียงดังอะไรขนาดนั้น กลัวฉันเปลี่ยนใจงั้นเหรอ…อยากได้นักเขียนคนนี้ก็เอาไป มีอะไรต้องเสียดายกัน งานก็ขายไม่ได้ แย่ลงเรื่อยๆ ทุกปี”
“…เหล่าเหมียวคะ เอาสั่วเหิงให้ชูหลี่ดูแลไม่น่าจะดีมั้ง ตั้งแต่เจียงอวี่เฉิงมาอยู่ที่นี่แล้วลงนิยายรายตอนเพิ่มอีกคน ต้นฉบับเรื่องสั้นของเหอหม่าก็มักจะถูกตีกลับ ไม่ได้ลงในนิตยสารมาสองสามฉบับแล้ว นอกจากสั่วเหิงกับเหนียนเหนียน นักเขียนคนอื่นที่คุณดูแลอยู่ก็ไม่มีใครลงผลงานได้แล้ว…” เสี่ยวเหนี่ยวพูดแทรกขึ้นมา แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเหล่าเหมียวหันมาถลึงตาใส่
จากนั้นเหล่าเหมียวหมุนเก้าอี้กลับไป “จริงๆ ฉันก็ไม่อยากดูแลพวกที่ขายไม่ออกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ช่วงนี้กำลังปรึกษากับสำนักพิมพ์เรื่องงานอื่นอยู่…คนเราน่ะนะ ไม่ควรดื้อดึงพาตัวเองเดินจนมุมหรอก นี่มันยุคไหนกันแล้ว ยังมีใครซื้อนิตยสารทุกสัปดาห์เพื่ออ่านนิยายอีก!”
เขาพูดไปก็เหลือบตามองชูหลี่ไปด้วย
ชูหลี่พึมพำหน้านิ่ง “พูดอะไรไร้สาระ ฉันไม่ฟังหรอกนะ”
ระหว่างที่พึมพำก็ทักคิวคิวของสั่วเหิงไปด้วย…สั่วเหิงเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมากกว่าที่คิด หลังจากที่แจ้งว่าต้องเปลี่ยน บ.ก. ผู้รับผิดชอบ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่งเพียงแค่ ‘อ้อ’ ที่แฝงความหมายลึกซึ้งแล้วเงียบไป…ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ การเปลี่ยน บ.ก. ผู้รับผิดชอบกะทันหันคงทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทอดทิ้ง
ชูหลี่ทำได้เพียงลดความไม่สบายใจของสั่วเหิงลง วิธีการที่หญิงสาวคิดได้คือพยายามพูดคุยเกี่ยวกับนิยายเรื่องใหม่ของอีกฝ่าย ทำให้เธอลืมเรื่องที่ถูกทอดทิ้งให้เร็วที่สุดและปรับตัวให้ได้…แต่ทว่าสิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือเพิ่งจะเอ่ยปากพูดเรื่องผลงานใหม่ สั่วเหิงก็ตอบกลับมาทันที…
สั่วเหิง : อ้อ ครั้งที่แล้วเหล่าเหมียวให้ฉันเขียนแนวน่ารักสดใสเกี่ยวกับเทพเซียนที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ฉันเริ่มเขียนช่วงแรกแล้วค่ะ
พูดเสร็จเธอก็ส่งต้นฉบับที่มีแค่ช่วงแรกมาให้ ชูหลี่อ่านไปนิดหน่อย…เห็นถึงความพยายามของเธอที่จะเขียนให้น่ารักสดใสได้อย่างชัดเจน แต่…สั่วเหิงเป็นนักเขียนที่เคยโด่งดังจากนิยายรักแนวโบราณ นักอ่านชื่นชมเพราะเธอใช้สำนวนภาษาที่แทรกความละเอียดอ่อนไว้ในความยิ่งใหญ่ ทั้งยังชอบเรื่องราวของสตรีผู้เข้าโรมรันในสมรภูมิรบจากปลายปากกาของเธอ…
ทำไมนักเขียนแบบนี้ต้องเขียนแนวน่ารักสดใสด้วยล่ะ
ชูหลี่ปิดต้นฉบับและแสดงความคิดเห็นกับสั่วเหิงอย่างใจเย็น แต่เพิ่งพูดจบสั่วเหิงก็ถามกลับมาอย่างรวดเร็ว…
สั่วเหิง : งั้นตอนนี้มีเรื่องอะไรที่เป็นที่นิยมบ้าง นักอ่านชอบอ่านอะไร สตาร์คราฟต์*? แนวโบราณ? แนวทะลุมิติ? อ้อ หรือว่าแนวน่ารักๆ ที่ตัวเอกมีคนแปลงร่างเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ได้ ฉันเขียนได้หมดเลยนะคะ…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : …ไม่ต้องสนใจว่าตอนนี้เรื่องอะไรเป็นที่นิยม คุณมีแนวไหนที่อยากจะเขียนไหมคะ
สั่วเหิง : จริงๆ ก็มีนะคะ ฮ่าๆๆ แต่เหล่าเหมียวบอกว่าแนวที่ฉันอยากเขียนไม่มีทางดังแน่ๆ เลยไม่ยอมให้เขียน…เพราะว่าตอนนี้คนอ่านนิยายรักแนวโบราณมีน้อยมาก
สั่วเหิง : เหล่าเหมียวบอกว่านักเขียนที่ไม่มีกระแสแล้วอย่างฉัน ทางที่ดีควรเขียนแนวที่รับประกันได้ว่าดังแน่นอน จำพวกแนวยอดนิยมที่แม้แต่นักเขียนมือใหม่ก็สามารถเขียนจนดังได้ อีกอย่างฉันเป็นนักเขียนเก่า บางทีอาจช่วยให้ฉันกลับไปอยู่ในสายตาของทุกคนได้อีกครั้ง…ฉันคิดว่าเขามีเหตุผลมากเลยทีเดียว
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : …
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ตอนนี้เขาไม่ใช่ บ.ก. ผู้รับผิดชอบของคุณแล้ว ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองนะคะ
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ลองคิดดูนะคะว่าตอนแรกทำไมสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยถึงรับคุณเข้ามา…เรารับคุณเพราะว่าอยากเห็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ ไม่ใช่รับคุณมาเพื่อเขียนสิ่งที่ ‘ไม่ใช่สั่วเหิงก็เขียนได้’…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ไม่รู้ว่าที่ฉันพูดแบบนี้พอจะทำให้คุณเข้าใจได้บ้างไหมคะ