Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์
ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ บทที่ 63
ปกติการจัดวางที่ตำแหน่งหนังสือขายดีในร้านหนังสือต้องใช้ประมาณสองร้อยเล่ม
แม้ว่าร้านหนังสือซินหวาจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ทั่วประเทศมีร้านหนังสือซินหวาหมื่นกว่าแห่ง แต่ปกติตำแหน่งหนังสือขายดีจะมีแค่ในร้านที่อยู่ใกล้โรงเรียนหรือร้านขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเท่านั้น ดังนั้นตำแหน่งหนังสือขายดีมีเพียงประมาณไม่กี่ร้อยแห่งทั่วประเทศ…
ลองคำนวณโดยอิงจากร้านที่ใหญ่ที่สุดสี่ร้อยแห่งแล้ว แค่วางอยู่ตรงตำแหน่งที่ว่าอย่างเดียวก็ต้องใช้แปดหมื่นเล่ม
แต่ก็เพียงแค่แปดหมื่นเล่มเท่านั้น เมื่อรวมกับยอดสั่งซื้อของตัวแทนจัดจำหน่ายต่างๆ ในระยะสองสามวันแรก ซึ่งก็น่าจะอยู่ที่ประมาณแสนกว่าเล่ม ตัวเลขจำนวนนี้สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยต้องตะครุบจับไว้ให้มั่นแน่นอน…แต่ปัญหาหลักอยู่ที่แปดหมื่นเล่มที่จัดวางในร้านหนังสือซินหวา เพราะหลังจากครบกำหนดเวลาการจัดวางที่ตำแหน่งหนังสือขายดีแล้ว ร้านหนังสือซินหวามีสิทธิ์คืนสินค้าส่วนที่ขายไม่หมดได้
เรื่องดีๆ อย่างการจัดวางที่ตำแหน่งหนังสือขายดีในร้านหนังสือก็ไม่ได้ให้ทำแบบฟรีๆ ทางสำนักพิมพ์ต้องเอาเปอร์เซ็นต์กับสิทธิ์คืนสินค้าไปแลก…พูดง่ายๆ ก็คือถ้าเป็นหนังสือทั่วไปจะต้องหักให้ร้านหนังสือซินหวาสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์จากราคาปก แต่ถ้าวางที่ตำแหน่งหนังสือขายดีจะต้องหักให้ร้านห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งปกติตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วไปจะสามารถคืนสินค้าได้เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าร้านหนังสือซินหวาให้โปรโมตที่ตำแหน่งหนังสือขายดีก็จะมีสิทธิ์คืนสินค้าได้มากถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเพื่อตำแหน่งดีๆ สำหรับโปรโมตหนังสือก็ต้องยอมแบกรับความเสี่ยงจากการถูกคืนสินค้าจำนวนมาก!
จากที่กล่าวมาข้างต้น สำนักพิมพ์คงจะตะครุบยอดตีพิมพ์แปดหมื่นเล่มนี้ไว้ ส่งผลให้ตัวแทนจัดจำหน่ายรายอื่นที่สั่งห้าหมื่นเล่มสามารถตีพิมพ์เพิ่มอีกสองหมื่นเล่มจนกลายเป็นเจ็ดหมื่นเล่มได้ แต่พอมีร้านหนังสือซินหวาเข้ามาก็อาจเปลี่ยนเป็นตีพิมพ์เพิ่มให้ได้แค่ห้าพันเล่มเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องรอสินค้าที่คืนมาหลังจากร้านหนังสือซินหวาขายเรียบร้อยแล้ว…
ชูหลี่ “…”
หญิงสาวนั่งนับนิ้วคิดตัวเลขอยู่นาน แล้วจึงเปิดรายชื่อตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วไปที่สั่งซื้อหนังสือล่วงหน้าดูอีกรอบ คำนวณจนครบก็ส่งให้หนุ่มน้อยฝ่ายการตลาดไปติดต่อพวกเขา ลองดูว่าสามารถแจ้งล่วงหน้าได้หรือไม่ว่าจะจัดส่งหนังสือไปแค่ส่วนหนึ่งก่อน…
แต่ไม่ว่าเธอจะนับอย่างไร จำนวนรวมทั้งหมดยังห่างจากที่เดิมพันกับเหล่าเหมียวไว้ ‘สามแสนห้าหมื่นเล่ม’ อีกเยอะ
ขณะนี้เองไม่รู้ว่าเหล่าเหมียวได้ยินข่าวนี้มาจากไหน เขามีท่าทางดีใจราวกับมีมสุนัขน้อยขนสีเหลือง นั่งไถเม้าส์ดูเถาเป่าด้วยใบหน้าที่แสดงความรู้สึกเต็มเปี่ยม
“โอ๊ะโอ คิดไม่ถึงเลยนะ เท้าหน้าเพิ่งจะเดิมพัน เท้าหลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงผลแพ้ชนะก็ออกแล้ว…รวมๆ แล้วเหลือเวลาอย่างมากหนึ่งสัปดาห์กว่าให้เธอทำยอด ชูหลี่ เธอว่าจะทำยังไงดีล่ะ”
ชูหลี่ไม่ได้สนใจเขา เธอยืนขึ้นมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาเล็กน้อย ขณะนั้นเหล่าเหมียวกำลังเลื่อนๆ ดูเพื่อเลือกของใส่ตะกร้า…
ทำให้ชูหลี่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงตบมือ “ใช่แล้ว! พวกเรายังไม่ได้นับยอดสั่งซื้อของตัวแทนจัดจำหน่ายหนังสือออนไลน์นี่นา!”
“แล้วไง” เหล่าเหมียวพูดแล้วหัวเราะ “เมื่อเดือนที่แล้วตอนที่สำนักพิมพ์ซินตุ้นวางจำหน่ายหนังสือของโค่วเหวยบนอินเตอร์เน็ตรวมแล้วยังได้ไม่เกินหนึ่งหมื่นเล่ม…วางขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์พร้อมกันทั่วประเทศ พวกที่เล็งฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกก็ไปซื้อที่ร้านหนังสือกันหมดแล้ว ใครจะรอร้านค้าออนไลน์มาส่งกัน พัสดุส่งชักช้าข้ามฟ้าข้ามภูเขากว่าจะถึง กว่าจะได้หนังสือ คนที่ซื้อจากร้านหนังสือซินหวาก่อนก็สปอยล์กันเต็มไปหมดแล้วล่ะ!!”
โค่วเหวยเป็นนักเขียนระดับเดียวกับโจ้วชวน แต่เพราะมี บ.ก. ที่ยอดเยี่ยมของสำนักพิมพ์ซินตุ้นดูแลอยู่ ชื่อเสียงและผลงานของนักเขียนจึงสมบูรณ์และเป็นรูปเป็นร่างเร็วกว่าโจ้วชวน
“…”
ชูหลี่รู้สึกปวดหัวขึ้นมา…
ความจริงแล้วในยุคอินเตอร์เน็ต การซื้อของออนไลน์สะดวกสบายอย่างมาก…แต่ข้อดีของการจ่ายเงินปุ๊บได้ของปั๊บ จับต้อง ใช้สอย และชื่นชมสิ่งของได้เดี๋ยวนั้นต้องแลกมาด้วยการขนส่งพัสดุที่ล่าช้า นี่จึงเป็นเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ร้านค้าทั่วไปสามารถอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้
ขณะที่เหล่าเหมียวกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ชูหลี่ก็นิ่งเงียบไปตลอดทั้งบ่าย
จนกระทั่งตอนเย็นกลับถึงบ้าน
เมื่อเปิดประตูรั้วหน้าบ้านออก มองแวบเดียวก็เห็นชายหนุ่มในชุดนอนคนหนึ่งนั่งยองๆ กอดเข่ากระดกก้นอยู่หน้าเตาอั้งโล่ กำลังขยำกระดาษก่อนจะยัดเข้าไปในเตา…เปลวไฟกลืนกินสิ่งที่อยู่ในมือ เมื่อถูกเผาแล้วเขาก็เอามือออก ทิ้งกระดาษเหล่านั้นลงไป…
“…” ชูหลี่เดินเข้าไปหาแล้ววางกระเป๋าบนหลังของชายหนุ่มพลางถาม “ทำอะไรอยู่คะ ปาร์ตี้บาร์บีคิวเหรอ”
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ปล่อยให้เธอเห็นตัวเองเป็นที่วางกระเป๋าหรือโต๊ะวางของประมาณนั้น
“เผาต้นฉบับ”
หญิงสาวชะงัก เมื่อมองดูอีกทีก็พบว่าเป็นกระดาษที่เธอเคยเห็นวางอยู่บนโต๊ะของชายหนุ่มจริงๆ บนกระดาษยังมีการจดบันทึกด้วยลายมือหวัดๆ ของชายหนุ่มอยู่ เธอถามด้วยความสงสัย
“เผาต้นฉบับทำไมคะ”
แค่ทิ้งไปก็จบเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ
“ต้นฉบับเต็มไปด้วยส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่มาประกอบเป็นโครงเรื่องกับพล็อตที่อยู่ๆ ก็แวบเข้ามาในหัวผม ของสำคัญขนาดนี้ ถ้าทิ้งลงถังขยะไปเฉยๆ แล้วถูกคนเร่ร่อนขโมยคัดลอกงานไป ใช้ความสามารถระดับประถมมาเขียนนิยายที่พล็อตเรื่องยอดเยี่ยม แต่สำนวนยอดแย่แล้วเกิดดังขึ้นมาจะทำยังไง” โจ้วชวนหยิบต้นฉบับมาอีกกอง “เพราะงั้นเผาทิ้งไปให้หมด”
“…” ชูหลี่พึมพำ “เพ้อเจ้อเป็นบ้า”
เธอถือกระเป๋าที่วางอยู่บนหลังของชายหนุ่มขึ้นมา เตรียมตัวจะเดินไปที่ห้อง ตอนนี้เองก็เห็นเขาหยิบสิ่งที่ไม่น่าจะใช่ต้นฉบับออกมา…หญิงสาวหยุดเดินครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามอง ปรากฏว่าเป็นคอลเล็กชั่นภาพวาดของแม่นางเจี่ยนที่เคยเห็นอยู่ตรงโถงทางเดินในบ้านโจ้วชวนเมื่อหลายเดือนก่อน
ชูหลี่รีบเดินกลับมา ดึงเอาคอลเล็กชั่นภาพวาดจากมือโจ้วชวนไป “นี่เป็นคอลเล็กชั่นภาพวาดที่ดีมาก คุณจะเผาทำไม…”
“ยุ่งอะไรด้วย คุณเป็นแฟนคลับที่ผันตัวเป็นแอนตี้แฟนแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“ต่อให้เป็นแฟนคลับที่ผันตัวเป็นแอนตี้แฟนแล้ว แต่บนอินเตอร์เน็ตคอลเล็กชั่นภาพวาดนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดฉบับมีลายเซ็นที่คนตามหากันเยอะมาก จำได้ว่าปีนั้นฉันกับเพื่อนไม่หลับไม่นอนเพื่อนั่งรอสั่งพรีออเดอร์ แย่งชิงห้าสิบฉบับแรกที่มีลายเซ็นมาจากบรรดาแฟนคลับที่ราวกับแปลงร่างเป็นนักล่าได้!!!! คุณรู้ไหมคืนนั้นคอลเล็กชั่นภาพวาดนี้ขายไปได้กี่พันฉบับ…”
อยู่ๆ เสียงของชูหลี่ก็เงียบลง ชายหนุ่มที่นั่งยองๆ กอดเข่าอยู่หน้าเตาอั้งโล่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยับก้นหันกลับมา
“เป็นอะไรไป”
โจ้วชวนยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ยืนสั่งสอนเขาอยู่ตรงหน้าเมื่อกี้อยู่ๆ ก็ทิ้งคอลเล็กชั่นภาพวาดลง ก้มลงกอดเขาไว้แน่นทันที…
ชายหนุ่มตกอยู่ในอ้อมกอดที่อ่อนโยนอย่างไม่ทันตั้งตัว ปลายจมูกโด่งสัมผัสผิวอ่อนนุ่มส่วนคอของเธอ
โจ้วชวน “…”
วินาทีถัดมาชูหลี่ก็ผละออกแล้วพูด “กินข้าวกับรอง บ.ก. นะ วันนี้มีล็อบสเตอร์ หอยเป๋าฮื้อ เนื้อราชามังกร” พอเธอหันหลังท่าทีซึมเซาเหงาหงอยเมื่อสักครู่ก็หายไป เธอฮัมเพลงและกระโดดโลนเต้นกลับเข้าบ้านไป
* สตาร์คราฟต์ เป็นชื่อเกมแนววางแผนกลยุทธ์ในการรบ (RTS) ระหว่างสามเผ่าพันธุ์ในอวกาศ เมื่อนำมาเรียกเป็นแนวนิยายจะหมายถึงนิยายแนวไซไฟ (Sci-Fi) ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร อาวุธ และสงครามอวกาศ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น.