ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ บทที่ 65 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์

ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ บทที่ 65

บทที่ 65

ช่วงบ่ายชูหลี่ได้ข่าวมาว่าใบสั่งซื้อล็อตแรกส่งถึงโรงพิมพ์เพื่อให้เร่งดำเนินการแล้ว ฝ่ายขายและสำนักพิมพ์ตกลงกันว่าจะหลีกทางให้เรื่อง ‘อย่าทำให้นกกางเขนตกใจ’ ของแฮร์มันน์ เพื่อชิงตำแหน่งหนังสือขายดีในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนธันวาคม…หญิงสาวรู้สึกกังวลมาก จึงรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายปรึกษาหารือกับอาเซี่ยงว่าภาพโปรโมตขนาดยาวควรจะทำอย่างไร

จนถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น ในที่สุดภาพโปรโมตขนาดยาวก็เสร็จสิ้น ที่เหลือก็ตัดสินใจเรื่องของพรีเมี่ยมสำหรับการพรีออเดอร์ทางออนไลน์ว่าควรเป็นอะไรดี แค่นี้สามารถเปิดพรีออเดอร์ได้แล้ว…ชูหลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ เงยหน้าขึ้นดูนาฬิกา ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานสักที…

ตอนนี้หญิงสาวไม่รับรู้แล้วว่าคนที่อยู่รอบข้าง รวมถึงอาเซี่ยงกำลังพูดอะไรกัน เธอง่วงจนแทบไม่มีสติแล้ว…

บนรถไฟใต้ดินที่นั่งกลับบ้าน ผู้คนเห็นแค่หญิงสาวกอดกระเป๋าผ้าสีขาว หน้าตาซีดเซียว ใต้ตาดำคล้ำเหมือนถูกผีสิง พิงราวจับโอนเอนไปมาเหมือนจะหลับได้ทุกเมื่อ…เมื่อเสียงในรถไฟใต้ดินประกาศว่าถึงสถานีที่คุ้นเคยแล้ว เธอก็ตื่นขึ้นมาราวกับว่าเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้คนรอบข้าง แล้วจึงเดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆ ลงจากรถไฟใต้ดินช้าๆ

เพราะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในการเข้างานและเลิกงาน ทำให้สถานีรถไฟใต้ดินถึงมีผู้คนมากมาย ชูหลี่เดินตามฝูงชนไป ไม่รู้ว่าโดนชนไหล่ไปกี่ครั้ง ทั้งยังไม่แน่ใจว่าเธอเดินไปชนคนอื่นหรือคนอื่นเดินมาชนเธอกันแน่ รู้แค่ว่าทุกครั้งเธอจะเป็นฝ่ายพูด ‘ขอโทษ’ ก่อน…มีบางครั้งที่อีกฝ่ายเหมือนจะโกรธขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่เมื่อก้มลงมองท่าทางที่ราวกับไร้วิญญาณและสายตาอันว่างเปล่าของหญิงสาว คำพูดที่กำลังจะออกจากปากก็ถูกกลืนกลับเข้าไปทันที ทำได้แค่สบถด่าในใจแล้วหมุนตัวเดินจากไป

“…”

ชูหลี่ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น คิดแค่ว่าอยากรีบกลับบ้านไปทิ้งตัวลงนอน แต่ทว่าวันนี้เหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นอุปสรรคกับเธอไปเสียหมด ตอนที่ก้าวออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน เธอก็ถูกตื๊อโดยพนักงานแจกใบปลิวของโรงยิมเปิดใหม่ที่อยู่ในละแวกนี้…แม้จะปฏิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังตามมารบกวนอย่างไม่ลดละ…

“น้องสาวครับ ผมลดราคาให้คุณได้นะ! ถึงแม้ว่ารูปร่างของคุณจะไม่อ้วน แต่ก็สามารถเสริมให้แข็งแรงได้ เทรนเนอร์ของเราล้วนมีรางวัลการันตีมาแล้วทั้งนั้น! อุปกรณ์ของเราก็ดีมาก เป็นของใหม่ทั้งหมด ใช้ก่อนได้ประโยชน์ก่อน เพียงสี่ร้อยเก้าสิบแปดหยวนต่อเดือนเท่านั้น…”

ชูหลี่ไม่สนใจเขา ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป อีกฝ่ายก็ยังไล่ตามมาแถมยังดึงเธอไว้จนเซไปด้านหลัง…หญิงสาวโกรธมากที่ถูกทำแบบนี้ จึงใช้มือผลักเขาออกไป

“คุณอย่ามาดึงฉันได้ไหม ห้าร้อยหยวนน่ะฉันกินข้าวกล่องได้เดือนหนึ่งเลยนะ ฉันบอกว่าไม่…”

ใบปลิวในมือของอีกฝ่ายหล่นกระจัดกระจายลงพื้น ใบหน้าที่เดิมทีดูหน้าด้านหน้าทนเปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที เขาฉวยโอกาสตอนที่ชูหลี่กำลังตกตะลึงขึ้นเสียงโวยวายว่าเธอใช้ความรุนแรงกับตัวเองและต้องชดใช้ค่าเสียหาย!

ในตอนนี้เองชูหลี่กำลังก้มลงเก็บใบปลิวให้เขา ละแวกนี้มีชุมชนระดับหรูหราอยู่มากมาย ถนนหนทางจึงสะอาดสะอ้านมาก ใบปลิวเมื่อเก็บขึ้นมาแล้วจึงยังใช้ได้อยู่…พอได้ยินคำพูดของพนักงานแจกใบปลิวแล้วก็พูดทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าจากการเก็บใบปลิวด้วยซ้ำ

“ชดใช้อะไร กระดาษขาดๆ ไม่กี่ใบ ยี่สิบหยวนพอไหมสำหรับให้คุณพิมพ์เพิ่มอีกร้อยสองร้อยใบเพื่อเอาไปสร้างรังน่ะ”

“ผมพิมพ์สีนะ ใบเดียวก็หนึ่งจุดห้าหยวนแล้ว เยอะขนาดนี้คุณต้องชดใช้ให้ผมสามร้อยหยวน! ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความ!”

“สามร้อยหยวน!” ชูหลี่หนีบใบปลิวทั้งปึกไว้ “งั้นคุณไปแจ้งความเลยเถอะ ฉันจะถือโอกาสแจ้งด้วยว่าคุณข่มขู่ฉัน”

ฝ่ายตรงข้ามได้ยินแบบนั้นเข้าก็ยิ่งโกรธ โยนใบปลิวที่เหลืออยู่ในมือใส่หน้าเธอ หญิงสาวหลบทัน อีกฝ่ายจึงดึงแล้วผลักเธอจนล้มลงไปกองกับพื้น ชูหลี่รู้สึกเจ็บที่หัวเข่าทันที เลือดสีแดงซึมทะลุกางเกงสีขาวออกมาอย่างรวดเร็วจนย้อมเป็นวงเล็กๆ บริเวณรอบหัวเข่า…

คงจะถลอกเป็นแผลตรงหัวเข่าอะไรทำนองนั้น

ขณะนั้นคนที่อยู่รอบข้างต่างมองดูความวุ่นวายและล้อมวงเข้ามามุงทันที…

“ตายแล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ คุณผลักเขาทำไม!”

“พวกเราเห็นคุณดึงผู้หญิงคนนี้ก่อน การขายของสมัยนี้มันไร้ยางอายแบบนี้เหรอ”

“ยังจะโวยวายให้ชดใช้อีก แค่กระดาษขาดๆ ไม่กี่ใบ ฉันจะดูสิว่าคุณจะชดใช้ค่ายารักษาที่ราคาพอๆ กันได้หรือเปล่า”

ขณะที่คนรอบข้างกำลังเถียงแทนเธออยู่ ชูหลี่ก็นั่งกอดกระเป๋าผ้าของตัวเองอยู่บนพื้น ในใจคิดว่าทำไมซวยขนาดนี้เนี่ย ฉันก็แค่อยากกลับบ้านไปนอนพักสักงีบเท่านั้นเอง

ขณะที่กำลังก้มหน้าคิดว่าจะจบเรื่องนี้อย่างไร เธอก็ใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นเพื่อจะลุกขึ้นพร้อมอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหลบให้เล็กน้อย แล้วอยู่ๆ ก็เงียบลง…แล้วทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งช่วยดึงข้อศอกเธอจากด้านหลัง พยุงเธอขึ้นมาจากพื้นราวกับหิ้วลูกไก่

กระเป๋าผ้าถูกถือติดมือขึ้นมาด้วย ชูหลี่ตกตะลึง ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งอยากจะหมุนตัวกลับ แต่หลังไปชนเข้ากับหน้าอกคนคนนั้น เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หู

“เกิดอะไรขึ้น”

หญิงสาวอึ้ง คิดว่าตัวเองคงง่วงมากจนเกิดภาพหลอนเสียแล้ว ปรากฏว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นกรามโค้งของชายหนุ่ม เธอจึงกะพริบตาปริบๆ

“อาจารย์โจ้วชวน? คุณมาได้ยังไง…”

“อย่าเพิ่งพูด”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดลงบนศีรษะของเธอ…ทุกครั้งที่อยากให้เธอเงียบ เขาจะทำแบบนี้เสมอ เหมือนว่าเธอเป็นนาฬิกาปลุกที่กดปุ่มด้านบนแล้วจะเงียบลงอย่างไรอย่างนั้น…ชูหลี่จ้องมองเขาอย่างแปลกใจ สีหน้าของเขาสงบราวกับน้ำ มองไปที่พนักงานแจกใบปลิวที่ถูกผู้คนตีวงล้อมเข้ามามุงดูอยู่ไม่ไกลนัก

ฝ่ายหลังเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนพญายมที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางคัน ครู่เดียวความอวดดีเย่อหยิ่งเมื่อสักครู่ก็หายไปหมด…

ฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆ รู้สึกสบายใจขึ้น ต่างแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์…

“เมื่อกี้ยังโวยวายเสียงดังให้แม่สาวน้อยชดใช้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“พอเห็นแฟนเธอมาก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย แบบนี้คือการข่มขู่สินะ! รังแกกันนี่นา!”

“หน้าไม่อายจริงๆ”

“โชคดีที่แฟนของแม่สาวน้อยมารับที่ทางออกสถานีรถไฟใต้ดินพอดี ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกรังแกไปถึงไหนก็ไม่รู้!”

คำพูดเหล่านี้ลอยมาเข้าหูของชูหลี่ สมองของเธอทำงานอย่างหนัก ริมฝีปากขยับพลางเงยหน้ามองโจ้วชวน…คนด้านหลังกลับไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองพนักงานแจกใบปลิวด้วยนัยน์ตาเข้ม จากนั้นเขาก็แสดงท่าทีที่เหนือความคาดหมายออกมา ชายหนุ่มกวาดตามองใบปลิวที่ตกกระจัดกระจายอยู่รอบๆ แล้วล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา

“ผมได้ยินตั้งแต่ไกลๆ ที่คุณตะโกนเอะอะว่าสามร้อยหยวน ก็แค่สามร้อยหยวนเองไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณต้องการก็บอกมา ทำไมต้องทำร้ายเธอด้วย”

โจ้วชวนคลายมือที่จับแขนชูหลี่ เธอรู้สึกอ่อนแรงจึงยืนพิงเขาไว้

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้โจ้วชวนเป็นเหมือนภูเขาลูกเล็กๆ ให้คนขาเจ็บอย่างเธอได้พึ่งพิง เปลี่ยนจากท่าทางที่ชอบทำเหมือนอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่เคยต้องลำบากตรากตรำ หรืองอแงเอาแต่ใจเหมือนตอนอยู่ที่บ้านไปโดยสิ้นเชิง…

ภายใต้สายตาหลายคู่ที่จับจ้องมองมา เขาหยิบธนบัตรสีแดงออกมาสามใบแล้วยื่นไปตรงหน้าพนักงานแจกใบปลิวด้วยสีหน้าสงบ ดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใด

อย่างไรก็ตามก็ทำให้พนักงานแจกใบปลิวหน้าแดงขึ้นมาทันทีด้วยความอับอาย มองโจ้วชวนและมองธนบัตรสีแดงทั้งสามสลับไปมา จะรับก็ไม่ใช่ ไม่รับก็ไม่เชิง…

“รับไปสิ!”

“อยากได้เงินนักไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณแล้วนี่ไง มีหน้ารับไปไหมล่ะ!”

“แบบนี้เรียกว่าโจรชัดๆ ใครจะกล้าไปโรงยิมของพวกคุณกันล่ะ”

“ฉันว่าเขาคงไม่มีหน้ารับไปหรอก”

ผู้คนรอบข้างเริ่มเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ชูหลี่ยืนอยู่ตรงนั้นจับชายเสื้อของโจ้วชวนเอาไว้ กระเป๋าผ้าของเธอที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นบนพื้นยังคงอยู่ในมือของชายหนุ่ม เธอเงยหน้ามองใบหน้าอันเย็นชาและดุดันของเขา รู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินสามร้อยหยวน…

อาจเป็นเพราะเธอง่วงมากจนเกิดภาพหลอนอะไรทำนองนั้น จึงรู้สึกว่าวันนี้อาจารย์นักแสดงดูสูงส่งเหมือนรูปปั้นทองคำมูลค่าสามล้านหยวนที่ส่องประกายระยิบระยับ

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนกุมภาพันธ์ 66)

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com