บทที่ 7
ขณะนั้นโจ้วชวนจมูกแดงก่ำ ประกอบกับตอนที่เชิดคางอันสวยงามขึ้นมาแล้วพูดแบบมีจริตหญิงว่า ‘ยังไม่คู่ควรมาล้างเท้าให้ผมเลย’ ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ชูหลี่ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น จึงรีบเดินก้มหน้างุดออกไปอย่างรวดเร็ว
โจ้วชวนยืนอยู่ตรงทางเข้าและมองดูหญิงสาวที่น่าสงสารเดินจากไป รอจนกระทั่งไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ จึงละสายตาและพูดเหน็บแนมเจ้าสุนัขตัวโตที่ยืนเกาะอยู่ตรงประตูรั้วเหล็ก
“ไปก็ไปแล้ว ยังจะมองอะไรอีก เข้ามา”
สุนัขตัวโตกระโดดลงมาอย่างไม่เต็มใจ พร้อมกันนั้นเจ้าของของมันก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อเดินผ่านโถงทางเดิน ชายผู้นี้ก็ถีบกองขยะเก่าๆ ที่เอนเอียงไปมา และขณะที่เดินผ่านโต๊ะวางชุดน้ำชา เขาก็เขี่ยกระดาษใบเล็กๆ ที่มีหมายเลขโทรศัพท์และคิวคิวของใครบางคนลงถังขยะอย่างง่ายดาย
เอ้อร์โก่วตามเข้ามา จากนั้นก็ใช้จมูกดอมดมไปทั่ว เจ้าสุนัขตัวโตเอาหัวมุดลงไปในถังขยะแล้วดึงหัวออกมา จากนั้นยกขาขึ้นและคุ้ยถังขยะด้วยอุ้งเท้า…
โจ้วชวน “…”
เขาจ้องเจ้าสุนัขอย่างนิ่งเฉยอยู่สามวินาที และในวินาทีนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นอำมหิตพร้อมกับคว้าหูของเจ้าสุนัขตัวโตเอาไว้แน่น
“แค่รับสินบนเป็นซาลาเปาลูกเดียว ถึงกับทำให้แกไปไม่เป็นเลยหรือไง! เจ้าหมาบ้านที่กินอาหารนอกเป็นกะละมัง ค่าอาหารที่ฉันซื้อมาประเคนให้ในแต่ละเดือนซื้อซาลาเปาให้แกได้เป็นตัน!”
เอ้อร์โก่วดึงหัวของมันออกมาจากมือชายหนุ่มและสะบัดหัวไปมา อุ้งเท้าใหญ่โตนั้นเหยียบบนกระดาษแผ่นเล็กๆ…โจ้วชวนเหลือบตามองและก้มลงหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา เขาเพ่งมองมันอย่างจริงจัง นี่ไม่ใช่นามบัตรทั่วไป เป็นการเขียนทั้งเบอร์โทรศัพท์และเบอร์คิวคิวด้วยมือล้วนๆ
ไม่มีนามบัตรที่ดูจริงใจกว่านี้หรือไง หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงพนักงานชั่วคราวของสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ย
เดี๋ยวนะ ที่แท้สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยส่งพนักงานชั่วคราวมาเล่นละครตบตาฉัน?
…ช่างกล้านักนะพวกคนเลว!
ด้วยพลังแห่งจินตนาการที่ล้นเหลือทำให้ไฟแห่งความโกรธในดวงตาลุกโชนขึ้นในชั่วพริบตา เขาโยนแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วหันหลังไปเก็บขยะและล้างมือ หลังจากล้างมือก็เดินกลับไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วเปิดเอกสารดูตัวอักษรที่นำมาซึ่งความฮึกเหิมในการทำงานและเปลวไฟแห่งความโกรธ…
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงแล้ว
ขณะที่โจ้วชวนกำลังยืดเส้นยืดสาย หางตาเขาบังเอิญเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษบนโต๊ะที่เขาวางไว้ในตอนเช้า…เขานิ่งมองไปยังกระดาษเป็นเวลาสามวินาที หลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่าไม่อยากจะมานั่งเสียใจไปตลอดชีวิตกับสิ่งที่ไม่ได้ลงมือทำ…เขาจึงหยิบกระดาษแผ่นนั้น ก่อนจะกดเปิดคิวคิวสองหน้าต่างซ้ายขวาขึ้นมาในเวลาเดียวกันเพื่อเพิ่มเพื่อน
ปลายนิ้วเรียวกดบนแป้นพิมพ์ เมื่อคลิกเม้าส์ที่คำว่า ‘ค้นหา’ ก็เกิดเสียงดัง ‘คลิก’ ที่คมชัดและไพเราะ และทันทีที่ผลการค้นหาปรากฏขึ้น ชายหนุ่มเหลือบมองรูปโพรไฟล์คิวคิวที่แสนคุ้นเคยและอุทานขึ้นมาอย่างงงงวย
“เอ๋?” ตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อเพ่งมองให้ชัดอีกครั้ง…
‘ผลการค้นหา : มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา’
โจ้วชวนจับเม้าส์และนั่งนิ่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาสามสิบวินาที ในวินาทีที่สามสิบเอ็ด ใบหน้าอันหล่อเหลาและร้ายกาจของชายหนุ่มเริ่มชาและซีดเผือดลงในทันที เขาจึงขยับเม้าส์ไปยังเดสก์ท็อปคิวคิวทางด้านซ้ายแล้วเปิดดูอีกที…พอเปิดดูแล้วก็พบว่ามีรูปโพรไฟล์และลักษณะที่ตรงกันทุกประการ กล่องข้อความการสนทนายังไม่ทันได้ปิด สักพักก็มีข้อความส่งเข้ามาพร้อมไฟสีน้ำเงินกะพริบแบบรัวๆ…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : โธ่เอ๊ย! โดนปฏิเสธอีกแล้ว!!!
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ให้ฉันย้ำอีกครั้งหนึ่งนะว่าหมาที่นักเขียนบางคนเลี้ยงยังดูเป็นมิตรกว่าอีก!
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ทำไมในช่วงต้นปีนี้ถึงโกหกนักเขียนยากนัก เอ๊ะ? ฉันแสดงความจริงใจมากที่สุดในชีวิตฉันแล้วนะ ขอร้องให้เขาเซ็นสัญญาตีพิมพ์ให้! แถมยังซื้อซาลาเปาไปให้ด้วย! เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่ซื้ออาหารเข้าไปให้ผู้ชายน่ะ! ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณ หนำซ้ำยังพูดว่าซาลาเปาของฉันไม่คู่ควรที่จะมาแลกกับค่าลิขสิทธิ์เป็นแสน!
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : นั่นเป็นเรื่องของซาลาเปาเหรอ มันเป็นเรื่องหัวใจของหญิงสาวอย่างฉันต่างหากล่ะ!!!
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : หัวใจของหญิงสาวอย่างเรามันไม่มีค่านี่!!!
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : QAQ กลับไปที่ห้องทำงานก็ยังจะโดนชายตุ้งติ้งโต๊ะข้างๆ หัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่งอีก แล้วยังมีหน้ามาถามฉันอีกนะว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า…นายว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเขาอีกดีไหม หรือจะลองเอาโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าที่ดูดีขึ้นมาหน่อยไปฝากเขาสักชามดี
โจ้วชวนพิมพ์ตอบกลับเธอแค่ ‘…’ จากนั้นก็กดส่งไป ในช่องการสนทนาบนหน้าจอจึงปรากฏเพียง
Mr. L ที่หายไป : …
โจ้วชวน “…”
เขาตกใจสุดขีดจนมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกอย่างรวดเร็ว